ทำ ICSI แต่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ การย้ายตัวอ่อน FET คือคำตอบ

เมื่อพูดถึงกระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก อย่างการทำ ICSI หรือ IVF หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จในการตั้งครรภ์ คือการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิง โดยทั่วไปจะมีการย้ายตัวอ่อนสด (Fresh Transfer) ในรอบเดียวกับที่มีการกระตุ้นไข่ แต่ในปัจจุบันมีอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ การย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง หรือ Frozen Embryo Transfer (FET)

ซึ่งการเลือกแช่แข็งตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีไว้ก่อน แล้วค่อยทำการย้ายในเวลาที่เหมาะสม สามารถช่วยลดภาวะความเสี่ยงบางประการ และยังเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย 

ทำความรู้จักกับกระบวนการ Frozen Embryo Transfer (FET)

Frozen Embryo Transfer หรือ FET คือ กระบวนการย้ายตัวอ่อนที่ได้จากการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการและนำไปแช่แข็งไว้ด้วยวิธีการแช่แข็งแบบผลึกแก้วหรือ Vitrification โดยนำตัวอ่อนแช่แข็งที่อยู่ในระยะ Blastocyst มาผ่านกระบวนการละลาย (Thawing) แล้วย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิง กระบวนการนี้แตกต่างจากการย้ายตัวอ่อนรอบสดตรงที่ไม่จำเป็นต้องทำในรอบเดียวกับการกระตุ้นไข่และเก็บไข่ สามารถเลือกทำในช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อมหรือคู่สมรสสะดวกได้ และมีอัตราประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูงกว่าการย้ายตัวอ่อนในรอบสด

ขั้นตอนการย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง

• การตรวจร่างกายและเยื่อบุโพรงมดลูก : ตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมนของฝ่ายหญิง รวมทั้งตรวจความหนาและความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกด้วยการอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด

• การละลายตัวอ่อน : ตัวอ่อนที่ถูกแช่แข็งด้วยวิธี Vitrification จะถูกนำมาละลายด้วยการดึงสารป้องกันการแช่แข็งออกแล้วใส่น้ำกลับไปแทนที่ เพื่อป้องกันเซลล์ได้รับความเสียหาย โดยอุณหภูมิจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดจากอุณหภูมิห้องไปถึงอุณหภูมิร่างกาย (37 องศาเซลเซียส) ใช้เวลา 20-30 นาที

• การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก : ตัวอ่อนที่ละลายแล้วจะถูกนำไปประเมินคุณภาพอีกครั้ง จากนั้นแพทย์จะทำการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกโดยการใช้เครื่องมือเฉพาะ เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวกับผนังมดลูกและเกิดการตั้งครรภ์

• การพักฟื้นหลังย้ายตัวอ่อน : หลังย้ายตัวอ่อนเสร็จ ฝ่ายหญิงควรพักฟื้นที่สถานพยาบาล 1-2 ชั่วโมง จากนั้นสามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์จะนัดตรวจเลือดและฮอร์โมนภายใน 10-14 วันเพื่อตรวจหาการตั้งครรภ์

5 ข้อดีของการทำ Frozen Embryo Transfer

การย้ายตัวอ่อนด้วยวิธี Frozen Embryo Transfer มีข้อดีหลายด้านที่ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ ทั้งในเชิงสุขภาพร่างกาย ความแม่นยำของกระบวนการ และความยืดหยุ่นในการวางแผนครอบครัว สามารถสรุปให้เห็นภาพได้ ดังนี้

1. มีเวลาให้ร่างกายฟื้นตัว ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการกระตุ้นไข่

หลังการกระตุ้นไข่ ร่างกายของฝ่ายหญิงจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ Ovarian Hyperstimulation Syndrome (OHSS) ซึ่งเป็นภาวะที่รังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป หรืออาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ หากทำการย้ายตัวอ่อนทันทีหลังเก็บไข่ (Fresh Transfer) ร่างกายที่ยังไม่สมดุลอาจไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน และกระทบต่อสุขภาพของฝ่ายหญิงได้

2. เพิ่มความแม่นยำในการกำหนดวันย้ายตัวอ่อน

การย้ายตัวอ่อนแช่แข็งสามารถกำหนดช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำ แพทย์และฝ่ายหญิงจึงสามารถเตรียมผนังมดลูกให้เหมาะสมล่วงหน้าได้ และกำหนดวันที่ย้ายตัวอ่อนให้ตรงกับช่วงเวลาที่ผนังมดลูกมีความพร้อมที่สุดสำหรับการฝังตัว จึงช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าเดิม

3. สามารถคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพสูงผ่านการตรวจคัดกรองโครโมโซม

