เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

ภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงกับภาวะมีบุตรยากต่างกันอย่างไร?

ภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง (Subfertility) ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เอง เพียงแต่ใช้เวลานานกว่าปกติ

Table of Contents

หลายคู่สมรสมักสับสนระหว่าง “ภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง” กับ “ภาวะมีบุตรยาก” ทั้งที่จริงแล้ว สองสิ่งนี้มีความหมายที่แตกต่างกัน การเข้าใจสาเหตุการมีลูกยาก รวมถึงความแตกต่างระหว่างภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงกับภาวะมีบุตรยาก จะช่วยให้คุณรู้ถึงวิธีการดูแลที่เหมาะสม และช่วยเพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

1. ภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง คืออะไร?

ภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง (Subfertility) หมายถึงภาวะที่ความสามารถในการเจริญพันธุ์ลดลงจากปกติ แต่ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เอง เพียงแต่อาจใช้เวลานานกว่าปกติ ซึ่งแตกต่างจากภาวะมีบุตรยากที่อาจไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เลยหากไม่ได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์

ภาวะนี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกับคู่สมรสในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีอายุมากขึ้น หรือมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่หากเข้าใจลักษณะและสาเหตุของภาวะนี้ ก็จะสามารถปรับปรุงพฤติกรรมและแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1.1 ลักษณะสำคัญของภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง

การระบุลักษณะของภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงจะช่วยให้คู่สมรสเข้าใจสถานการณ์ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น และสามารถวางแผนการดูแลที่เหมาะสมในขั้นตอนต่อไป 

  • ใช้เวลาตั้งครรภ์นานกว่า 6-12 เดือน แต่ยังมีโอกาสสำเร็จ คู่สมรสที่มีภาวะนี้มักจะใช้เวลาในการพยายามมีบุตรนานกว่าคู่ปกติ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนและการดูแลที่เหมาะสม
  • ฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ยังทำงานได้ แต่ประสิทธิภาพลดลง ระบบสืบพันธุ์ยังคงสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่อาจมีความล่าช้าหรือมีประสิทธิภาพที่ไม่สมบูรณ์ เช่น การตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือคุณภาพของไข่และสเปิร์มที่ลดลงเล็กน้อย
  • อาจมีปัจจัยเสี่ยงเล็กน้อย เช่น อายุ ความเครียด หรือการใช้ชีวิต ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มักเป็นสิ่งที่สะสมมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานหนัก การนอนไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการเจริญพันธุ์ 

คิดว่าคู่ของคุณอาจมีภาวะเจริญพันธุ์ต่ำ ? ปรึกษาแพทย์ด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากได้ที่นี่

1.2 สาเหตุที่พบบ่อยของภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง

การทราบสาเหตุของภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงจะช่วยให้สามารถปรับปรุงและแก้ไขได้อย่างตรงจุด ซึ่งสาเหตุอาจมาจากฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย หรือทั้งสองฝ่ายก็เป็นได้ 

สาเหตุที่พบในผู้หญิง

  • อายุมากขึ้น (หลัง 35 ปี) เมื่ออายุเพิ่มขึ้น จำนวนและคุณภาพของไข่จะลดลงตามธรรมชาติ อีกทั้งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงและใช้เวลานานขึ้น โดยเฉพาะหลังจากอายุ 35 ปี ความสามารถในการเจริญพันธุ์จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ความผิดปกติของการตกไข่เล็กน้อย การตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือการตกไข่ช้ากว่าปกติ อาจเกิดจากความเครียด การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก หรือภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อช่วงเวลาของการตกไข่ที่เหมาะสม และทำให้การปฏิสนธิลดลง
  • ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลเล็กน้อย เช่น ระดับฮอร์โมน Prolactin ที่สูงผิดปกติ ภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติเล็กน้อย หรือภาวะต้านทานต่ออินซูลิน ซึ่งล้วนส่งผลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์ทั้งสิ้น 
  • ความเครียดและการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาส่วนตัว หรือแม้แต่ความกดดันจากการพยายามมีบุตร สามารถส่งผลต่อฮอร์โมนและการทำงานของระบบสืบพันธุ์ได้ นอกจากนี้ การนอนไม่เพียงพอ การออกกำลังกายมากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงได้เช่นกัน 

