สำหรับคู่รักที่กำลังวางแผนมีลูก ความพยายามในการดูแลสุขภาพอย่างเต็มที่อาจยังไม่เพียงพอ หากเซลล์สืบพันธุ์ต้องเผชิญกับ “อนุมูลอิสระ” ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์อสุจิและไข่เสื่อมคุณภาพลงโดยไม่รู้ตัว ภาวะนี้เรียกว่า “ความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress)” ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยาก ที่เกิดได้ทั้งชายและหญิง
หนึ่งในสารอาหารจากธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถช่วยลดความเสียหายของเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ซึ่งคือสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลังที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์สืบพันธุ์ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคุณภาพของอสุจิและไข่ พร้อมกับช่วยส่งเสริมให้เกิดการตั้งครรภ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) คืออะไร ?
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) คือ สารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่มีสีส้ม–แดงตามธรรมชาติ พบมากในสัตว์ทะเล เช่น ปลาแซลมอน กุ้ง ปู และในสาหร่ายสีแดงชนิด Haematococcus Pluvialis ซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลักของสารชนิดนี้
แอสตาแซนธินมีคุณสมบัติเด่นในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินซีหลายร้อยเท่า อีกทั้งยังช่วยลดการเสื่อมของ DNA ภายในเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความผิดปกติของเซลล์ไข่และอสุจิในผู้มีบุตรยาก
ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จได้ที่นี่
แอสตาแซนธินช่วยอะไรต่อสุขภาพ ?
แอสตาแซนธินเป็นสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม แต่ไม่เฉพาะด้านการเจริญพันธุ์เท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์ในเรื่องต่อไปนี้
- ช่วยลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน แอสตาแซนธินช่วยลดกระบวนการอักเสบในร่างกาย พร้อมกับช่วยปรับสมดุลภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ป้องกันความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุจากความเสื่อมของวัย และโรคเรื้อรัง
- ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- บำรุงผิวพรรณและสายตา ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ลดริ้วรอย และลดอาการล้าของดวงตา
แอสตาแซนธินกับภาวะเจริญพันธุ์
ในระบบสืบพันธุ์ เซลล์อสุจิและไข่เป็นเซลล์ที่ไวต่ออนุมูลอิสระเป็นพิเศษ เมื่อเซลล์เหล่านี้ถูกทำลาย อาจทำให้คุณภาพลดลงและส่งผลต่อความสามารถในการปฏิสนธิ
ในเพศชาย
จากการศึกษาพบว่า แอสตาแซนธินช่วยลดภาวะความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ในระบบสืบพันธุ์ ส่งผลให้อสุจิมีการเคลื่อนไหวดีขึ้น รูปร่างสมบูรณ์มากขึ้น และลดการแตกหักของ DNA ในอสุจิ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการปฏิสนธิ
ในเพศหญิง
แอสตาแซนธินสามารถช่วยลดการอักเสบภายในรังไข่และป้องกันความเสียหายของเซลล์ไข่จากอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่มีความสมดุลมากขึ้น ทำให้เซลล์ไข่มีคุณภาพดีและมีโอกาสปฏิสนธิสูงขึ้น
นัดหมายเพื่อปรึกษาภาวะมีบุตรยากกับแพทย์จาก VFC Center ได้เลย
ทำไมผู้หญิงและผู้ชายที่มีบุตรยากควรเสริมแอสตาแซนธิน ?