หนึ่งในข้อได้เปรียบของการย้ายตัวอ่อน FET คือสามารถเลือกตัวอ่อนที่มีโครโมโซมสมบูรณ์ได้ โดยการตรวจ PGT-M เพื่อหาความผิดปกติของยีนบนโครโมโซม ลดการเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม ภาวะแท้ง และช่วยเพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

4. ช่วยวางแผนครอบครัวในอนาคตสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ทันที

คู่สมรสบางคู่อาจเก็บไข่และปฏิสนธิภายนอกไว้ล่วงหน้า แต่ยังไม่พร้อมมีบุตรในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลด้านการทำงาน สุขภาพ หรือการวางแผนชีวิต การแช่แข็งตัวอ่อนที่สามารถเก็บรักษาตัวอ่อนไว้ได้หลายปีโดยไม่สูญเสียคุณภาพ จะช่วยหยุดเวลาให้สามารถกลับมาตั้งครรภ์ในช่วงที่เหมาะสมได้

5. ลดความยุ่งยากสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตรด้วยวิธี ICSI หรือ IVF มากกว่า 1 คน

ไม่ว่าจะเป็นการทำ IVF หรือ ICSI ในแต่ละครั้งต้องใช้ทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และความพร้อมทางร่างกายจำนวนมาก หากวางแผนอยากมีลูกมากกว่า 1 คน การแช่แข็งตัวอ่อนหลายตัวในรอบเดียว แล้วค่อยนำมาทำ FET ภายหลังจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ผลข้างเคียงจากการกระตุ้นไข่ และทำให้วางแผนมีบุตรได้สะดวกขึ้น

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำ FET และการเตรียมตัว

ส่วนใหญ่มักจะนิยมย้ายตัวอ่อนแบบ Frozen Embryo Transfer ในอีก 1-2 รอบเดือนหลังจากการเก็บไข่และปฏิสนธิ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ รวมทั้งเว้นระยะให้ฝ่ายหญิงดูแลสุขภาพให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาที่เหมาะสม แต่สามารถเลือกเลื่อนเวลาย้ายตัวอ่อนไปได้ตามความพร้อมของร่างกาย รวมถึงความเหมาะสมทางการแพทย์ หรือเพื่อให้เป็นไปตามแผนการมีบุตรของคู่สมรส

การเตรียมตัวก่อนทำ FET

• รับประทานอาหารโปรตีนสูงและอาหารที่มีวิตามิน A, B, C, E โดยหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารดิบ หมักดอง
• งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และดื่มคาเฟอีนในปริมาณมาก
• นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายและระบบต่าง ๆ ทำงานได้ปกติ
• หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนักและความร้อนจัด เช่น การแช่น้ำร้อน ซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก
• ทำกิจกรรมที่เพิ่มความผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ โยคะ อ่านหนังสือ เพื่อลดความเครียดและรักษาสภาพจิตใจให้สงบ
• รับประทานยาและฮอร์โมนเพื่อเตรียมผนังมดลูกตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

การทำ FET เหมาะกับใครบ้าง?

การย้ายตัวอ่อนแช่แข็งมีข้อดีหลายประการ ทั้งในแง่ของสุขภาพและการวางแผนครอบครัว จึงเหมาะกับทุกคู่สมรสที่ต้องการมีบุตรด้วยวิธี ICSI และ IVF โดยเฉพาะคู่สมรสที่มีข้อจำกัดเหล่านี้

• ผู้ที่มีความเสี่ยงเกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) จากการกระตุ้นไข่ด้วยฮอร์โมน
• ผู้ที่ต้องการให้ร่างกายได้พักฟื้นหลังจากการกระตุ้นรังไข่และการเก็บไข่ เพื่อให้เยื่อบุโพรงมดลูกกลับสู่ภาวะปกติ
• ผู้ที่ต้องการเลือกเวลาย้ายตัวอ่อนให้เหมาะสมกับสุขภาพและความพร้อมของร่างกาย
• ผู้ที่ต้องการตรวจคัดกรองตัวอ่อนก่อนย้าย เช่น การตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรม การตรวจความสมบูรณ์ของตัวอ่อน
• ผู้ที่ไม่สามารถย้ายตัวอ่อนได้ในรอบสดด้วยเหตุผลทางการแพทย์หรือความพร้อมของร่างกาย

หากคุณกำลังวางแผนทำ ICSI หรือ IVF แต่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ในทันที VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) ยินดีให้คำปรึกษาและดูแลการรักษาในทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยเรามีทางเลือกอย่างการแช่แข็งตัวอ่อนในราคาสมเหตุสมผลให้บริการ พร้อมการย้ายตัวอ่อนแบบแช่แข็งเมื่อพร้อม ให้คู่สมรสสามารถวางแผนตั้งครรภ์และมีบุตรได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของความพร้อมและสุขภาพ

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter