เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

รู้จักภาวะทองแดงอย่างรอบด้าน คุณผู้ชายที่คิดมีบุตรควรอ่าน

ผู้ชายรู้สึกเครียดกลัวว่าเป็นภาวะทองแดงแล้วจะมีบุตรไม่ได้

Table of Contents

สำหรับคู่รักหลายคู่ที่กำลังอยู่ในช่วงการสร้างครอบครัวรวมถึงการวางแผนมีบุตร การทำความเข้าใจถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในนั้นคือปัจจัยทางฝั่งของคุณผู้ชายซึ่งมักเกี่ยวข้องกับ “คุณภาพของอสุจิ” โดยตรง และหนึ่งในภาวะความผิดปกติแต่กำเนิดที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ คือ ภาวะอัณฑะไม่ลงถุง (Cryptorchidism) หรือที่เรียกกันว่า “ภาวะทองแดง” โดยบทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงภาวะดังกล่าวในทุกมิติ ตั้งแต่สาเหตุ กลไกการส่งผลกระทบต่อการสร้างอสุจิ ไปจนถึงแนวทางการรับมือด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์

ภาวะอัณฑะไม่ลงถุงคืออะไร ?

ภาวะอัณฑะไม่ลงถุง (Cryptorchidism) หรือ ภาวะอัณฑะทองแดง มักเป็นมาตั้งแต่กำเนิดในเพศชาย ซึ่งเป็นภาวะที่อัณฑะอย่างน้อยหนึ่งข้างไม่เคลื่อนตัวลงมาอยู่ในตำแหน่งปกติภายในถุงอัณฑะ (Scrotum) ในระหว่างการเจริญเติบโตของทารกที่อยู่ในครรภ์

โดยปกติแล้ว อัณฑะของทารกเพศชายจะถูกสร้างขึ้นในช่องท้องใกล้กับไตตั้งแต่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ และจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านช่องขาหนีบ (Inguinal Canal) ลงมายังถุงอัณฑะ กระบวนการนี้มักจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด ซึ่งถูกควบคุมโดยกลไกที่ซับซ้อนทั้งฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) และปัจจัยทางกายวิภาคอื่น ๆ ดังนั้น ภาวะนี้จึงพบบ่อยในทารกที่คลอดก่อนกำหนด เนื่องจากอัณฑะยังไม่มีเวลาเคลื่อนตัวลงมาจนสุดกระบวนการ

ภาวะอัณฑะทองแดงอาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว (Unilateral) หรือทั้งสองข้าง (Bilateral) ก็ได้ และอัณฑะที่ “ค้าง” อยู่นั้น อาจหยุดอยู่ที่ตำแหน่งใดก็ได้ตลอดเส้นทางการเคลื่อนตัว เช่น ในช่องท้อง (Intra-abdominal), ในช่องขาหนีบ (Inguinal) หรือบริเวณหัวหน่าว (Suprascrotal)

สิ่งสำคัญคือต้องแยกภาวะนี้ออกจาก ภาวะอัณฑะเคลื่อน (Retractile Testis) ซึ่งเป็นภาวะที่อัณฑะอยู่ในถุงอัณฑะแล้ว แต่สามารถถูกดึงรั้งกลับขึ้นไปในช่องขาหนีบได้ง่ายเมื่ออากาศเย็นหรือเมื่อทารกตกใจ ซึ่งภาวะหลังนี้มักไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแต่จะดีขึ้นเองเมื่อโตขึ้น

ทำไมตำแหน่งของอัณฑะจึงสำคัญ ?

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมธรรมชาติจึงออกแบบให้อัณฑะ ซึ่งเป็น “โรงงานผลิตอสุจิ” ที่สำคัญที่สุดของเพศชาย ต้องอยู่นอกร่างกายในถุงอัณฑะแทนที่จะอยู่ภายในช่องท้องเหมือนอวัยวะอื่น คำตอบอยู่ที่ “อุณหภูมิ”

อัณฑะจำเป็นต้องทำงานในอุณหภูมิที่ ต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกายประมาณ 2–3 องศาเซลเซียส เพื่อให้เซลล์สร้างอสุจิ สามารถแบ่งตัวและเจริญได้อย่างสมบูรณ์ หากอัณฑะอยู่ในช่องท้องหรือขาหนีบ ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า จะเกิดภาวะ “ความร้อนสะสมในอัณฑะ (Testicular Heat Stress)” ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกระบวนการสร้างอสุจิ รวมถึงอาจทำให้โครงสร้างของอัณฑะเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

นอกจากนี้ อัณฑะที่อยู่ผิดตำแหน่งยังมีความเสี่ยงสูงต่อการ บิดตัวของอัณฑะ (Testicular Torsion) และ มะเร็งอัณฑะ (Testicular Cancer) ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่แพทย์มักแนะนำให้ตรวจและรักษาภาวะทองแดงตั้งแต่ในวัยเด็ก

ภาวะทองแดงส่งผลกระทบต่อคุณภาพอสุจิอย่างไร ?

