เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

สาเหตุการเกิดมดลูกอักเสบ ป้องกันก่อนเกิดภาวะมีบุตรยาก

ผู้หญิงมีอาการปวดท้องน้อยเนื่องจากภาวะมดลูกอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

Table of Contents

ภาวะมดลูกอักเสบ (Endometritis) คือภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกติดเชื้อและเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจไม่แสดงอาการชัดเจน แต่ส่งผลกระทบต่อโอกาสตั้งครรภ์อย่างมาก ทั้งทำให้ไข่ไม่ตกสม่ำเสมอ การฝังตัวอ่อนลดลง หรือเสี่ยงภาวะมีบุตรยากในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่เคยทำ ICSI แล้วไม่สำเร็จหลายครั้ง มดลูกอักเสบอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไปได้ง่าย การรู้เท่าทันอาการ สาเหตุ วิธีตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต้องคือกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพมดลูกให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ทั้งแบบธรรมชาติและด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์

มาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาการ การตรวจวินิจฉัย การรักษา และวิธีการป้องกันภาวะมดลูกอักเสบจากสาเหตุต่าง ๆ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างมั่นใจ และลดความเสี่ยงการเกิดภาวะมีบุตรยากได้ตั้งแต่วันนี้

มดลูกอักเสบคืออะไร ?

ภาวะมดลูกอักเสบ หรือ Endometritis คือภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่บุอยู่ด้านในของมดลูกเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ ส่วนใหญ่แล้วมดลูกอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อโรคสามารถเดินทางเข้าสู่โพรงมดลูกได้หลายวิธีและก่อให้เกิดการอักเสบได้ เกิดได้ทั้งแบบกะทันหันและแบบที่เป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ ปัจจัยเสี่ยง และภูมิคุ้มกันของร่างกาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ มดลูกอักเสบเฉียบพลัน และมดลูกอักเสบเรื้อรัง

ความแตกต่างระหว่างมดลูกอักเสบเฉียบพลันและมดลูกอักเสบเรื้อรัง

ภาวะมดลูกอักเสบทั้งสองประเภท มีสาเหตุและลักษณะอาการที่แตกต่างกันชัดเจน ซึ่งรายละเอียดที่ผู้หญิงควรทำความเข้าใจเบื้องต้น ได้แก่

  • มดลูกอักเสบเฉียบพลัน (Acute Endometritis) : มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรงหลังจากการคลอดบุตร การแท้งบุตร หรือการทำหัตถการอื่นที่เกี่ยวข้องกับมดลูก เช่น การขูดมดลูก เนื่องจากเป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิดกว้าง ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่โพรงมดลูกได้ง่าย อาการจึงแสดงออกชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอาการไข้สูง ปวดท้องน้อย หรือตกขาวผิดปกติ
  • มดลูกอักเสบเรื้อรัง (Chronic Endometritis) : เป็นภาวะของอาการอักเสบที่สะสมมาเป็นเวลานาน อาการอาจไม่ชัดเจนหรือรุนแรงเท่าแบบเฉียบพลัน แต่มักพบในผู้หญิงที่มีภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะในกลุ่มที่ล้มเหลวจากการทำเด็กหลอดแก้วหรือการทำ ICSI ซ้ำ ๆ

มีประวัติภาวะมดลูกอักเสบ นัดหมายรับคำปรึกษากับสูตินรีแพทย์ก่อนวางแผนตั้งครรภ์  

มดลูกอักเสบเกิดจากอะไร ?

สาเหตุหลักของการเกิดมดลูกอักเสบคือการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อโรคสามารถเข้าสู่โพรงมดลูกได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรือจากเหตุการณ์ที่ทำให้จุลชีพเปลี่ยนแปลงหลังคลอดหรือหลังทำหัตถการทางการแพทย์ การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้สามารถป้องกันได้ตรงจุด พร้อมกับช่วยป้องกันภาวะมีบุตรยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. การติดเชื้อแบคทีเรีย

เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบในมดลูกมีหลายชนิด โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ (Gonorrhea) หนองในเทียม (Chlamydia) และเชื้อวัณโรค ซึ่งสามารถลุกลามจากช่องคลอดขึ้นไปถึงมดลูกได้

2. ภายหลังการคลอดหรือแท้งบุตร

หลังการคลอดบุตร ไม่ว่าจะเป็นการคลอดธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอด รวมไปถึงหลังการแท้งบุตรและการขูดมดลูก โพรงมดลูกจะมีความบอบช้ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย หากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการอักเสบตามมา

