เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

PFAS สารเคมีที่รบกวนฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดภาวะมีลูกยาก

การวางแผนเรื่องการป้องกันสาร PFAS

Table of Contents

PFAS หรือ “สารเคมีตลอดกาล” เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะมีลูกยากโดยที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน สารนี้สามารถรบกวนระบบฮอร์โมนเพศทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ทำให้เกิดปัญหาการตกไข่ การฝังตัวของตัวอ่อน รวมถึงลดคุณภาพของเซลล์ไข่และอสุจิ แม้ไม่ได้แสดงอาการผิดปกติชัดเจน แต่การสะสม PFAS ในร่างกายอย่างต่อเนื่องจากสิ่งของรอบตัว เช่น กระทะเคลือบสารกันติด หรือบรรจุภัณฑ์อาหาร ก็อาจเป็นตัวการเงียบที่ลดโอกาสการมีบุตรโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังสามารถสะสมในร่างกายของเราได้ยาวนาน

มาทำความรู้จักกับสารชนิดนี้ให้มากขึ้น ทั้งแหล่งที่มา ผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมโยงกับภาวะมีบุตรยาก รวมถึงแนวทางในการป้องกันตนเองจากสารเคมีอันตรายชนิดนี้ เพื่อช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพเชิงรุกและเพิ่มโอกาสในการมีบุตรได้อย่างถูกวิธี

นัดหมายปรึกษาและตรวจสาเหตุการมีลูกยากกับ VFC ได้ที่นี่

 

ผลกระทบจาก PFAS ต่อการมีลูก

PFAS คืออะไร ?

PFAS คือสารเคมีสังเคราะห์ในกลุ่ม Per- and Polyfluoroalkyl Substances ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อความร้อน น้ำ และน้ำมัน ทำให้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940 และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราโดยไม่รู้ตัว

ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานและไม่ย่อยสลายง่ายนี้ PFAS จึงได้รับฉายาว่า “สารเคมีตลอดกาล” เนื่องจากสามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมและร่างกายมนุษย์ได้เป็นเวลานานหลายปี บางชนิดอาจสะสมในเลือด ตับ และไต ได้นานถึง 5-7 ปี เลยทีเดียว

แหล่งที่มาของ PFAS ในชีวิตประจำวัน

PFAS แทรกซึมเข้ามาในชีวิตของเราผ่านหลากหลายช่องทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เราใช้กันทุกวัน ยกตัวอย่างเช่น 

  • เครื่องครัว เช่น สารเคลือบกระทะกันติด (Teflon) ที่นิยมใช้ในครัวเรือน เมื่อความร้อนสูงจะทำให้สารนี้หลุดออกมาปนเปื้อนในอาหาร
  • เสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะเสื้อผ้ากันน้ำ พรม และโซฟา มักมีส่วนประกอบของสารเคลือบกันน้ำ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทนทานต่อความเปียกชื้นและสิ่งเปรอะเปื้อน
  • บรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น กล่องพิซซ่า ถุงป๊อปคอร์นสำเร็จรูป ที่มักมีการเคลือบสารกันไขมัน รวมถึงภาชนะอาหารแบบใช้แล้วทิ้งหลากหลายชนิด
  • เครื่องสำอาง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บางชนิดที่มีสารกันน้ำ เช่น รองพื้น หรือมาสคาร่า
  • น้ำดื่ม ไม่ว่าจะมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือระบบประปา ก็มีความเสี่ยงที่จะปนเปื้อน PFAS ได้ด้วยเช่นกัน

ผลกระทบทางสุขภาพของ PFAS

PFAS จัดอยู่ในกลุ่มสารเคมีที่รบกวนฮอร์โมน (Endocrine Disrupting Chemicals – EDCs) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพในประการต่าง ๆ เหล่านี้  

รบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์

ต่อมไทรอยด์มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเผาผลาญและการเจริญเติบโตของร่างกาย เมื่อได้รับสาร PFAS เข้าไปจะส่งผลให้การทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและระบบสืบพันธุ์

ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน

การได้รับสาร PFAS ในปริมาณสูงสามารถลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมถึงลดการตอบสนองต่อวัคซีนในเด็กอีกด้วย

เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด

การสัมผัสกับสาร PFAS ในระยะยาว ยังเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งไตและมะเร็งอัณฑะ ซึ่งเป็นผลมาจากการรบกวนการทำงานของเซลล์และระบบฮอร์โมนในร่างกาย

ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์

PFAS สามารถส่งผ่านจากแม่สู่ลูกได้ทั้งทางรกและทางน้ำนม ทำให้ทารกในครรภ์และเด็กเล็กได้รับสารนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบฮอร์โมน

PFAS กับปัญหาภาวะมีบุตรยาก

การที่ PFAS เข้าไปรบกวนระบบฮอร์โมน โดยเฉพาะการทำงานของฮอร์โมนเพศ ส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ดังต่อไปนี้

ผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ในผู้หญิง

รบกวนการตกไข่

PFAS สามารถเข้าไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งควบคุมวงจรการตกไข่ เมื่อฮอร์โมนเหล่านี้ทำงานผิดปกติ อาจทำให้รอบประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ หรือเกิดภาวะไม่ตกไข่ได้

ลดคุณภาพของเซลล์ไข่

การได้รับสาร PFAS ในระยะยาวอาจส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของเซลล์ไข่ ทำให้ไข่มีโอกาสน้อยลงที่จะได้รับการปฏิสนธิ หรือหากปฏิสนธิแล้วก็อาจกระทบต่อการพัฒนาของตัวอ่อนในระยะแรก

การฝังตัวของตัวอ่อนล้มเหลว

สารเคมีตลอดกาลเหล่านี้ จะเข้าไปรบกวนการเจริญเติบโตของผนังมดลูก ทำให้ผนังมดลูกไม่พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ส่งผลให้เกิดภาวะฝังตัวล้มเหลวหรือเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งในระยะแรกของการตั้งครรภ์

ผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ในผู้ชาย

ลดคุณภาพของอสุจิ

การสัมผัสกับสาร PFAS มีความเชื่อมโยงกับการลดลงของจำนวนอสุจิ ความผิดปกติของรูปร่างอสุจิ และการลดลงของความสามารถในการเคลื่อนที่ของอสุจิ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโอกาสในการมีลูก

นัดหมายปรึกษาและตรวจสาเหตุการมีลูกยากกับ VFC ได้ที่นี่

 

หลีกเลี่ยงการใช้กระทะเคลือบด้วยสาร PFAS ที่กระทบต่อการมีลูก

วิธีป้องกันและลดการสัมผัส PFAS

ถึงแม้ว่า PFAS จะเป็นสารเคมีที่พบได้ทั่วไป แต่เราสามารถลดความเสี่ยงในการสัมผัสด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน โดยมีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการป้องกันตนเอง ดังนี้

เลือกใช้เครื่องครัวที่ปลอดภัย 

เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนจากกระทะเคลือบสารกันติดเป็นวัสดุอื่น เช่น เหล็กหล่อ สเตนเลส หรือเซรามิก ที่ไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของสาร PFAS

หลีกเลี่ยงบรรจุภัณฑ์อาหารที่เคลือบสารกันมัน

ควรลดการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่เคลือบสารกันมัน เช่น กล่องพิซซ่า หรือซองป๊อปคอร์นไมโครเวฟ รวมถึงเลือกใช้ภาชนะแก้วหรือพลาสติกที่ปลอดภัย (BPA-Free) ในการอุ่นอาหารแทน

อ่านฉลากผลิตภัณฑ์

หากต้องการซื้อเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาคุณสมบัติกันน้ำหรือกันคราบ เพราะมักจะมีสาร PFAS เป็นส่วนประกอบ

ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือเลือกใช้เครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดสารเคมีเหล่านี้ เช่น เครื่องกรอง Reverse Osmosis หรือ Activated Carbon ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ซึ่งช่วยลดการปนเปื้อนของ PFAS จากน้ำดื่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับคู่แต่งงานที่ต้องการลดความเสี่ยงต่อภาวะการมีลูกยาก การหลีกเลี่ยงสาร PFAS เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ส่วนคนที่สงสัยว่าตนเองมีภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากได้รับสาร PFAS ต่อเนื่อง หรือมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลแบบครบวงจร โดยสามารถตรวจหาสาเหตุมีลูกยาก เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Q:  PFAS ในเครื่องครัวเคลือบสารกันติดอันตรายจริงหรือไม่ ?

A: สารเคลือบกระทะที่ทำจากเทฟลอน (Teflon) ซึ่งมีสาร PFAS เป็นส่วนประกอบนั้น มีความเสี่ยงที่จะปล่อยสารเคมีออกมาเมื่อได้รับความร้อนสูงหรือเมื่อพื้นผิวเคลือบเริ่มลอก ทำให้สารเหล่านี้ปนเปื้อนในอาหารและเข้าสู่ร่างกายได้ในที่สุด การหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะประเภทนี้จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าได้รับสาร PFAS สะสมในร่างกาย ?

A: การตรวจหาสาร PFAS ในร่างกายมักทำผ่านการตรวจเลือดในห้องปฏิบัติการ แต่การตรวจนี้ไม่ได้มีให้บริการทั่วไปและมีค่าใช้จ่ายสูง อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงแหล่งที่มาของสารนี้ในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายที่สุด

Q: PFAS มีผลกระทบต่อสุขภาพผู้ชายอย่างไร ?

A: การได้รับสาร PFAS ส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชายโดยตรง เนื่องจากการสัมผัสกับสาร PFAS และสะสมในร่างกาย มีความเชื่อมโยงกับการลดลงของจำนวนอสุจิ ความผิดปกติของรูปร่างอสุจิ และการลดลงของความสามารถในการเคลื่อนที่ของอสุจิ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโอกาสในการมีบุตร

 

บทความโดย แพทย์ศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter 

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.