ความเสียหายจากอุณหภูมิที่สูงดังที่กล่าวมา คือสาเหตุหลักที่เชื่อมโยงภาวะทองแดงเข้ากับภาวะมีบุตรยากชาย โดยสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพอสุจิในทุกมิติ ดังนี้

1. ภาวะอสุจิน้อย (Oligospermia)

ความร้อนจะทำลายเซลล์ต้นกำเนิดอสุจิ ทำให้ “โรงงาน” ผลิตอสุจิได้น้อยลงอย่างมาก ส่งผลให้จำนวนตัวอสุจิทั้งหมดในน้ำเชื้อต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ต่ำกว่า 15 ล้านตัวต่อมิลลิลิตร)

2. ภาวะไม่มีตัวอสุจิ (Azoospermia)

ในกรณีที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีภาวะทองแดงทั้งสองข้าง และไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาช้าเกินไป ความร้อนอาจทำลายเซลล์ต้นกำเนิดอสุจิจนหมดสิ้น ทำให้ไม่สามารถผลิตอสุจิได้อีกต่อไป ส่งผลให้ตรวจไม่พบตัวอสุจิในน้ำเชื้อเลย

3. การเคลื่อนไหวของอสุจิผิดปกติ (Asthenozoospermia)

อุณหภูมิที่สูงไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการ “ผลิต” แต่ยังรบกวนกระบวนการ “เจริญเต็มวัย” ของอสุจิ ซึ่งเกิดขึ้นในท่อพักอสุจิ (Epididymis) ที่อยู่ติดกับอัณฑะ ทำให้อสุจิที่ผลิตออกมามีคุณภาพอสุจิต่ำ ว่ายไม่ตรง หรือไม่ว่าย (เปอร์เซ็นต์การเคลื่อนไหวต่ำ) ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินทางไปปฏิสนธิกับไข่

4. รูปร่างอสุจิผิดปกติ (Teratozoospermia)

กระบวนการสร้างตัวอสุจิเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ความร้อนที่ผิดปกติจะรบกวนการสร้างตัวอสุจิ ทำให้เกิดอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติจำนวนมาก เช่น หัวกลม หัวแหลม ไม่มีหาง หรือหางสองแฉก โดยอสุจิที่รูปร่างผิดปกติเหล่านี้จะไม่สามารถเจาะผ่านเปลือกไข่เพื่อปฏิสนธิได้

ต้องการทราบคุณภาพอสุจิของคุณผู้ชาย ? สามารถมาใช้บริการตรวจอสุจิได้ที่ VFC Center

การวินิจฉัยและการรักษา

ภาวะอัณฑะทองแดงมักถูกตรวจพบตั้งแต่แรกเกิดโดยกุมารแพทย์ผ่านการตรวจร่างกาย โดยหากพบว่าอัณฑะข้างใดข้างหนึ่งยังไม่อยู่ในถุงอัณฑะ แพทย์อาจแนะนำให้รอสังเกตอาการประมาณ 3–6 เดือนแรกหลังคลอด เพราะอัณฑะบางส่วนสามารถเคลื่อนตัวลงมาเองได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าครบระยะเวลาสังเกตแล้วยังไม่ลงมา การรักษามาตรฐานคือ “การผ่าตัดดึงอัณฑะลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ” (Orchiopexy) ซึ่งมักทำในช่วงอายุ 6–12 เดือน เพื่อให้เนื้อเยื่ออัณฑะพัฒนาได้เต็มที่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การผ่าตัดในวัยนี้มีอัตราความสำเร็จสูงและช่วยลดความเสี่ยงต่อการมีบุตรยากในอนาคตได้อย่างมาก ในบางกรณี แพทย์อาจตรวจเพิ่มเติมด้วยการทำอัลตราซาวนด์หรือการส่องกล้องช่องท้องเพื่อระบุตำแหน่งของอัณฑะที่ไม่สามารถคลำได้จากภายนอก

เคยมีประวัติภาวะทองแดงตอนเด็ก ปัจจุบันจะส่งผลต่อการมีบุตรหรือไม่ ?

