เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

อย่ามองข้าม ผู้ชายมีลูกยาก อาจเกิดจากร่างกายต่อต้านอสุจิ

แพทย์กำลังซักประวัติเพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายมีลูกยาก

Table of Contents

คู่สมรสบางคู่ แต่งงานมาหลายปีและพยายามมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติมานานแต่ก็ยังตั้งครรภ์ไม่สำเร็จ ทำให้ฝ่ายชายรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ต้องเผชิญกับความกดดันและความเครียดอย่างหนัก แท้จริงแล้ว หนึ่งในสาเหตุการเกิดภาวะมีบุตรยากที่หลายคนมักมองข้าม คือ ‘แอนติบอดีอสุจิ’ หรือสารภูมิคุ้มกันที่ไปโจมตีอสุจิ ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสการมีบุตรอย่างมีนัยสำคัญ

แอนติบอดีอสุจิคืออะไร ?

แอนติบอดีอสุจิ (Antisperm Antibodies: ASA) คือ ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านอสุจิ ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ภูมิคุ้มกันชนิดนี้เป็นโปรตีนจากระบบภูมิคุ้มกัน (Immunoglobulins) เช่น IgG, IgA, IgM ที่เข้ามาจับกับเซลล์อสุจิ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของอสุจิหลายด้าน ได้แก่

  • การเคลื่อนที่ของอสุจิ (Motility) : แอนติบอดีสามารถทำให้อสุจิรวมตัวกันหรือเคลื่อนที่ช้าลง ทำให้ไม่สามารถว่ายไปหาหรือเจาะไข่ได้ตามปกติ
  • ความสามารถในการปฏิสนธิ : แอนติบอดีอาจไปขัดขวางกระบวนการ Acrosome Reaction ซึ่งจำเป็นต่อการเจาะเยื่อหุ้มไข่
  • การฝังตัวของตัวอ่อน : ในกรณีที่แอนติบอดีเกิดในฝ่ายหญิง อาจทำให้ภูมิคุ้มกันโจมตีตัวอ่อนที่ปฏิสนธิแล้วหรือขัดขวางการฝังตัวในมดลูก

นอกจากนี้ ASA ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิด Immune Infertility หรือภาวะมีบุตรยากจากภูมิคุ้มกัน โดยฝ่ายชายมักไม่มีอาการเจ็บป่วยหรือเกิดสัญญาณภายนอกที่ชัดเจน การตรวจหาแอนติบอดีจึงมักทำร่วมกับการวิเคราะห์น้ำอสุจิ และเพื่อประเมินถึงภาวะการเจริญพันธุ์เท่านั้น

วิธีที่สามารถตรวจพบภาวะแอนติบอดีอสุจิ

การตรวจหา ASA สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าตรวจในฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง และระดับความแม่นยำที่ต้องการ โดยวิธีที่ใช้ทั่วไป ได้แก่

  • Mixed Antiglobulin Reaction Test (MAR Test) วิธีมาตรฐานที่ตรวจจากน้ำอสุจิของฝ่ายชายและน้ำมูกในช่องคลอดของฝ่ายหญิง สามารถระบุได้ว่าอสุจิถูกจับด้วยแอนติบอดีกี่เปอร์เซ็นต์ และเป็น ASA ชนิดใด
  • Immunobead Test (IB Test) ใช้อนุภาคขนาดเล็ก (Beads) จับกับแอนติบอดี เพื่อระบุว่าภูมิคุ้มกันจับที่ส่วนใดของอสุจิ เช่น ส่วนหัว ส่วงกลาง หรือส่วนหาง เป็นวิธีที่ช่วยให้ข้อมูลเชิงคุณภาพเกี่ยวกับอสุจิที่ได้รับผลกระทบได้ดี
  • Indirect Testing ตรวจภูมิคุ้มกันที่อยู่ในเลือดหรือของเหลวจากฝ่ายหญิง ที่อาจโจมตีอสุจิเมื่อเข้าสู่ร่างกาย
  • Sperm Immobilization Test ตรวจว่าของเหลวจากฝ่ายหญิงสามารถยับยั้งการเคลื่อนที่ของอสุจิหรือไม่

สงสัยว่าตัวเองมีภาวะแอนติบอดีอสุจิ นัดหมายตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนวางแผนมีบุตร

สาเหตุการเกิดแอนติบอดีอสุจิในเพศชาย

ภาวะแอนติบอดีอสุจิที่ส่งผลให้ผู้ชายมีลูกยาก เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันโจมตีอสุจิของตัวเอง ทำให้การเคลื่อนที่และการปฏิสนธิของอสุจิผิดปกติ มักสัมพันธ์กับการละเมิดหรือทำลาย Blood-Testis Barrier และปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ดังนี้

1. การบาดเจ็บหรือการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ชาย

  • ภาวะอักเสบหรือติดเชื้อ เช่น อัณฑะอักเสบ (Orchitis), ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น หนองในแท้ (Gonorrhea), หนองในเทียม (Chlamydia)
  • การติดเชื้อไวรัส เช่น โรคคางทูม (Mumps) ที่ลงลูกอัณฑะ
  • การบาดเจ็บโดยตรงหรือแรงกระแทกบริเวณอัณฑะ

2. การผ่าตัดบริเวณอัณฑะหรือระบบสืบพันธุ์

แม้ว่าการผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เช่น การทำหมัน การผ่าตัดต่อมลูกหมาก จะอยู่ในระบบปลอดเชื้อ แต่ภูมิคุ้มกันอาจตรวจจับอสุจิได้ จึงสามารถไปทำลาย Blood-Testis Barrier และทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่ออสุจิในที่สุด

3. ภาวะภูมิคุ้มกันทำงานเกิน

เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานเกินและสร้างแอนติบอดีมาต่อต้านอสุจิ ทำให้อสุจิถูกทำลายหรือเคลื่อนที่ได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดปัญหามีลูกยาก เป็นสาเหตุที่เกิดได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง

4. ความเสียหายหรือรอยแตกของเนื้อเยื่ออัณฑะ และการรั่วของโปรตีนอสุจิ

การบาดเจ็บหรือความเสียหายของเนื้อเยื่ออัณฑะ ทำให้โปรตีนและเซลล์อสุจิรั่วเข้าสู่กระแสเลือดร่างกายจึงมองว่าอสุจิเป็นสิ่งแปลกปลอมและสร้างแอนติบอดีขึ้นมา เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงโดยตรงที่ทำให้การปฏิสนธิตามธรรมชาติลดลง

5. ปัจจัยภายนอกและพฤติกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง

  • การสัมผัสสารเคมีบางชนิด หรือรังสีที่ทำลายอัณฑะ
  • ภาวะความเครียดหรือโรคเรื้อรังที่ทำให้ภูมิคุ้มกันผิดปกติ
  • การติดเชื้อซ้ำหรือการอักเสบเรื้อรัง

นัดหมายสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุการเกิดแอนติบอดีอสุจิ

การตรวจหาแอนติบอดีอสุจิเพื่อหาสาเหตุการมีบุตรยาก

ผลกระทบของแอนติบอดีอสุจิกับภาวะมีบุตรยาก

แอนติบอดีอสุจิสามารถส่งผลต่อความสามารถในการมีบุตรของคู่สมรสได้อย่างชัดเจน จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ชายมีลูกยาก โดยมีผลกระทบสำคัญ ดังนี้

  • ลดความสามารถในการเคลื่อนที่ของอสุจิ ทำให้อสุจิจับกลุ่มหรือเคลื่อนไหวได้ช้าลง และส่งผลให้ไม่สามารถว่ายไปถึงไข่ได้
  • ขัดขวางกระบวนการ Acrosome Reaction ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจาะเยื่อหุ้มไข่ ทำให้การเจาะไข่หรือการปฏิสนธิเกิดยากขึ้น
  • ส่งผลให้อสุจิจับตัวกันเป็นก้อน ทำให้จำนวนอสุจิที่สามารถปฏิสนธิลดลง
  • ระบบภูมิคุ้มกันอาจทำลายอสุจิไปบางส่วน ทำให้จำนวนอสุจิในน้ำอสุจิลดลง ส่งผลให้โอกาสการตั้งครรภ์ต่ำลง
  • แม้จะสามารถตั้งครรภ์ได้ แต่อสุจิที่ถูกแอนติบอดีโจมตีอาจส่งผลต่อความสมบูรณ์และพัฒนาการของตัวอ่อน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งหรือเกิดปัญหาการฝังตัวในมดลูก

