เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

วิธีการแบ่งเกรดตัวอ่อน เพื่อประเมินคุณภาพและระดับความพร้อม

ผู้หญิงตั้งครรภ์จากการแบ่งเกรดตัวอ่อน

การมีบุตรถือเป็นความปรารถนาของหลาย ๆ คู่ แต่บางครั้งก็อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ โชคดีที่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ได้พัฒนาก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะการทำเด็กหลอดแก้ว ทั้งแบบผสมเทียม IVF และแบบอิ๊กซี่ (ICSI) ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้กับคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของกระบวนการนี้ คือ “การแบ่งเกรดตัวอ่อน” ซึ่งเป็นการประเมินคุณภาพและความสมบูรณ์ของตัวอ่อนก่อนการย้ายกลับเข้าสู่มดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวอ่อนเกรด AA ที่ถือเป็นตัวอ่อนคุณภาพสูงสุดซึ่งมักมีอัตราความสำเร็จในการฝังตัวที่ดี

 

การแบ่งเกรดตัวอ่อนคืออะไร ?

การแบ่งเกรดตัวอ่อน เป็นขั้นตอนสำคัญในการผสมเทียมซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วทั้งแบบ IVF และ ICSI ที่เป็นการเพิ่มโอกาสของการปฏิสนธิ โดยการแบ่งเกรดตัวอ่อนจะช่วยให้แพทย์ประเมินคุณภาพและระดับความพร้อมของตัวอ่อนได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนสามารถเลือกช่วงเวลาให้เหมาะสมสำหรับการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก เพราะตัวอ่อนแต่ละตัวอาจมีช่วงเวลาที่เหมาะสมแตกต่างกัน จึงต้องมีการคัดเกรด โดยมักจะทำการประเมินคุณภาพตัวอ่อนในวันที่ 3 และ 5 หลังเก็บไข่ เพื่อทำการแบ่งเกรดคุณภาพตัวอ่อนต่อไป

การแบ่งเกรดตามระยะตัวอ่อน

1. ตัวอ่อนอายุ 3 วันหรือระยะคลีเวจ (Cleavage)

เป็นระยะแรกของการพัฒนาตัวอ่อน ซึ่งจะเริ่มหลังจากไข่ได้รับการปฏิสนธิกับสเปิร์มแล้ว 24-72 ชั่วโมง โดยจะประเมินรูปร่างและโครงสร้าง ตามปัจจัยสำคัญเหล่านี้

จำนวนเซลล์

ในระยะนี้ ตัวอ่อนจะเริ่มแบ่งตัวออกเป็นเซลล์เล็ก ๆ โดยการแบ่งเซลล์ที่เหมาะสมสำหรับตัวอ่อนคลีเวจที่ดีที่สุดคือ 6-10 เซลล์ ซึ่งตัวอ่อนที่มีจำนวนเซลล์ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ถือว่ามีคุณภาพดี และมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตเป็นระยะบลาสโตซิสต์และฝังตัวในมดลูกได้ ส่วนตัวอ่อนที่มีการแบ่งเซลล์ 3-6 เซลล์ ก็ยังถือว่ามีโอกาสที่จะเติบโตเป็นทารกได้เช่นกัน

ลักษณะของเซลล์

การประเมินลักษณะเซลล์ของแต่ละคลินิกอาจมีเกณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งลักษณะของเซลล์ที่มีคุณภาพจะมีรูปร่างกลมสวยในขนาดเท่า ๆ กัน โดยจะมีการแบ่งเกรดคุณภาพตัวอ่อนออกเป็น 1, 2, 3 ตามลำดับสูงไปต่ำสุด และควรมีเศษเซลล์ขนาดเล็กที่ผิดปกติ หรือ Fragmentation น้อยกว่า 20% ซึ่งเซลล์ที่มีรูปร่างไม่กลม มีขนาดแตกต่างกันมาก และมีเศษเซลล์ขนาดเล็กที่ผิดปกติ จะถือว่าคุณภาพไม่ดี และมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตเป็นระยะบลาสโตซิสต์ได้ไม่เต็มที่
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่แพทย์อาจนำมาพิจารณาร่วมด้วย เช่น การรวมตัวของเซลล์ หรือการตรวจดูน้ำภายในเซลล์ แต่โดยสรุปแล้ว ตัวอ่อนระยะคลีเวจที่ดีควรมีจำนวน 8 เซลล์ ที่จะได้รับการแบ่งเกรดให้เป็นเกรด 1 และมีเศษเซลล์ขนาดเล็กที่ผิดปกติน้อยกว่า 10 % จากทั้งหมด