- ช่วยป้องกันความเสียหายของ DNA ในเซลล์สืบพันธุ์ แอสตาแซนธินช่วยลดการทำลาย DNA ของไข่และอสุจิ ทำให้ตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิมีความสมบูรณ์มากขึ้น
- เพิ่มโอกาสสำเร็จของการทำ IVF และ ICSI สำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาภาวะมีบุตรยาก การมีเซลล์สืบพันธุ์ที่แข็งแรงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนและการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ไข่และอสุจิมักเสื่อมสภาพลง การเสริมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแอสตาแซนธินจึงช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ และคงคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ให้อยู่ในสภาพดี
ปริมาณที่เหมาะสมและข้อควรระวัง
โดยทั่วไป ปริมาณแนะนำของการรับประทานแอสตาแซนธินคือ 4–12 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้บ้าง ได้แก่ อาการปวดท้อง คลื่นไส้ หรืออุจจาระมีสีเข้ม ซึ่งมักเป็นอาการชั่วคราว แต่หากมีโรคตับ โรคต่อมไทรอยด์ หรือใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนำมาช่วยเสริมร่างกาย

แหล่งที่พบสารอาหารแอสตาแซนธิน
แอสตาแซนธินมีอยู่ทั้งในแหล่งธรรมชาติและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- แหล่งธรรมชาติ พบในปลาแซลมอน กุ้ง ปู และโดยเฉพาะในสาหร่ายสีแดงชนิด Haematococcus Pluvialis ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของสารแอสตาแซนธินเข้มข้น
- อาหารเสริมในรูปแบบแคปซูล ปัจจุบันมีอาหารเสริมแอสตาแซนธินหลากหลายยี่ห้อให้เลือก โดยส่วนใหญ่สกัดจากสาหร่ายสีแดงที่ดูดซึมได้ดีและมีความเข้มข้นสูง
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือมีผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและปริมาณสารที่ได้มาตรฐาน
วางแผนครอบครัวและการตั้งครรภ์ ปรึกษาได้ที่ VFC Center เพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์
แอสตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลังที่ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ และมีบทบาทสำคัญต่อภาวะเจริญพันธุ์ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาว่ามีลูกยากกินอะไรดี ? การเสริมด้วยแอสตาแซนธินเป็นหนึ่งในตัวช่วยเพื่อเพิ่มคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์และอาจเพิ่มอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ในกระบวนการทำ IVF หรือ ICSI
ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยา และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ พร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะช่วยดูแลคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปรึกษา การตรวจสุขภาพ การวางแผนการรักษา ไปจนถึงการติดตามดูแลหลังคลอด เพื่อให้คุณมั่นใจและปลอดภัยในทุกขั้นตอนของการรักษาภาวะมีบุตรยาก
คำถามพบบ่อย (FAQ)
Q: แอสตาแซนธินควรกินตอนไหนดีที่สุด ?
A: ควรรับประทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย เช่น มื้อกลางวันหรือมื้อเย็น เพื่อช่วยในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น
Q: แอสตาแซนธินต่างจากวิตามินอีอย่างไร ?
A: ทั้งสองชนิดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่แอสตาแซนธินคือสารอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและสามารถปกป้องเซลล์ได้ทั่วทั้งชั้นไขมันและน้ำในร่างกาย
Q: ผู้ที่อยู่ในโปรแกรม IVF หรือ ICSI สามารถทานแอสตาแซนธินได้หรือไม่ ?
A: สามารถรับประทานได้ แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อปรับขนาดและระยะเวลาที่เหมาะสมกับแผนการรักษาแต่ละราย
Q: ผู้ชายควรเริ่มเสริมแอสตาแซนธินตอนไหนก่อนวางแผนมีบุตร ?
A: ควรเริ่มรับประทานล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่ใช้ในการสร้างอสุจิครบหนึ่งรอบ ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพอสุจิได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q: แอสตาแซนธินช่วยอะไร เมื่อพูดถึงสมรรถภาพทางเพศของฝ่ายชาย ?
A: แอสตาแซนธินมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดภาวะออกซิเดชันในหลอดเลือด ซึ่งมีผลดีต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์เพศชาย ทั้งยังช่วยให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากความเครียดออกซิเดชันในร่างกาย ส่งผลให้สมรรถภาพโดยรวมดีขึ้น
บทความโดย แพทย์ศรมน ทรงวีรธรรม
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.