สาเหตุที่พบในผู้ชาย

  • คุณภาพของสเปิร์มลดลง จำนวน ความเคลื่อนไหว และรูปร่างของสเปิร์มที่ไม่สมบูรณ์ เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ การใช้ชีวิต หรือสภาพแวดล้อม แม้ว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่อาจมีประสิทธิภาพลดลง
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ความร้อน สารเคมี การสัมผัสกับความร้อนสูง เช่น การอาบน้ำร้อนนาน ๆ การใส่กางเกงรัดรูป การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ร้อน หรือการสัมผัสกับสารเคมีและสารพิษต่าง ๆ ล้วนส่งผลต่อการผลิตและคุณภาพของสเปิร์ม
  • การใช้ชีวิตที่ละเลยสุขภาพ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ขาดการออกกำลังกาย หรือการมีน้ำหนักเกิน ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพของระบบสืบพันธุ์

 

2. ภาวะมีบุตรยาก คืออะไร?

ภาวะมีบุตรยาก (Infertility) เป็นภาวะที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ภายใน 1 ปี (สำหรับคู่รักอายุต่ำกว่า 35 ปี) หรือภายใน 6 เดือน (สำหรับคู่รักอายุ 35 ปีขึ้นไป) แม้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอและไม่ได้คุมกำเนิด

ภาวะมีบุตรยากเป็นปัญหาทางการแพทย์ที่ต้องการการวินิจฉัยและการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งแตกต่างจากภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงที่อาจสามารถปรับปรุงได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การเข้าใจลักษณะและประเภทของภาวะมีบุตรยากจะช่วยให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากภาวะนี้มักเกิดจากปัญหาทางกายวิภาคหรือการทำงานของระบบสืบพันธุ์ที่ต้องการการรักษาทางการแพทย์

2.1 ประเภทของภาวะมีบุตรยาก

การแบ่งประเภทของภาวะมีบุตรยากจะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจสาเหตุและแนวทางการรักษาได้ดียิ่งขึ้น

  • ภาวะมีบุตรยากชนิดปฐมภูมิ (Primary Infertility): ภาวะนี้หมายถึงการที่คู่สมรสไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อนเลย แม้จะพยายามมาเป็นระยะเวลานาน สาเหตุอาจมาจากปัญหาโครงสร้างของอวัยวะสืบพันธุ์ที่มีมาตั้งแต่เกิด ปัญหาฮอร์โมนที่รุนแรง หรือปัญหาทางพันธุกรรม การรักษาภาวะนี้มักต้องการความละเอียดในการวินิจฉัยและอาจต้องใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ขั้นสูง
  • ภาวะมีบุตรยากชนิดทุติยภูมิ (Secondary Infertility): ภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับคู่สมรสที่เคยตั้งครรภ์สำเร็จมาก่อน แต่ปัจจุบันไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ สาเหตุอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากการตั้งครรภ์ครั้งก่อน เช่น การติดเชื้อที่ส่งผลต่อท่อมดลูก การผ่าตัดที่ส่งผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามอายุ

ปรึกษาแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก จาก VFC Center ได้ที่นี่

2.2 สาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยาก

การทราบสาเหตุการมีลูกยาก เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งสาเหตุอาจเกิดได้ทั้งจากฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย หรือทั้งสองฝ่าย

สาเหตุในผู้หญิง

  • ท่อมดลูกอุดตัน หรือผิดปกติ ท่อมดลูกที่อุดตันจะทำให้สเปิร์มไม่สามารถเดินทางไปพบไข่ได้ หรือไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วไม่สามารถเดินทางลงมาฝังตัวในมดลูกได้ สาเหตุมักเกิดจากการติดเชื้อในอดีต การผ่าตัดในช่องท้อง หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • ความผิดปกติของการตกไข่ เช่น ภาวะรังไข่หยุดทำงาน การตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่มีการตกไข่เลย อาจเกิดจากปัญหาฮอร์โมน ภาวะรังไข่อักเสบ หรือปัจจัยทางพันธุกรรม
  • ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อที่คล้ายกับเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญที่อวัยวะอื่น เช่น รังไข่ ท่อมดลูก ก่อให้เกิดการอักเสบและแผลเป็น ส่งผลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์
  • ความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ เช่น เนื้องอกในมดลูก การพัฒนาที่ไม่สมบูรณ์ของอวัยวะสืบพันธุ์ หรือภาวะรังไข่ลีบ

สาเหตุในผู้ชาย

  • คุณภาพสเปิร์มต่ำ จำนวนน้อย หรือเคลื่อนที่ได้ไม่ดี ปัญหานี้พบได้บ่อยในผู้ชายที่มีภาวะมีบุตรยาก อาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม การติดเชื้อ การสัมผัสสารเคมี หรือปัญหาจากการบาดเจ็บ
  • ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ เช่น ท่อนำสเปิร์มอุดตัน อัณฑะไม่ลงถุง หรือการพัฒนาที่ไม่สมบูรณ์ของอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
  • ปัญหาฮอร์โมน ความผิดปกติของฮอร์โมนที่ควบคุมการผลิตสเปิร์ม เช่น ฮอร์โมน LH, FSH, หรือ Testosterone ที่ผิดปกติ

สาเหตุร่วม

ในบางครั้ง ปัญหาอาจมาจากทั้งสองฝ่าย เช่น ภาพรวมของความสามารถในการเจริญพันธุ์ของทั้งคู่ที่ลดลง ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ไม่ทราบสาเหตุ

ประมาณ 10-15% ของคู่สมรสที่มีปัญหาการมีบุตรยาก และตรวจไม่พบความผิดปกติที่ชัดเจน แม้จะผ่านการตรวจสอบอย่างครบถ้วนแล้ว ในกรณีนี้ แพทย์มักจะใช้วิธีการรักษาเชิงประจักษ์หรือเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์

ความแตกต่างสำคัญของภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงกับภาวะมีบุตรยาก

3. ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างสำคัญของภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง กับ ภาวะมีบุตรยาก

การเปรียบเทียบลักษณะสำคัญของทั้งสองภาวะจะช่วยให้เข้าใจถึงความแตกต่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละคู่

ลักษณะ ภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง ภาวะมีบุตรยาก
โอกาสตั้งครรภ์เอง ยังมีโอกาสสำเร็จ โอกาสต่ำมาก หรือไม่มี
ระยะเวลาที่ใช้ 6-12 เดือน หรือมากกว่า เกิน 1 ปี (อายุ<35) หรือ 6 เดือน (อายุ≥35)
ระบบสืบพันธุ์ ทำงานได้ แต่ประสิทธิภาพลดลง มีปัญหาที่จำเพาะเจาะจง
การรักษา ปรับการใช้ชีวิต + การติดตาม ต้องการการรักษาทางการแพทย์
โอกาสการรักษา สูง ด้วยวิธีธรรมชาติ ต้องอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์

 

4. การวินิจฉัยและการตรวจสอบ

การวินิจฉัยที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยการตรวจสอบจะเริ่มจากขั้นพื้นฐานและค่อย ๆ เพิ่มความละเอียดตามความจำเป็น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนในการวางแผนการรักษา

4.1 การตรวจสอบเบื้องต้น

การตรวจสอบเบื้องต้นมีความสำคัญในการประเมินภาพรวมของสุขภาพสืบพันธุ์ และจะเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการวางแผนการรักษาต่อไป