3. หัตถการทางการแพทย์

หัตถการที่ต้องสอดอุปกรณ์เข้าไปในมดลูก เช่น การใส่ห่วงคุมกำเนิด การส่องกล้องโพรงมดลูก (Hysteroscopy) หรือการขูดมดลูก หากไม่ได้ทำในสภาพปลอดเชื้อและใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมอย่างเคร่งครัด ก็ถือเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่โพรงมดลูกและเกิดการอักเสบได้เช่นกัน

4. การอักเสบที่ลุกลามจากอวัยวะอื่น

ในบางกรณี การติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียงอย่างอุ้งเชิงกรานหรือท่อนำไข่ อาจลุกลามจนไปถึงเยื่อบุโพรงมดลูกและเป็นสาเหตุของภาวะมดลูกอักเสบได้ โดยเฉพาะกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

อาการของมดลูกอักเสบที่ควรระวัง

หากมีภาวะมดลูกอักเสบจากสาเหตุต่าง ๆ ที่เรากล่าวไปข้างต้น ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนผ่านอาการผิดปกติหลายประการ ซึ่งอาการที่พบโดยทั่วไป มีดังนี้

อาการมดลูกอักเสบเฉียบพลัน

  • ปวดท้องน้อยรุนแรงและเฉียบพลัน
  • มีไข้สูงและรู้สึกไม่สบายตัว
  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็นและอาจมีสีผิดปกติ
  • มีอาการปวดขณะขับถ่าย หรือมีอาการท้องผูก
  • อาการปวดขณะปัสสาวะและปัสสาวะบ่อย

อาการมดลูกอักเสบเรื้อรัง

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น มามากผิดปกติ มาน้อยผิดปกติ หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • เจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • เกิดภาวะมีบุตรยากและฝังตัวอ่อนไม่สำเร็จ

และหากคุณสังเกตเห็นอาการที่น่ากังวล เช่น มีเลือดออกผิดปกติ เลือดออกกะปริบกะปรอยตลอดเวลา มีไข้สูงร่วมกับอาการปวดท้องอย่างรุนแรง นั่นคือสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจมีการติดเชื้อที่รุนแรงและควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

มีอาการมดลูกอักเสบแต่ต้องการมีบุตร วางแผนการรักษากับสูตินรีแพทย์ได้ที่นี่  

 

ภาวะแทรกซ้อนของมดลูกอักเสบและผลกระทบต่อการมีบุตร

ภาวะแทรกซ้อนของมดลูกอักเสบไม่ได้จำกัดแค่การติดเชื้อเฉียบพลัน แต่รวมถึงผลกระทบต่อความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งส่งผลต่อการตั้งครรภ์ด้วย ภาวะที่พบบ่อยและกระทบต่อการมีบุตร ได้แก่

  • การเกิดพังผืดในโพรงมดลูกจากการอักเสบเรื้อรัง เป็นเนื้อเยื่อผิดปกติที่เกาะอยู่ในมดลูก ทำให้พื้นผิวของมดลูกขรุขระและขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้การตั้งครรภ์เป็นไปได้ยากขึ้น
  • เพิ่มความเสี่ยงภาวะมีบุตรยาก เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ตัวอ่อนฝังตัวยากขึ้น แต่ยังอาจส่งผลต่อคุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้ไม่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ด้วย
  • หากเกิดการตั้งครรภ์ขณะที่มีภาวะมดลูกอักเสบอยู่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง นำไปสู่ภาวะแท้งหรือการคลอดก่อนกำหนดได้

แพทย์กำลังตรวจวินิจฉัยคนไข้ที่มีภาวะมดลูกอักเสบว่าเกิดจากอะไร

การวินิจฉัยมดลูกอักเสบ

การวินิจฉัยที่ถูกต้องเป็นขั้นตอนแรกสู่การรักษาที่ได้ผล ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด นำไปสู่การรักษาอาการมดลูกอักเสบจากต้นเหตุที่แท้จริง

  • การซักประวัติและตรวจร่างกาย : แพทย์จะสอบถามประวัติสุขภาพ ประวัติการทำหัตถการ และอาการผิดปกติต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการประเมินความเสี่ยง
  • การตรวจภายในและการตรวจตกขาว : แพทย์จะทำการตรวจภายในเพื่อตรวจหาความผิดปกติ และเก็บตัวอย่างตกขาวไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ
  • การส่องกล้องโพรงมดลูก (Hysteroscopy) : ในกรณีที่สงสัยว่ามีมดลูกอักเสบเรื้อรังหรือมีพังผืด การส่องกล้องโพรงมดลูกถือเป็นมาตรฐานทองคำในการวินิจฉัย แพทย์จะส่องกล้องขนาดเล็กเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อตรวจดูสภาพภายในอย่างละเอียด

วิธีการรักษามดลูกอักเสบ

การรักษามดลูกอักเสบขึ้นอยู่กับสาเหตุ ชนิดและความรุนแรงของอาการ โดยมีเป้าหมายหลักคือการกำจัดเชื้อและลดการอักเสบเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

1. การใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic Therapy)

โดยปกติ แพทย์จะเลือกชนิดของยาที่เหมาะสมกับเชื้อแบคทีเรียที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองในแท้ (Gonorrhea) และหนองในเทียม (Chlamydia) ในกรณีของมดลูกอักเสบเฉียบพลันที่รุนแรง อาจต้องให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำในโรงพยาบาล ในขณะที่การอักเสบเรื้อรังมักจะใช้ยาชนิดรับประทานในการรักษา 

2. การรักษาภาวะแทรกซ้อน

หากภาวะอักเสบเรื้อรังนำไปสู่การเกิดพังผืดในโพรงมดลูก (Intrauterine Adhesions) หรือที่เรียกว่า Asherman’s Syndrome แพทย์อาจพิจารณาให้ทำการผ่าตัดส่องกล้องในโพรงมดลูก (Hysteroscopy) เพื่อเข้าไปตัดและเลาะพังผืดออก ซึ่งจะช่วยให้โพรงมดลูกกลับมาเรียบเนียนและพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน

3. การรักษาด้วยเทคโนโลยีเจริญพันธุ์สำหรับผู้มีบุตรยาก

สำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากจากมดลูกอักเสบเรื้อรัง หลังจากได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและแก้ไขภาวะแทรกซ้อนแล้ว อาจจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์เข้ามาช่วย เช่น การทำ ICSI ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมในการปฏิสนธิและย้ายตัวอ่อนกลับสู่โพรงมดลูกที่ได้รับการรักษาแล้วอย่างเหมาะสม

นัดหมายรับคำปรึกษาการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำ ICSI  

การป้องกันและการดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากภาวะมดลูกอักเสบ

การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงการเกิดภาวะมดลูกอักเสบ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว ทำได้ด้วย 3 วิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้
  • หลังคลอดหรือทำหัตถการทุกชนิด ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ
  • ตรวจสุขภาพภายในเป็นประจำ ช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่วางแผนมีบุตรหรือเคยมีภาวะแท้งบุตรมาก่อน

โดยสรุป อาการมดลูกอักเสบเป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อและการอักเสบในโพรงมดลูก ซึ่งหากละเลยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้หญิงในระยะยาวได้

การวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงทีสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ในอนาคต หากมีอาการผิดปกติที่น่ากังวล หรือกำลังวางแผนมีบุตรแต่ยังไม่สำเร็จ สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัย การรักษา และวางแผนรักษาภาวะมีบุตรยากกับสูตินรีแพทย์ได้ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เราพร้อมให้คำแนะนำและการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์ ด้วยแผนการรักษาที่ออกแบบมาเพื่อแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q : มดลูกอักเสบเรื้อรังรักษาหายไหม และมีโอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้หรือไม่ ?

A : มดลูกอักเสบเรื้อรังสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะและการรักษาร่วมอื่น ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ หากรักษาหายแล้ว ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้สำเร็จ แต่หากยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากที่เหมาะสมต่อไป

Q : หากเคยมีประวัติมดลูกอักเสบ ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนวางแผนทำ ICSI ?

A : ผู้ที่มีประวัติมดลูกอักเสบควรเข้าปรึกษาสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจส่องกล้องโพรงมดลูก (Hysteroscopy) เพื่อประเมินความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกและตรวจหาพังผืด หากพบความผิดปกติ จะต้องทำการรักษาให้เรียบร้อยก่อนจึงจะเริ่มกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วหรือ ICSI ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์

Q : อาการปวดท้องน้อยเรื้อรังบ่งบอกว่าเป็นมดลูกอักเสบไหม เมื่อไหร่ที่ควรไปตรวจ ?

A : อาการปวดท้องน้อยเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณของภาวะมดลูกอักเสบเรื้อรังได้ แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือโรคในระบบทางเดินอาหาร หากอาการปวดท้องไม่ดีขึ้นหรือไม่ทราบสาเหตุ ควรนัดหมายเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการปวดนั้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ มีภาวะมีบุตรยาก

Q : การรักษามดลูกอักเสบส่งผลกระทบต่อคุณภาพของไข่หรืออสุจิหรือไม่ ?

การรักษามดลูกอักเสบโดยทั่วไปจะใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพของไข่หรืออสุจิ อย่างไรก็ตาม การอักเสบที่เกิดขึ้นในโพรงมดลูกอาจส่งผลเสียต่อการฝังตัวของตัวอ่อนโดยตรง ดังนั้น การรักษาภาวะนี้ให้หายขาดก่อนจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากกว่า

 

บทความโดย แพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

 

Book a consultation with Dr. Worawat Siripoon at our infertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.