 

แพทย์กำลังอธิบายเรื่องการแบ่งเกรดคุณภาพตัวอ่อน

 

2. ตัวอ่อนอายุ 5 วันหรือตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst)

เป็นระยะหลังจากไข่ได้รับการปฏิสนธิกับสเปิร์มแล้ว 5-6 วัน ซึ่งเป็นระยะที่จะมี Inner cell mass (ICM) หรือกลุ่มเซลล์ที่จะอยู่ข้างใดข้างหนึ่งของตัวอ่อน เพื่อกลายไปเป็นตัวทารกในอนาคต และเซลล์รอบ ๆ (Trophectoderm Epithelium – TE) ที่จะกลายเป็นส่วนของรกและเนื้อเยื่อที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ โดยจะวัดจากปัจจัยสำคัญและมีการแบ่งเกรด ดังนี้

Expansion of Blastocyst

เป็นการดูถึงระยะของการเติบโตของบลาสโตซิสต์ หรือช่องว่างภายในตัวอ่อนบลาสโตซิสต์ (Blastocoel) โดยแบ่งออกเป็น 6 เกรด ด้วยกัน

  • เกรด 1 Early Blastocyst เป็นระยะที่จะมีโครงสร้างที่เป็นช่องว่างภายในตัวอ่อนบลาสโตซิสต์ (Blastocoel) น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาตรตัวอ่อน
  • เกรด 2 Blastocyst เป็นระยะที่จะมีบลาสโตซิสต์ (Blastocoel) มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาตรตัวอ่อน
  • เกรด 3 Full Blastocyst เป็นระยะที่บลาสโตซิสต์ (Blastocoel) เจริญเต็มที่อยู่ในผนังเซลล์เปลือกไข่ หรือ Zona Pellucida และขนาดตัวอ่อนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น
  • เกรด 4 Expanded Blastocyst เป็นระยะที่จะมีปริมาตรของบลาสโตซิสต์ (Blastocoel) มีขนาดใหญ่กว่า 3 ระยะแรกของตัวอ่อน และผนังเซลล์เปลือกไข่ จะบางลงอย่างเห็นได้ชัด
  • เกรด 5 Hatching Blastocyst เป็นระยะที่จะมีส่วนที่จะเติบโตไปเป็นรกหรือ Trophectoderm เริ่มโผล่ออกมานอกผนังเซลล์เปลือกไข่แล้ว
  • เกรด 6 Hatched Blastocyst เป็นระยะที่จะมีตัวอ่อนฟักตัวหลุดออกมาจากผนังเซลล์เปลือกไข่แล้ว

Inner Cell Mass

เป็นการพิจารณาจากกลุ่มเซลล์ภายในบลาสโตซิสต์ซึ่งมีโอกาสกลายเป็นทารกในครรภ์ โดยให้คะแนนแบ่งเป็น 3 เกรด ได้แก่ A, B และ C โดย A เป็นเกรดที่ดีและมีคุณภาพที่สุด ดังนี้

  • เกรด A มีเซลล์จำนวนมาก และยึดเกาะกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างเห็นได้ชัด
  • เกรด B มีเซลล์จำนวนไม่มาก และมีการรวมกลุ่มกันแบบหลวม ๆ
  • เกรด C มีเซลล์จำนวนน้อยมาก และมีความกระจัดกระจาย มองไม่เห็นการรวมกลุ่ม

Trophectoderm Epithelium (3 เกรด)

เป็นเซลล์ที่จะกลายเป็นส่วนของรกและเนื้อเยื่อที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ โดยให้คะแนนแบ่งเป็น 3 เกรด A, B และ C ดังนี้