สำหรับผู้หญิง

  • ตรวจประวัติการมีประจำเดือน แพทย์จะซักถามเกี่ยวกับรูปแบบการมีประจำเดือน ความสม่ำเสมอ จำนวนวันของรอบ อาการที่เกิดขึ้น และประวัติการใช้ยาคุมกำเนิด เพื่อประเมินการทำงานของฮอร์โมนและการตกไข่
  • ตรวจร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ การตรวจร่างกายทั่วไป การตรวจภายใน และการตรวจเต้านม เพื่อหาความผิดปกติของโครงสร้าง การติดเชื้อ หรือเนื้องอกที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการเจริญพันธุ์
  • ตรวจฮอร์โมน (FSH, LH, AMH, Prolactin) การตรวจระดับฮอร์โมนต่าง ๆ จะช่วยประเมินการทำงานของรังไข่ ต่อมใต้สมอง และต่อมน้ำนมขาว ซึ่งล้วนมีผลต่อการเจริญพันธุ์ การตรวจ AMH จะช่วยประเมินไข่สำรองที่เหลืออยู่ด้วย 
  • อัลตราซาวนด์อวัยวะสืบพันธุ์ การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงจะช่วยดูโครงสร้างของมดลูก รังไข่ และการเจริญของตุ่มไข่ ตลอดจนหาความผิดปกติที่อาจมีอยู่

สำหรับผู้ชาย

  • ตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ (Semen Analysis) เป็นการตรวจพื้นฐานที่สำคัญที่สุด จะประเมินปริมาณ ความเข้มข้น ความเคลื่อนไหว และรูปร่างของสเปิร์ม ตลอดจนค่า pH และการมีเชื้อโรคในน้ำอสุจิ
  • ตรวจฮอร์โมนเพศชาย การตรวจระดับ Testosterone, FSH, LH จะช่วยประเมินการทำงานของระบบฮอร์โมนที่ควบคุมการผลิตสเปิร์ม
  • ตรวจอวัยวะสืบพันธุ์ การตรวจขนาดและรูปร่างของอัณฑะ ทั้งการมีเส้นเลือดขอด ตรวจต่อมลูกหมาก และการประเมินทางเดินของสเปิร์ม

4.2 การตรวจสอบขั้นสูง

เมื่อการตรวจเบื้องต้นไม่สามารถระบุสาเหตุได้ชัดเจน หรือต้องการข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น จะต้องทำการตรวจสอบขั้นสูงเหล่านี้ต่อไป

  • HSG (Hysterosalpingography) – ตรวจท่อมดลูก เป็นการฉีดสารทึบแสงเข้าไปในมดลูกและถ่ายภาพรังสี เพื่อดูทางผ่านของท่อมดลูกและรูปร่างของโพรงมดลูก วิธีนี้จะช่วยให้สามารถตรวจพบการอุดตันของท่อมดลูกหรือความผิดปกติของโครงสร้างภายในมดลูก
  • Laparoscopy (กล้องส่องช่องท้อง) เป็นการผ่าตัดเล็กน้อย โดยใส่กล้องเล็กๆ เข้าไปในช่องท้องเพื่อดูอวัยวะสืบพันธุ์โดยตรง สามารถตรวจพบและรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ การติดยึด หรือปัญหาอื่นๆ ได้พร้อมกัน
  • การตรวจพันธุกรรม ในกรณีที่สงสัยว่าปัญหาอาจมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม จะตรวจโครโมโซมและยีนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ เช่น Karyotype, Y chromosome microdeletion
  • การตรวจความเข้ากันได้ของสเปิร์มกับเมือกปากมดลูก เป็นการตรวจว่าสเปิร์มสามารถเคลื่อนที่ผ่านเมือกปากมดลูกได้หรือไม่ ซึ่งอาจมีปัญหาจากภูมิคุ้มกันหรือคุณสมบัติของเมือกที่ผิดปกติ

นัดหมายตรวจภาวะมีบุตรยาก พร้อมรับการรักษาอย่างเหมาะสมที่ VFC Center

การรักษาภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลงและภาวะมีบุตรยากโดยแพทย์เพื่อการตั้งครรภ์ที่สำเร็จ