แนวทางรับมือหากฝ่ายชายมีภาวะแอนติบอดีอสุจิ ส่งผลให้มีลูกยาก

การวินิจฉัยหาภาวะ ASA ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาและเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งแนวทางรับมือสำหรับผู้ที่มีภาวะแอนติบอดีอสุจิ ได้แก่

การปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพ

ผู้ชายที่มีภาวะแอนติบอดีอสุจิต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพโดยรวมเพื่อรักษาคุณภาพอสุจิ ควรหลีกเลี่ยงสารเคมีและกิจกรรมที่ทำให้อุณหภูมิถุงอัณฑะสูงเกินไป ป้องกันการบาดเจ็บและการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ รวมถึงรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและออกกำลังกายสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการผลิตอสุจิที่แข็งแรงได้มากยิ่งขึ้น

การใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์

สำหรับคู่สมรสที่มีลูกยากเพราะแอนติบอดีอสุจิ การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำ IUI (Intrauterine Insemination) โดยจะเป็นการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ลดการสัมผัสแอนติบอดีของฝ่ายหญิง หรือใช้การทำ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ซึ่งแพทย์จะทำการเก็บอสุจิจากอัณฑะโดยตรง (Testicular Sperm Extraction) เพื่อนำมาปฏิสนธิกับไข่แบบเฉพาะเจาะจง เพิ่มโอกาสปฏิสนธิแม้มีแอนติบอดี และช่วยให้คู่สมรสมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สำเร็จ

เพิ่มโอกาสในการวางแผนมีบุตรอย่างมั่นใจด้วยการตรวจน้ำเชื้อผู้ชาย ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เรามีทีมสูตินรีแพทย์คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ช่วยวิเคราะห์สาเหตุการมีบุตรยากอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อดูแลทุกขั้นตอนจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จในการมีบุตร

 

บทความโดย แพทย์หญิงนันท์นภัส ปโรสิยานนท์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline: 082-903-2035

LINE Official: @vfccenter

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q : แอนติบอดีอสุจิคืออะไร และส่งผลต่อการมีบุตรอย่างไร ?

A : แอนติบอดีอสุจิ (Antisperm Antibodies: ASA) คือภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านอสุจิ ทำให้อสุจิเคลื่อนไหวได้ช้า, จับตัวกันเป็นก้อน หรือไม่สามารถเจาะไข่ได้ตามปกติ จึงลดโอกาสการปฏิสนธิและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก

Q : สาเหตุหลักของแอนติบอดีอสุจิในผู้ชายมีอะไรบ้าง ?

A : สาเหตุหลัก ได้แก่ การอักเสบหรือติดเชื้อในอัณฑะและต่อมลูกหมาก, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, การติดเชื้อไวรัส, การบาดเจ็บหรือแรงกระแทกบริเวณอัณฑะ, การผ่าตัดหรือเคยทำหัตถการในระบบสืบพันธุ์, ภาวะภูมิคุ้มกันทำงานเกิน, และการสัมผัสสารเคมีหรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ

Q : แอนติบอดีอสุจิมีอาการอย่างไร ตรวจพบได้ด้วยวิธีใดบ้าง ?

A : ผู้ที่มีภาวะแอนติบอดีอสุจิมักไม่แสดงอาการภายนอก จึงต้องตรวจด้วยวิธีทางการแพทย์เหล่านี้

  • MAR Test (Mixed Antiglobulin Reaction Test) ตรวจจากอสุจิของฝ่ายชายหรือของเหลวในฝ่ายหญิง
  • Immunobead Binding Test (IB Test) ระบุว่าภูมิคุ้มกันจับส่วนใดของอสุจิ เช่น ส่วนหัว ส่วนกลาง หรือส่วนหาง
  • Indirect Testing ตรวจภูมิคุ้มกันในเลือดหรือของเหลวจากฝ่ายหญิง
  • Sperm Immobilization Test ตรวจว่าของเหลวฝ่ายหญิงสามารถยับยั้งการเคลื่อนไหวของอสุจิได้หรือไม่

Q : แอนติบอดีอสุจิสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ?

A : ภาวะแอนติบอดีอสุจิมักไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การปรับพฤติกรรม และใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อย่างการทำ IUI หรือ ICSI เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.