เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

คู่รัก HIV ตั้งครรภ์ปลอดภัยด้วยการควบคุม Viral Load และ ICSI

คู่รักที่มีเชื้อ HIV มีลูกที่ปลอดเชื้อได้เมื่อควบคุมเชื้อให้อยู่ในระดับตรวจไม่พบร่วมกับการทำ ICSI

Table of Contents

คู่รักที่ติดเชื้อ HIV สามารถตั้งครรภ์และมีลูกที่ปลอดเชื้อได้อย่างปลอดภัย หากควบคุมค่า Viral Load ให้อยู่ในระดับตรวจไม่พบ (Undetectable) ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์อย่าง ICSI ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อจากพ่อแม่สู่ลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีทีมแพทย์ดูแลตลอดกระบวนการตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด

การมีเชื้อ HIV เคยถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการสร้างครอบครัว อีกทั้งหลายคนยังกังวลว่าหากมีการตั้งครรภ์อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อทั้งตัวคุณแม่และลูก แต่ด้วยการรักษาที่ก้าวหน้าควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคู่รักที่มีเชื้อ HIV มีโอกาสสูงที่ลูกน้อยจะปลอดเชื้อและมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งทางเลือกทางการแพทย์อย่างการทำ ICSI (อิ๊กซี่) เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

คู่รักที่มีเชื้อ HIV ก็มีโอกาสมีลูกที่ปลอดเชื้อและสุขภาพแข็งแรงได้

การมีบุตรของคู่รักที่ติดเชื้อ HIV ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หากทั้งคู่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและควบคุมค่า Viral Load ให้อยู่ในระดับตรวจไม่พบ ผสานกับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการใช้ทางเลือกทางการแพทย์ด้านการเจริญพันธุ์ที่เหมาะสม โอกาสการถ่ายทอดเชื้อสู่ทารกจะลดลงอย่างมาก ดังนั้นการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรจึงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อย 

ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จได้ที่นี่

 

คู่รักที่ติด HIV พบแพทย์และตรวจสุขภาพโดยละเอียดก่อนการเข้าสู่กระบวนการช่วยการเจริญพันธุ์ ICSI

1. ความสำคัญของการควบคุมไวรัสและค่า Viral Load ก่อนเริ่มต้น

แม้เชื้อ HIV จะไม่กระทบต่อคุณภาพของอสุจิหรือไข่โดยตรง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนการตั้งครรภ์สำหรับคู่รักที่มีเชื้อ HIV คือการควบคุมค่า Viral Load ให้อยู่ในระดับตรวจไม่พบ (Undetectable)

ค่า Viral Load คืออะไร?
ค่า Viral Load หมายถึง ปริมาณไวรัส HIV ที่ตรวจพบในเลือดของผู้ติดเชื้อ 

ยิ่งมีค่า Viral Load สูง ก็ยิ่งบ่งบอกว่ามีเชื้ออยู่ในร่างกายมาก และมีโอกาสถ่ายทอดเชื้อได้ง่ายขึ้น ในทางกลับกัน หากใช้ยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจนค่า Viral Load ลดลงจนต่ำกว่าระดับที่เครื่องมือตรวจพบได้ เราจะเรียกว่า ตรวจไม่พบ (Undetectable)

ทำไมค่า Viral Load จึงสำคัญ?

  • ค่า Viral Load เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของการรักษาด้วยยาต้านไวรัส
  • หากค่า Viral Load อยู่ในระดับตรวจไม่พบ จะช่วยลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่น รวมถึงทารกในครรภ์ได้อย่างมาก
  • หลักการที่เรียกว่า U=U (Undetectable = Untransmittable) จะอ้างอิงจากการควบคุมค่า Viral Load นี้ 

ดังนั้น ก่อนเข้าสู่กระบวนการตั้งครรภ์ แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการตรวจและควบคุมค่า Viral Load ของทั้งคู่ เพื่อให้มั่นใจว่าการตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นในสภาวะที่ปลอดภัยที่สุด

การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการช่วยการเจริญพันธุ์ของคู่รักที่มีเชื้อ HIV

สำหรับคู่รักที่มีเชื้อ HIV การเตรียมความพร้อมก่อนการตั้งครรภ์ควรปฏิบัติตัว ดังนี้ 

  • การตรวจสุขภาพโดยละเอียดและติดตามค่า Viral Load และค่าเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 อย่างต่อเนื่อง
  • การตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบีและซี รวมถึงโรคซิฟิลิส เพื่อป้องกันการติดเชื้อร่วม
  • การปรับยาต้านไวรัสให้เหมาะกับภาวะตั้งครรภ์
  • การดูแลโภชนาการและสุขภาพร่างกายเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย

นัดหมายเพื่อปรึกษาเรื่องการทำ ICSI กับแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากได้เลย

 

อินโฟกราฟิกเกี่ยวกับ ICSI ทางเลือกทางการแพทย์ที่ปลอดภัยสำหรับคู่รักที่มีเชื้อ HIV

2. ICSI: ทางเลือกทางการแพทย์ที่ปลอดภัยสำหรับคู่รักที่มีเชื้อ HIV

ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) เป็นทางเลือกทางการแพทย์ที่ช่วยการเจริญพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคู่รักที่มีเชื้อ HIV เพราะสามารถควบคุมทุกขั้นตอนได้ละเอียดและแม่นยำ โดยวิธีนี้จะคัดเลือกอสุจิที่ดีที่สุดเพียงตัวเดียวและฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง

ขั้นตอนหลักของกระบวนการ ICSI

  • การเตรียมร่างกายและการตรวจสุขภาพ
    ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการทำ ICSI ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายต้องตรวจสุขภาพอย่างละเอียด รวมทั้งตรวจค่า Viral Load และค่า CD4 ซึ่งหากค่า Viral Load อยู่ในระดับตรวจไม่พบ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและโอกาสสำเร็จของการรักษาได้
  • การเก็บและล้างสเปิร์ม (Sperm Washing)
    เทคนิคการล้างสเปิร์มช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อ HIV หลังจากนั้นอาจตรวจยืนยันซ้ำให้แน่ใจว่าสเปิร์มที่นำมาใช้นั้นปลอดเชื้อ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนฉีดเข้าไข่ในลำดับต่อไป
  • การฉีดอสุจิเข้าสู่ไข่
    แพทย์จะเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงหนึ่งตัวและฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง ด้วยกล้องจุลศัลยกรรมที่มีความแม่นยำสูง ทำให้ลดโอกาสการปนเปื้อนระหว่างการปฏิสนธิ
  • การเพาะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องแล็บ
    ตัวอ่อนจะถูกเลี้ยงในห้องแล็บที่ควบคุมสภาวะปลอดเชื้ออย่างเข้มงวด เพื่อให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตได้อย่างปลอดภัย
  • การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก
    เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุดจะถูกย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกภายใต้การควบคุมอย่างปลอดภัยสูงสุด

ข้อดีของการทำ ICSI : ทางเลือกทางการแพทย์สำหรับคู่รักที่มีเชื้อ HIV

  • ลดความเสี่ยงการถ่ายทอดเชื้อได้อย่างมาก โดยเฉพาะหากทั้งคู่สามารถควบคุมค่า Viral Load ให้อยู่ในระดับที่ตรวจไม่พบ
  • ควบคุมกระบวนการได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกสเปิร์มไปจนถึงการย้ายตัวอ่อน
  • อัตราการปฏิสนธิสูง เมื่อเทียบกับวิธีอื่น เช่น การผสมเทียม (IUI)
  • ใช้สเปิร์มน้อย เหมาะกับผู้ที่คุณภาพสเปิร์มไม่ดี เพราะใช้อสุจิเพียงตัวเดียวต่อไข่หนึ่งฟอง

สนใจการทำ ICSI นัดหมายเพื่อปรึกษากับแพทย์จาก VFC Center ได้เลย

3. การดูแลต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยของแม่และลูกในคู่รักที่ติด HIV

