เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

เคลียร์ชัด! การทำ ICSI และ IVF คืออะไร เตรียมตัวอย่างไร?

วิธีการเตรียมพร้อมก่อนการทำ ICSI และ IVF

Table of Contents

สำหรับคู่สมรสที่กำลังวางแผนมีบุตรและได้ยินคำว่า “ICSI” และ “IVF” บ่อยครั้งแต่ยังไม่แน่ใจว่าทั้งสองวิธีแตกต่างกันอย่างไร — คำตอบคือทั้งคู่เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือช่วยให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สำเร็จ แต่ต่างกันที่ขั้นตอนของการปฏิสนธิ IVF จะเป็นการปล่อยให้อสุจิผสมกับไข่ภายนอกร่างกายตามธรรมชาติ ส่วน ICSI จะเป็นการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดและฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง ซึ่งให้ผลแม่นยำและมีอัตราความสำเร็จสูงกว่า โดยเฉพาะในคู่ที่ฝ่ายชายมีปัญหาเรื่องคุณภาพของอสุจิ การเข้าใจความแตกต่างและเตรียมตัวอย่างถูกวิธีตั้งแต่ต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้วได้มากขึ้น

การต้องเผชิญกับภาวะมีบุตรยากอาจสร้างความกังวลใจให้ไม่น้อย แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้โอกาสในการมีบุตรอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม โดยมีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อย่าง “กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว” เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งในปัจจุบัน มักนิยมทำอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ การทำ ICSI และการทำ IVF แต่ทั้ง 2 วิธีมีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะมาบอกให้รู้อย่างชัดเจน พร้อมแนะนำการเตรียมตัวก่อนทำ ICSI และ IVF เพื่อเป็นการเพิ่มความพร้อมและโอกาสสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าสู่กระบวนการรักษา

ความแตกต่างของการทำ IVF และ  ICSI คืออะไร?

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ หลายคนอาจคุ้นกับคำว่า การทำกิ๊ฟ, การทำ ICSI (อิ๊กซี่) และการทำ IVF ซึ่งทั้งสามวิธีนี้ต่างก็อยู่ในกลุ่มของการทำเด็กหลอดแก้วที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือช่วยเพิ่มโอกาสให้คู่สมรสที่มีบุตรยากสามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ แต่ความแตกต่างของแต่ละวิธีจะอยู่ที่ “การทำให้เกิดการปฏิสนธิระหว่างไข่และอสุจิ” โดยมีรายละเอียดดังนี้

การทำ IVF คืออะไร?

การทำ IVF คือ กระบวนการที่แพทย์คัดเลือกไข่ที่สมบูรณ์ที่สุดจากฝ่ายหญิง และอสุจิที่แข็งแรงจากฝ่ายชาย แล้วนำมาผสมกันภายนอกร่างกาย โดยปล่อยให้ไข่และอสุจิเกิดการปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติ เมื่อปฏิสนธิสำเร็จแล้ว จะนำไข่ที่ผสมแล้วไปเลี้ยงในห้องปฏิบัติการจนกว่าจะเจริญเป็นตัวอ่อน แล้วจึงย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นการตั้งครรภ์ต่อไป

การทำ ICSI คืออะไร?

การทำ ICSI หรือที่หลายคนเรียกว่า “การทำอิ๊กซี่คือ กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วที่มีความทันสมัยมากกว่าวิธีอื่น ๆ โดยแพทย์จะใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องเพื่อคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียง 1 ตัว แล้วฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ จากนั้นจะนำไข่ที่ผสมแล้วไปเลี้ยงไว้ในห้องปฏิบัติการ โดยใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน เพื่อรอให้ตัวอ่อนเจริญเติบโต และนำกลับไปไว้ในโพรงมดลูก เพื่อให้เจริญเติบโตในครรภ์ของฝ่ายหญิง

การทำ GIFT คืออะไร?

การทำกิ๊ฟ คือ การนำไข่และอสุจิที่คัดคุณภาพแล้ว ใส่กลับเข้าไปในท่อนำไข่ของฝ่ายหญิงโดยตรง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิภายในร่างกายตามธรรมชาติ แตกต่างจากการทำ IVF และ ICSI ที่การปฏิสนธิจะเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ โดยปัจจุบันการทำกิ๊ฟไม่ค่อยนิยมทำเนื่องจากมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและโอกาสสำเร็จน้อยกว่า 

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าความแตกต่างระหว่างการทำ ICSI, IVF และ GIFT อยู่ที่ขั้นตอนและสถานที่เกิดการปฏิสนธิของไข่และอสุจิ โดย IVF จะเป็นการปล่อยให้ตัวอสุจิเข้าไปผสมกับไข่เองตามธรรมชาติ ขณะที่ ICSI เป็นการฉีดอสุจิเข้าไปผสมในไข่โดยตรง ทำให้มีความแม่นยำและโอกาสในการประสบความสำเร็จสูงกว่า ส่งผลให้การทำ ICSI ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ส่วน GIFT จะเป็นการปฏิสนธิที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีแบบดั้งเดิม 

ปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและวางแผนกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วที่เหมาะสมกับคุณ

 

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงร่างกายให้พร้อม สำหรับการเตรียมตัวทำ ICSI

ใครควรพิจารณาทำ ICSI / IVF บ้าง?

การจะเลือกว่าควรทำ ICSI หรือ IVF ดีนั้น ถือเป็นคำถามสำคัญคู่รักที่กำลังวางแผนมีบุตร ซึ่งในแต่ละวิธีจะเหมาะกับปัญหาแต่ละแบบ โดยสามารถแบ่งออกเป็นกรณีหลัก ๆ ดังนี้

  • ฝ่ายชายมีปัญหาด้านอสุจิ : เช่น อสุจิมีจำนวนน้อย เคลื่อนไหวผิดปกติ หรือมีรูปร่างไม่สมบูรณ์ การทำ ICSI จะเหมาะอย่างยิ่ง เพราะช่วยคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพื่อนำไปฉีดเข้ากับไข่โดยตรง ทำให้โอกาสในการปฏิสนธิเพิ่มสูงขึ้น
  • ฝ่ายหญิงมีปัญหาเกี่ยวกับท่อนำไข่หรือการตกไข่ : ผู้หญิงที่มีท่อนำไข่อุดตันหรือทำงานผิดปกติ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาไข่ไม่ตกสม่ำเสมอ อาจต้องอาศัยการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิและให้ตัวอ่อนฝังตัวสำเร็จ
  • คู่สมรสที่พยายามมีบุตรมาเกิน 1 ปี : หากคู่รักมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอโดยไม่คุมกำเนิดเกิน 12 เดือน แต่ยังไม่ตั้งครรภ์ แพทย์มักแนะนำให้พิจารณาเข้าสู่กระบวนการช่วยการเจริญพันธุ์เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์

ผู้ที่เคยทำการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ : เช่น เคยทำ IUI (ฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูก) แล้วไม่ประสบความสำเร็จ การทำ ICSI หรือ IVF ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีอัตราความสำเร็จสูงกว่า

การเตรียมตัวทำ ICSI และ IVF ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?

การเตรียมตัวทำ ICSI และ IVF เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จ คู่สมรสควรดูแลตัวเองอย่างรอบด้าน ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยมีแนวทางการเตรียมตัวที่เหมาะสมดังนี้

ฝ่ายชาย : การบำรุงอสุจิ

1. งดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายอสุจิ

การจะบำรุงอสุจิให้แข็งแรงนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ งดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายอสุจิให้หมด ไม่ว่าจะเป็นการงดสูบบุหรี่ งดดื่มคาเฟอีน รวมถึงงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

2. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

น้ำหนักตัวที่มากเกินไปหรือโรคอ้วน อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบและความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศชาย จึงควรควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

3. ทานอาหารบำรุงอสุจิ

บำรุงอสุจิด้วยการรับประทานอาหารที่มีไลโคปีนและเบตาแคโรทีน เพื่อปรับปรุงรูปร่างของอสุจิ รวมไปถึงสารเซซามิน ซึ่งเป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญคือการรับประทานโปรตีน ซึ่งมีส่วนในการสร้างและซ่อมแซมระบบการสร้างอสุจิให้สมบูรณ์

4. ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ

การไม่เครียดและนอนหลับให้เพียงพอ เป็นการช่วยรักษาสมดุลให้ฮอร์โมนเพศชาย และช่วยให้อสุจิแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิสนธิ และเพิ่มโอกาสในการทำเด็กหลอดแก้วให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

ฝ่ายหญิง : การดูแลตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมไข่และมดลูก

1. บำรุงไข่

ไข่ คือ เซลล์ตั้งต้นสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ดังนั้นจึงควรบำรุงรักษาไข่ให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานโปรตีนอย่างน้อยวันละ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อช่วยให้ไข่มีคุณภาพดีและสมบูรณ์ และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารแปรรูป รวมถึงอาหารหวานจัด เพื่อลดสารอนุมูลอิสระที่อาจทำลายเซลล์ไข่

2. บำรุงมดลูก

การเตรียมผนังมดลูกเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัวได้สำเร็จ แนะนำให้ทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสุขภาพมดลูก เช่น การเดิน การทำโยคะ หรือการออกกำลังกายเบา ๆ เป็นประจำ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเพิ่มความแข็งแรงของมดลูก

เลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงมดลูก เช่น หอยนางรมที่อุดมด้วยแร่ธาตุสังกะสี แซลมอนที่มีโปรตีนและโอเมกา 3 เมล็ดฟักทองที่มีธาตุเหล็ก และผลไม้ที่มีวิตามินซี เพื่อช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและสนับสนุนให้ร่างกายพร้อมสำหรับช่วงเตรียมผนังมดลูกก่อนการย้ายตัวอ่อน

