เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

ยาเลื่อนประจำเดือน มีผลต่อการเตรียมผนังมดลูกและมีบุตรอย่างไร

ยาเลื่อนประจำเดือนมีส่วนผสมของฮอร์โมนที่ช่วยหยุดหรือเลื่อนการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก

Table of Contents

หลายคนเลือกใช้ “ยาเลื่อนประจำเดือน” เพื่อความสะดวกในช่วงเดินทาง ท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งในช่วงวางแผนทำหัตถการทางการแพทย์บางอย่าง แต่ในกลุ่มผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมตัวตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างวางแผนทำ ICSI หรือ IVF คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “ยาเลื่อนประจำเดือนมีผลต่อผนังมดลูกหรือไม่ ?” เพราะผนังมดลูก (Endometrium) คือปัจจัยสำคัญที่กำหนดความพร้อมของการฝังตัวอ่อน

บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย ว่ายาเลื่อนประจำเดือนมีผลต่อการเตรียมตั้งครรภ์และการเตรียมผนังมดลูกอย่างไร และควรดูแลด้วยวิธีใดเพื่อให้ผนังมดลูกพร้อมที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์

ยาเลื่อนประจำเดือนคืออะไร และทำงานอย่างไรในร่างกาย ?

การใช้ยาเลื่อนประจำเดือน คือ การใช้ยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพื่อหยุดหรือเลื่อนการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถมีประจำเดือนได้ตามปกติ โดยส่วนใหญ่ยาประเภทนี้จะใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกในช่วงที่ไม่ต้องการให้มีประจำเดือนในบางสถานการณ์

กลไกการออกฤทธิ์ของยา

ยาเลื่อนประจำเดือนมักจะทำงานโดยการใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งจะหลอกให้ร่างกายคิดว่าผ่านช่วง Luteal Phase หรือช่วงที่ร่างกายกำลังเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์ไปแล้ว โดยจะยับยั้งการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ส่งผลให้การมีประจำเดือนถูกเลื่อนออกไป โดยเมื่อหยุดยาเลื่อนประจำเดือน ฮอร์โมนในร่างกายจะลดลงแล้วเกิดการมีประจำเดือนในที่สุด

ประเภทของยาเลื่อนประจำเดือนที่ใช้กันทั่วไป

ยาเลื่อนประจำเดือนมีหลายประเภทที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม โดยประเภทหลัก ๆ ที่นิยมใช้กัน ได้แก่

  • ยาเลื่อนประจำเดือนที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) : ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยคงความสมดุลของผนังมดลูกในช่วงที่ต้องการเลื่อนการมีประจำเดือน
  • ยาเลื่อนประจำเดือนที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ร่วมกัน : ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายและทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลุดลอก

ผนังมดลูกสำคัญต่อการตั้งครรภ์อย่างไร ?

ผนังมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูกมีบทบาทสำคัญในการฝังของตัวอ่อน การที่ผนังมดลูกมีความหนาที่เหมาะสมและมีสุขภาพดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในกรณีของการทำ ICSI และ IVF การเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมก่อนการฝังตัวอ่อนมีผลโดยตรงต่อโอกาสที่ตัวอ่อนจะฝังตัวและพัฒนาไปจนถึงการตั้งครรภ์

บทบาทของผนังมดลูกในการฝังตัวอ่อน

ผนังมดลูกที่แข็งแรงและมีความหนาเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อย่างมาก เพราะหากผนังมดลูกมีลักษณะบางเกินไปหรือหนาผิดปกติ อาจทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้สำเร็จ หรือมีความเสี่ยงสูงในการแท้งบุตร

ฮอร์โมนที่ควบคุมการหนาตัวของผนังมดลูก

ฮอร์โมนที่ควบคุมการหนาตัวของผนังมดลูกมี 2 ฮอร์โมนหลัก ๆ คือ

  • เอสโตรเจน (Estrogen) : ช่วยกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวอ่อน
  • โปรเจสเตอโรน (Progesterone) : ปรับสภาพผนังมดลูกให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมในการรับการฝังตัวอ่อน

วางแผนมีบุตรกับแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ที่ VFC Center

ยาเลื่อนประจำเดือนมีผลต่อการเตรียมตั้งครรภ์และผนังมดลูกอย่างไร ?

การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนอาจมีผลต่อการเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ความเข้าใจในผลกระทบเหล่านี้จะช่วยให้สามารถวางแผนและดูแลผนังมดลูกได้อย่างเหมาะสม

ผลระยะสั้นต่อการทำงานของผนังมดลูก

หากใช้ยาเลื่อนประจำเดือนในระยะสั้นและไม่บ่อยครั้ง ผลกระทบจะค่อนข้างน้อย การหยุดยาเพียงชั่วคราวจะไม่ทำให้ผนังมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญและการตั้งครรภ์ยังคงสามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ โดยหลังจากหยุดยา ฮอร์โมนจะกลับมาสมดุลและมีรอบเดือนตามปกติ

ผลระยะยาวเมื่อใช้บ่อยหรือไม่อยู่ในคำแนะนำของแพทย์

การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนบ่อยเกินไปอาจไปรบกวนวงจรฮอร์โมน และทำให้ผนังมดลูกหนาไม่สม่ำเสมอหรือบางผิดปกติในบางรอบเดือน ซึ่งอาจลดโอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนหรือทำให้เกิดภาวะไข่ไม่ตก (Anovulation) ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมต่อการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ

สำหรับผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์หรือเตรียมทำ ICSI/IVF

สำหรับผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์หรือกำลังวางแผนทำ ICSI/IVF ควรหยุดใช้ยาเลื่อนประจำเดือนอย่างน้อย 1 รอบเดือนล่วงหน้า เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลฮอร์โมน ก่อนที่การย้ายตัวอ่อนจะเกิดขึ้น ควรตรวจสภาพผนังมดลูกด้วยการทำอัลตราซาวนด์ เพื่อประเมินความหนาและความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก

สัญญาณเตือนว่าผนังมดลูกอาจยังไม่พร้อม

หากพบสัญญาณต่อไปนี้อาจบ่งบอกว่าผนังมดลูกยังไม่พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน

  • รอบเดือนผิดปกติหลังใช้ยาเลื่อนประจำเดือน
  • ปริมาณประจำเดือนลดลงหรือมาแบบกะปริดกะปรอย
  • มีประวัติฝังตัวอ่อนล้มเหลวหลายครั้งในการทำ ICSI หรือ IVF
  • มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังหรือสงสัยว่าเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

พบสัญญาณเตือนว่าผนังมดลูกไม่พร้อมต่อการตั้งครรภ์ ปรึกษาแพทย์ ที่ VFC Center

การตรวจและเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

การดูแลผนังมดลูกให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์

การดูแลผนังมดลูกให้พร้อมในการตั้งครรภ์คือการรักษาฮอร์โมนให้สมดุลและเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังมดลูก โดยผ่านการรับประทานอาหารที่ดี การออกกำลังกาย และการตรวจประเมินความพร้อมจากแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

ปรับสมดุลฮอร์โมนตามธรรมชาติ

การรับประทานอาหารที่มีวิตามินอีและโอเมก้า 3 เช่น อะโวคาโดและปลาแซลมอน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการพักผ่อนเพียงพอจะช่วยให้ฮอร์โมนสมดุลและผนังมดลูกแข็งแรง

การดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

แพทย์จะทำการตรวจระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อประเมินความหนาและความเรียบของผนังมดลูก รวมถึงอาจให้ยาปรับฮอร์โมนหากจำเป็นเพื่อกระตุ้นการเจริญของผนังมดลูก

กังวลเรื่องผนังมดลูกบาง ปรึกษาเรื่องการวางแผนมีบุตรที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร VFC Center 

ยาเลื่อนประจำเดือนเป็นยาที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยหากอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงเตรียมตั้งครรภ์ หรือเตรียมทำ ICSI หรือ IVF ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากยาอาจส่งผลต่อการหนาตัวและความพร้อมของผนังมดลูก จึงควรได้รับการประเมินภาวะฮอร์โมนและตรวจผนังมดลูกอย่างละเอียดก่อนเริ่มกระบวนการตั้งครรภ์

ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เรามีบริการตรวจผนังมดลูกเพื่อฝังตัวอ่อนโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ด้วยเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ความละเอียดสูงและการวิเคราะห์ฮอร์โมนอย่างแม่นยำ เพื่อประเมินความพร้อมของผนังมดลูกก่อนเริ่มการย้ายตัวอ่อนหรือเตรียมตั้งครรภ์อย่างเป็นระบบ พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จ

บทความโดย แพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline: 082-903-2035

LINE Official: @vfccenter

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Q : การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนมีผลต่อโอกาสการตั้งครรภ์ในอนาคตหรือไม่ ?

A : การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนอาจมีผลในระยะสั้นในการปรับสมดุลฮอร์โมน แต่ไม่ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์หากใช้ตามคำแนะนำของแพทย์

Q : ควรหยุดใช้ยาเลื่อนประจำเดือนล่วงหน้าเมื่อไหร่หากต้องการทำ ICSI ?

A : แนะนำให้หยุดใช้ยาเลื่อนประจำเดือนอย่างน้อย 1 รอบเดือนก่อนเริ่มกระบวนการ ICSI เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพได้ดีและผนังมดลูกพร้อมที่สุด

Q : ถ้ามีประจำเดือนผิดปกติหลังใช้ยาเลื่อนประจำเดือน ควรทำอย่างไร ?

A : ควรพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกายและตรวจสอบว่าเยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมสำหรับการฝังตัวอ่อนหรือไม่

Book a consultation with Dr. Worawat Siripoon at our infertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.