5. วิธีการรักษา

5.1 การรักษาภาวะเจริญพันธุ์ต่ำลง

การปรับการใช้ชีวิต

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มกรดโฟลิก เน้นผักใบเขียว ผลไม้ โปรตีนคุณภาพดี และธัญพืชเต็มเมล็ด กรดโฟลิกช่วยพัฒนาไข่และสเปิร์ม รวมทั้งลดความเสี่ยงของความผิดปกติทางพันธุกรรมในทารก
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่หักโหม การออกกำลังกายปานกลาง เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือด ลดความเครียด และควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม
  • ลดความเครียดด้วยการทำสมาธิ โยคะ ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนเจริญพันธุ์ การฝึกสมาธิ ทำโยคะ ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมผ่อนคลายช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
  • หลีกเลี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์ และสารเสพติด สารเหล่านี้ส่งผลเสียต่อความสามารถเจริญพันธุ์ การเลิกจะช่วยปรับปรุงคุณภาพไข่และสเปิร์ม
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นได้เหมาะสม

การติดตามการตกไข่

  • ใช้แผ่นตรวจการตกไข่ แผ่นตรวจ LH จะช่วยทำนายช่วงเวลาที่จะมีการตกไข่ ควรมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ผลตรวจเป็นบวกและ 1-2 วันหลังจากนั้น
  • วัดอุณหภูมิร่างกายตอนเช้า อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นหลังการตกไข่และคงที่จนกระทั่งมีประจำเดือนครั้งต่อไป
  • สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเมือกปากมดลูก ในช่วงใกล้ตกไข่ เมือกจะใสคล้ายไข่ขาวดิบ ยืดได้ยาว และลื่น

5.2 การรักษาภาวะมีบุตรยาก

การรักษาภาวะมีบุตรยากต้องการความเชี่ยวชาญทางการแพทย์และเทคโนโลยีขั้นสูง แต่วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบและความรุนแรงของปัญหา

การรักษาด้วยยา

  • ยากระตุ้นการตกไข่ (Clomiphene, Letrozole) ใช้สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่มีการตกไข่ และต้องมีการติดตามด้วยการทำอัลตราซาวนด์และการตรวจฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอ
  • ฮอร์โมน FSH, LH ใช้ในกรณีที่ต่อมใต้สมองไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเหล่านี้ได้เพียงพอ ทำให้ต้องฉีดเข้าใต้ผิวหนังเป็นประจำ
  • ยาปรับสมดุลฮอร์โมน เช่น ยาไทรอยด์ ยา Metformin หรือ Bromocriptine ขึ้นอยู่กับปัญหาฮอร์โมนเฉพาะของแต่ละบุคคล

การรักษาขั้นสูง

  • การผสมเทียมในมดลูก (IUI) เหมาะสำหรับกรณีที่คุณภาพสเปิร์มต่ำเล็กน้อย หรือมีปัญหาเรื่องเมือกปากมดลูก
  • การผสมเทียมนอกร่างกาย (ICSI และ IVF) เหมาะสำหรับกรณีที่ท่อมดลูกอุดตัน มี Endometriosis รุนแรง หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ซับซ้อน

การรักษาด้วยการผ่าตัด

  • ผ่าตัดปลดปล่อยท่อมดลูก ในกรณีที่ท่อมดลูกอุดตันจากการติดยึด
  • ผ่าตัดเพื่อรักษา Endometriosis (ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่) จะช่วยลดการอักเสบและปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการตั้งครรภ์
  • ผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น การเอาเนื้องอกในมดลูกออก หรือการรักษาเส้นเลือดขอดในอัณฑะผู้ชาย

การตรวจสอบภาวะเจริญพันธุ์และการรับการรักษาที่ถูกต้องไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อความสุขของครอบครัวที่คุณวาดฝันเอาไว้ การดูแลตัวเองในวันนี้คือของขวัญที่ดีที่สุดที่คุณจะมอบให้ลูกน้อยและครอบครัวในอนาคต ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) มีทีมแพทย์พร้อมให้การดูแลอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ให้คำปรึกษาการมีบุตรยาก การประเมินสภาพการเจริญพันธุ์ การตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ ไปจนถึงการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคู่

 

บทความโดย แพทย์หญิงนันท์นภัส ปโรสิยานนท์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

A doctor will tell you the treatments for a blighted ovum

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.