  • เกรด A มีเซลล์ที่ยึดเกาะกันแน่นจำนวนมากและมีขนาดเรียงตัวกันสม่ำเสมอ
  • เกรด B มีเซลล์จำนวนน้อย มีการยึดเกาะกันหลวม ๆ และมีขนาดไม่สม่ำเสมอ
  • เกรด C มีเซลล์จำนวนน้อยมากและมีขนาดเล็กบาง ไม่สม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ยังมีตัวอ่อนเกรด AA ซึ่งหมายถึงตัวอ่อนที่มี Inner Cell Mass และ Trophectoderm Epithelium ที่ได้เกรด A ทั้งคู่ มักถูกพิจารณาว่ามีคุณภาพสูงสุดและมีโอกาสในการฝังตัวและพัฒนาเป็นทารกได้ดีที่สุด เช่น ตัวอ่อนที่มีอายุ 5 วัน ที่ได้เกรด 5AA คือตัวอ่อนที่เริ่มโผล่ออกมานอกเปลือก โดยยังไม่หลุดออกมาจากผนังเซลล์ไข่ และเซลล์เริ่มเกาะเป็นกลุ่มก้อนอย่างเห็นได้ชัด จึงมีแนวโน้มที่จะฝังตัวและเติบโตไปเป็นทารกได้สำเร็จ ในทางตรงกันข้าม ตัวอ่อนเกรด CC ซึ่งมีคุณภาพของทั้ง Inner Cell Mass และ Trophectoderm Epithelium ในระดับต่ำ มักมีโอกาสในการพัฒนาต่อและฝังตัวได้น้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโอกาสจะเป็นศูนย์

 

หญิงสาวถือที่ตรวจครรภ์และนึกสงสัยว่าการแบ่งเกรดตัวอ่อนเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้จริงไหม

 

การแบ่งเกรดตัวอ่อนช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ?

หลายคนคาดหวังว่าการคัดเกรดตามระยะตัวอ่อนจะช่วยให้สามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้มีการการันตีว่าการคัดเกรดคุณภาพตัวอ่อนจะส่งผลต่อความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้ เพราะยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมกันด้วย เช่น

  • ติดตามการพัฒนาของตัวอ่อนหลังการคัดเกรด ไม่ใช่ว่าพอคัดเกรดแล้วทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะการพัฒนาของตัวอ่อนหลังคัดเกรดก็ส่งผลเช่นกัน เช่น ตัวอ่อนที่ประสิทธิภาพต่ำอาจเริ่มพัฒนาขึ้นมาได้ภายในวันเดียว หรือถึงแม้ว่าจะเป็นตัวอ่อนที่มีคะแนนสูง แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ถึงผลสำเร็จ จึงต้องคอยติดตามการตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด
  • อาจเกิดตัวแปรและความไม่แน่นอน เนื่องจากการคัดเกรดเป็นการประเมินคุณภาพตัวอ่อนเท่านั้น ไม่ได้ประเมินถึงปัจจัยอื่นที่อาจกลายมาเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลบางประการที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเกรดของตัวอ่อนและโอกาสในการตั้งครรภ์ อย่างเช่น แม้ว่าตัวอ่อนเกรด CC จะถูกประเมินว่ามีคุณภาพต่ำกว่า แต่ในบางกรณี ตัวอ่อนเหล่านี้ก็สามารถพัฒนาและนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์ได้

ดังนั้น ถึงแม้ว่าการแบ่งเกรดตัวอ่อนจะช่วยประเมินคุณภาพของตัวอ่อนได้บางส่วน แต่ผลที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตร คือ การปรึกษาผู้มีประสบการณ์โดยตรง เพื่อวางแผนเกี่ยวกับการทำ ICSI ที่ศูนย์รักษาการมีบุตรยาก VFC Center เราพร้อมช่วยดูแลในราคาสมเหตุสมผล โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ประสบการณ์สูง ด้วยการรักษาโดยเทคโนโลยีและห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์สำเร็จได้อย่างปลอดภัย

 

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline : 082-903-2035
LINE Official : @vfccenter

 

References:

https://worldwideivf.com/others/ทำไมต้องใช้ตัวอ่อนระยะ/

https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/ivf-embryo-grading

https://www.babyandmom.co.th/post/embryo-grade-for-icsi

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.