
ในปัจจุบัน พบว่าคู่รักเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในเพศหญิงเกิดภาวะมีบุตรยากมากกว่าเมื่อก่อน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมการกิน เรื่องของสภาพแวดล้อม กรรมพันธุ์ รวมถึงปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือ ปัญหาเกี่ยวกับผนังมดลูกหนาผิดปกติ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์แล้ว ยังอาจเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพในอนาคตได้
เยื่อบุโพรงมดลูกหนาคืออะไร เกี่ยวข้องกับภาวะการมีบุตรยากอย่างไร ?
เยื่อบุโพรงมดลูกหรือผนังมดลูก คือ เยื่อบุผิวของผนังด้านในมดลูกที่ทำหน้าที่สร้างประจำเดือนในแต่ละรอบเดือน รวมถึงมีหน้าที่ในการฝังตัวอ่อนจนทำให้เกิดการตั้งครรภ์ ซึ่งความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกมีความสำคัญต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หากผนังมดลูกหนาหรือมีความผิดปกติอาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้
ความหนาของผนังมดลูกที่เปลี่ยนแปลงตามรอบเดือน
- ระยะฟอลลิเคิล (Follicular Phase) ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะกระตุ้นให้ผนังมดลูกหนาขึ้น หลังวันที่ 1 ของรอบเดือน
- ระยะลูเทียล (Luteal Phase) หลังการตกไข่ ผนังมดลูกจะหนาขึ้นประมาณ 8-12 มิลลิเมตร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวอ่อน หากไม่มีการตั้งครรภ์ เยื่อบุจะลอกออกมาเป็นประจำเดือน
ในกรณีที่ผนังมดลูกหนาเกินไป (มากกว่า 14 มิลลิเมตร) หรือบางเกินไป (น้อยกว่า 5 มิลลิเมตร) จะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวยาก ส่งผลให้มีบุตรยากด้วยเช่นเดียวกัน
สาเหตุผนังมดลูกหนาผิดปกติ
สาเหตุที่เยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยที่เกิดจากทางสรีรวิทยา และจากโรคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ฮอร์โมนผิดปกติ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่มากหรือน้อยเกินไป ส่งผลให้ผนังมดลูกหนาขึ้นผิดปกติ
- การเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์ โดยในช่วงระยะลูเทียลจะทำให้ผนังมดลูกหนาขึ้น เพื่อเตรียมตัวสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน
- อายุที่มากขึ้น ผู้หญิงที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ฮอร์โมนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและอาจทำให้ผนังมดลูกหนาผิดปกติ จนทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้น
- โรคและปัญหาด้านสุขภาพ เช่น มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) โรคเบาหวาน โรคอ้วน
- การใช้ยาฮอร์โมนในการรักษาโรค เป็นเวลานานและมากเกินไป เช่น ยาในกลุ่ม Selective Estrogen Receptor Modulators (SERMs) อย่าง Tamoxifen หรือ Raloxifen รวมถึงการได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากแหล่งภายนอกร่างกาย อาจส่งผลให้ผนังมดลูกหนาขึ้น
- ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ได้แก่ การสูบบุหรี่ และการกลายพันธุ์ของยีนส์
- การเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
เยื่อบุโพรงมดลูกหนาอันตรายไหม ?
การที่เยื่อบุโพรงมดลูกหนาอาจไม่ใช่เรื่องที่อันตรายเสมอไป แต่หากว่ามีอาการรุนแรง อาจทำให้เสี่ยงต่อสุขภาพ ดังต่อไปนี้
- เกิดภาวะการมีบุตรยาก ซึ่งความหนาที่เหมาะสมในการฝังตัวอ่อนจะอยู่ที่ประมาณ 8-14 มิลลิเมตร แต่หากว่าหนาหรือบางเกินไปก็อาจทำให้ฝังตัวยากขึ้น
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และอาจทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติ
- เสี่ยงโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
สังเกตอาการเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ
อาการต้องสงสัยของอาการผนังมดลูกหนาผิดปกติ ที่ควรแวะไปปรึกษากับคลินิกมีบุตรยากเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดมีดังนี้
- ประจำเดือนไม่มา 3-4 เดือน และเมื่อมาแล้วจะมีปริมาณมากผิดปกติ
- มีอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด
- มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หน้ามัน เป็นสิว
- มีขนตามตัวเพิ่มมากขึ้น หน้าอกแฟบลง รวมถึงอาจมีเสียงห้าวขึ้น
- ปวดท้องประจำเดือนรุนแรงผิดปกติ
เยื่อบุโพรงมดลูกหนารักษาอย่างไร ?
การรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนา แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยโดยการทำอัลตราซาวนด์ เพื่อเช็กความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก และแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มหากมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ ด้วยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ หรือการขูดมดลูกเพื่อนำตัวอย่างไปวิเคราะห์ รวมถึงการส่องกล้องดูความผิดปกติภายในมดลูก ซึ่งหากผลการตรวจพบว่าเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ในภาวะที่ไม่รุนแรง แพทย์จากศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากจะให้คำแนะนำในการควบคุมอาหาร รวมถึงการออกกำลังกาย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากพบว่าอาการเริ่มส่งผลต่อสุขภาพและการมีลูก อาจจะต้องเข้าสู่การรักษาตามความรุนแรงที่เกิดขึ้น ดังนี้
- สำหรับผู้ที่มีอายุน้อยซึ่งโรคอาจยังไม่รุนแรงมาก แพทย์จะให้การรักษาด้วยการใช้ยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ โดยจะให้รับประทานอย่างน้อย 3-6 รอบเดือน แล้วทำการดูดเนื้อในโพรงมดลูกเพื่อดูถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- สำหรับผู้ที่มีโอกาสกลับเป็นซ้ำ เช่น มีการตกไข่ไม่สม่ำเสมอเรื้อรัง หรือเป็นโรคอ้วนจนไม่สามารถลดน้ำหนักได้ แพทย์จะพิจารณาให้รับฮอร์โมนต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นยารับประทานหรือห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมนใส่ในโพรงมดลูก เพื่อป้องกันในระยะยาว
- สำหรับผู้ที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกความหนามากและไม่ต้องการมีบุตรแล้ว การผ่าตัดเอามดลูกออกถือเป็นการรักษาเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งโพรงมดลูกในอนาคตที่ดีที่สุด
แนวทางการป้องกันผนังมดลูกหนา
เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งและภาวะการมีบุตรยากจากสาเหตุผนังมดลูกหนา สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อรักษาสมดุลของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 20-30 นาทีต่อวัน 3 วันต่อสัปดาห์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ และงดบริโภคแป้งและน้ำตาลจำนวนมาก
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาฮอร์โมนโดยไม่จำเป็น และต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
นอกจากภาวะผนังมดลูกหนาจะทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นแล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตรหรือสงสัยว่าตัวเองมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับมดลูกสามารถมาปรึกษาแพทย์ได้ที่ VFC Center ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อวางแผนและทำการรักษา เพื่อแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
มาวางแผนครอบครัวให้พร้อม และร่วมหาทางออกไปด้วยกันตั้งแต่เริ่มต้น ! หากพบอาการผิดปกติที่เสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก สามารถเข้ามารับคำปรึกษาจากแพทย์ได้ทันที
บทความโดยนายแพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter
อ่านบทความสุขภาพ : https://www.v-ivf.com/article/

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.