แม้ทางเลือกทางการแพทย์อย่างเทคโนโลยี ICSI จะช่วยลดความเสี่ยงการถ่ายทอดเชื้อ HIV ได้ แต่ความปลอดภัยของแม่และทารกยังขึ้นอยู่กับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังเข้าสู่การตั้งครรภ์ ทั้งยังจะต้องมีการติดตามสุขภาพในทุกระยะ เพราะจะช่วยให้แพทย์สามารถปรับการรักษาให้เหมาะสม ลดโอกาสการแพร่เชื้อ และส่งเสริมสุขภาพของทั้งแม่และลูกให้แข็งแรงที่สุด

โดยในแต่ละระยะควรได้รับการดูแลดังต่อไปนี้

  • ระหว่างตั้งครรภ์ : ควรตรวจค่า Viral load และค่า CD4 อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเชื้อยังคงอยู่ในระดับควบคุมได้ พร้อมปรับยาต้านไวรัสตามคำแนะนำของแพทย์
  • ระหว่างคลอด : แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดคลอดร่วมกับการให้ยาต้านไวรัส เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อระหว่างแม่และทารกขณะทำคลอด
  • หลังคลอด : ทารกควรได้รับยาต้านไวรัสตามที่แพทย์กำหนด งดการให้นมแม่ และตรวจติดตามเชื้ออย่างต่อเนื่องจนมั่นใจว่าปลอดเชื้อ

หมดกังวลว่าหากคุณพ่อและคุณแม่ติดเชื้อ HIV ลูกจะติดไหม ? เพราะการมีเชื้อ HIV ไม่ได้หมายความว่าคู่รักจะหมดสิทธิ์มีบุตรอีกต่อไป เนื่องจากการควบคุมค่า Viral load ให้อยู่ในระดับตรวจไม่พบ ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี ICSI ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง สามารถช่วยให้คู่รักที่มีเชื้อ HIV มีลูกที่ปลอดเชื้อและสุขภาพแข็งแรงได้จริง

ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยา เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ และเทคโนโลยีขั้นสูงพร้อมดูแลคุณอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปรึกษา การตรวจสุขภาพ การวางแผนการรักษา ไปจนถึงการติดตามดูแลหลังคลอด เพื่อให้คุณมั่นใจและปลอดภัยในทุกขั้นตอนของการสร้างครอบครัว 

คำถามพบบ่อย

Q: หากทั้งคู่รักมีเชื้อ HIV จะมีลูกที่ปลอดเชื้อได้จริงหรือไม่?

จริง หากทั้งคู่สามารถควบคุมค่า Viral Load ให้อยู่ในระดับตรวจไม่พบ และได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี ICSI ที่ช่วยคัดเลือกและล้างสเปิร์ม ความเสี่ยงการถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกจะลดลงอย่างมาก

Q: คู่รักมีเชื้อ HIV ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหนก่อนเข้ารับ ICSI?

โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้ติดตาม ค่า Viral Load อย่างน้อย 3–6 เดือนต่อเนื่องจนอยู่ในระดับตรวจไม่พบ และตรวจสุขภาพโดยรวมให้พร้อมก่อนเริ่มกระบวนการ ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายและการตอบสนองต่อยาต้านไวรัสของแต่ละคน

Q: เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีเชื้อ HIV ด้วยวิธี ICSI จะต้องได้รับการดูแลพิเศษหรือไม่?

ทารกที่เกิดจากคู่รักที่มีเชื้อ HIV จะได้รับการติดตามสุขภาพอย่างใกล้ชิดตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงการให้ยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา ควบคู่ไปกับการตรวจหาเชื้อเป็นระยะ และงดการให้นมแม่ หากปฏิบัติตามแนวทางอย่างครบถ้วน โอกาสที่ทารกจะปลอดเชื้อและเติบโตอย่างแข็งแรงก็มีสูงมาก

 

บทความโดย แพทย์ศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.