3. รักษาสมดุลฮอร์โมน

การจะให้ตัวอ่อนฝังตัวในโพรงมดลูกให้สำเร็จ ต้องมีการรักษาสมดุลของฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งมีบทบาทในการเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมกับการฝังไข่

สำหรับการรักษาสมดุลของฮอร์โมนสามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของแร่ธาตุแมกนีเซียม วิตามินบี 6 สังกะสี และโอเมกา 3 รวมถึงวิตามินอีและซี เพื่อช่วยให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณมดลูกมากขึ้น

4. ผ่อนคลายและไม่เครียด

ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวอ่อนให้สำเร็จคือ ต้องไม่เครียด เพราะความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน และยังส่งผลต่อการต่อต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ไข่และมดลูกไม่แข็งแรงนั่นเอง

วางแผนฝากไข่ล่วงหน้าเพื่อให้ได้ไข่คุณภาพดี รับคำปรึกษาจากสูตินรีแพทย์ที่นี่

ขั้นตอนการทำ ICSI / IVF

การทำ ICSI และ IVF เป็นกระบวนการช่วยการเจริญพันธุ์ที่ต้องอาศัยการเตรียมตัวและดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จ โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้

1. การประเมินและเตรียมตัว

แพทย์ตรวจร่างกาย ฮอร์โมน และคุณภาพอสุจิ พร้อมแนะนำวิธีบํารุงไข่ก่อนทํา ICSI หรือ IVF และการเตรียมผนังมดลูกให้พร้อม 

2. การกระตุ้นรังไข่

ฝ่ายหญิงได้รับยากระตุ้นรังไข่เพื่อช่วยให้ไข่โตหลายใบ โดยแพทย์จะติดตามด้วยการทำอัลตราซาวนด์และตรวจเลือด 

3. การเก็บไข่และอสุจิ

  • ฝ่ายหญิงจะเข้ารับการเก็บไข่ผ่านการเจาะรังไข่โดยใช้เข็มผ่านช่องคลอดในห้องผ่าตัดเล็ก
  • ฝ่ายชายเก็บตัวอย่างอสุจิในวันเดียวกัน และหากคุณภาพอสุจิไม่ดี แพทย์อาจใช้เทคนิคคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุด

4. การปฏิสนธิและเลี้ยงตัวอ่อน

  • การทำ IVF : อสุจิจะถูกปล่อยให้ผสมกับไข่เองภายนอกร่างกาย
  • การทำ ICSI : แพทย์จะฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ หลังจากนั้นไข่ที่ปฏิสนธิแล้วจะถูกเลี้ยงไว้ในห้องปฏิบัติการ 3-5 วันจนเติบโตเป็นตัวอ่อน

5. การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่มดลูก 

เลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีที่สุดและย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก 

6. การตรวจการตั้งครรภ์

ตรวจเลือดในอีก 10-14 วันหลังย้ายตัวอ่อน เพื่อตรวจว่าการฝังตัวสำเร็จหรือไม่

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q : การทำ ICSI และ IVF แตกต่างกันอย่างไร ?

A : การทำ IVF จะเป็นการนำไข่และอสุจิมาผสมกันภายนอกร่างกายตามธรรมชาติ ส่วน ICSI แพทย์จะคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดแล้วฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง ทำให้มีความแม่นยำและอัตราความสำเร็จสูงกว่า โดยเฉพาะในกรณีที่ฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอสุจิ

Q : ก่อนทำ ICSI ต้องบำรุงไข่อย่างไร ?

A : การบำรุงไข่ก่อนทำ ICSI ควรเน้นรับประทานโปรตีนที่เพียงพอ เลี่ยงอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ไข่มีคุณภาพดีและพร้อมต่อการปฏิสนธิ

Q : ช่วงเตรียมผนังมดลูกสำคัญอย่างไร ?

A : ช่วงเตรียมผนังมดลูกเป็นขั้นตอนสำคัญในการย้ายตัวอ่อน เพราะผนังมดลูกที่แข็งแรงและมีความหนาเหมาะสม จะช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสสำเร็จของการตั้งครรภ์

Q : ใครควรพิจารณาทำ ICSI หรือ IVF ?

A : เหมาะสำหรับคู่สมรสที่พยายามมีบุตรเกิน 1 ปีแต่ไม่สำเร็จ ฝ่ายชายมีปัญหาอสุจิ ฝ่ายหญิงมีปัญหาท่อนำไข่ หรือผู้ที่เคยรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น IUI แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ

 

รับคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำ ICSI และ IVF ว่าคืออะไรเพิ่มเติม หรือต้องการรู้ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนวางแผนมีบุตรกับสูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตรยาก (V Fertility Center) เรามีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากพร้อมให้บริการ ดูแลครอบคลุมทุกปัญหาการมีบุตร ด้วยอุปกรณ์และสถานที่มาตรฐานระดับสากล เพื่อช่วยให้คุณวางแผนการตั้งครรภ์ในอนาคตได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และมั่นใจมากที่สุด

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline : 082-903-2035

Line : @vfccenter

A doctor will tell you the treatments for a blighted ovum

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.