คำตอบคือ “มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลกระทบ” แม้ว่าคุณจะเคยได้รับการผ่าตัดรักษาในวัยเด็กแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่คุณภาพอสุจิจะต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ด้วยเหตุผลดังนี้

  1. ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว (Pre-existing Damage) : แม้จะผ่าตัดดึงลงมาแล้ว แต่ช่วงเวลาที่อัณฑะ “ค้าง” อยู่ในอุณหภูมิที่สูง (แม้เพียง 6 เดือน – 1 ปี) ก็อาจสร้างความเสียหายถาวรต่อเซลล์ต้นกำเนิดอสุจิไปแล้วจำนวนหนึ่ง
  2. ความผิดปกติแต่กำเนิด (Intrinsic Abnormality) : ในหลายกรณี การที่อัณฑะไม่เคลื่อนที่ลงมาเอง อาจเป็นสัญญาณว่าตัวอัณฑะนั้นมีความผิดปกติหรือมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่ต้น ดังนั้น ต่อให้ย้ายมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว การทำงานของอัณฑะก็อาจไม่ดีเท่าอัณฑะปกติ

อีกทั้งความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นอย่างมาก หากเคยมีประวัติเป็นภาวะทองแดง “ทั้งสองข้าง” เมื่อเทียบกับผู้ที่เป็นเพียง “ข้างเดียว” ซึ่งมักจะมีอัณฑะอีกข้างที่ปกติคอยทำหน้าที่ชดเชย ดังนั้น ผู้ชายที่มีประวัติภาวะทองแดงในวัยเด็ก เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์และวางแผนจะมีบุตร ควรอย่างยิ่งที่จะเข้ามาปรึกษาแพทย์และทำการ “ตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้ออสุจิ” เพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน

ภาวะทองแดงสามารถส่งผลต่อคุณภาพอสุจิได้

ทางเลือกสำหรับผู้มีภาวะอสุจิผิดปกติจากภาวะทองแดง

หากผลการตรวจน้ำเชื้อพบว่ามีคุณภาพอสุจิที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนน้อย, ไม่วิ่ง, รูปร่างผิดปกติ หรือแม้กระทั่งไม่พบตัวอสุจิเลย ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นพ่อคนไม่ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ในปัจจุบัน ก้าวหน้าไปไกลมากพอที่จะข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้

1. การทำอิ๊กซี่ (ICSI)

สำหรับผู้ป่วยที่มีจำนวนอสุจิน้อย หรืออสุจิว่ายไม่เก่ง รูปร่างไม่ดี การทำ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ถือเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพสูงสุด กระบวนการนี้คือการคัดเลือกอสุจิที่ยังดูดีที่สุด (แม้จะมีน้อย) เพียงตัวเดียว มาฉีดเจาะเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรงเพื่อช่วยในการปฏิสนธิ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอสุจิจำนวนหลายล้านตัว หรือความสามารถในการว่ายของอสุจิอีกต่อไป

2. TESE/PESA (การเก็บอสุจิจากอัณฑะโดยตรง)

สำหรับผู้ป่วยกลุ่มที่ตรวจไม่พบตัวอสุจิในน้ำเชื้อ (Azoospermia) จากประวัติภาวะทองแดง ยังมีความหวัง เพราะในหลายกรณีอัณฑะ อาจยังมีการผลิตอสุจิอยู่บ้างซึ่งอยู่ในระดับที่น้อยมาก แต่จะไม่สามารถปล่อยออกมากับน้ำเชื้อได้ แพทย์สามารถทำการเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะได้ด้วยวิธี

  • PESA (Percutaneous Epididymal Sperm Aspiration) : การใช้เข็มขนาดเล็กเจาะดูดอสุจิจากท่อพักอสุจิ
  • TESE (Testicular Sperm Extraction) : การผ่าตัดเล็กเพื่อนำชิ้นเนื้ออัณฑะขนาดเล็กออกมา แล้วใช้กล้องกำลังขยายสูง (Microdissection TESE) เพื่อค้นหาตัวอสุจิที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเยื่อเหล่านั้น

เมื่อพบตัวอสุจิ (แม้เพียงไม่กี่ตัว) ก็สามารถนำไปเข้าสู่กระบวนการทำ ICSI ต่อไปได้ทันที

ปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการมีบุตรได้ที่ VFC Center

ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะทองแดงและผลกระทบต่อการตั้งครรภ์

สำหรับคุณผู้ชายที่เคยมีประวัติภาวะอัณฑะทองแดงและกำลังวางแผนสร้างครอบครัว การตรวจประเมินคุณภาพอสุจิคือขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้คุณเข้าใจถึงศักยภาพการเจริญพันธุ์ของตนเองได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เรายกระดับการตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้ออสุจิ (Semen Analysis) ด้วยโปรแกรม CASA (Computer-Assisted Semen Analysis) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาวิเคราะห์คุณภาพของอสุจิด้วยความละเอียดสูง ทำให้สามารถตรวจสเปิร์มได้ทั้งจำนวน รูปร่าง และรูปแบบการเคลื่อนที่ของอสุจิได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลที่แม่นยำนี้จะช่วยให้ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณได้อย่างตรงจุด เปลี่ยนความกังวลใจจากประวัติสุขภาพในอดีต ให้กลายเป็นความมั่นใจบนเส้นทางสู่การมีบุตร

บทความโดย แพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline: 082-903-2035

LINE Official: @vfccenter

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Book a consultation with Dr. Worawat Siripoon at our infertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.