
เส้นเลือดขอดอัณฑะเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิโดยตรง สำหรับคุณผู้ชายที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ อาจเป็นกังวลว่าจะมีลูกได้หรือไม่ ดังนั้นเพื่อช่วยคลายความสงสัย เราจะพาไปรู้ถึงสาเหตุของภาวะนี้ รวมถึงอาการที่อาจเกิดขึ้น พร้อมวิธีการรักษาเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้กับการมีบุตร
เส้นเลือดขอดที่อัณฑะคืออะไร?
ภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ หรือ Varicocele คือการขยายตัวของเส้นเลือดดำในถุงอัณฑะ เกิดจากลิ้นเล็ก ๆ ภายในเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ป้องกันเลือดไหลย้อนกลับทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เลือดไหลย้อนกลับและสะสมในเส้นเลือด จนเกิดการขยายตัวและโป่งพอง
ภาวะนี้พบประมาณ 15-20% ในผู้ชายทั่วไป และพบสูงถึง 35-40% ในผู้ชายที่มีภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากการเกิดเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ มีผลกระทบต่ออุณหภูมิในถุงอัณฑะ ซึ่งอาจทำให้การผลิตอสุจิไม่ปกติและมีโอกาสน้อยในการตั้งครรภ์
อาการและการวินิจฉัยเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ
เส้นเลือดขอดอัณฑะที่มีภาวะอันตรายจะแสดงอาการให้เห็นในหลากหลายลักษณะ หรือบางรายอาจไม่มีอาการเลย แต่ที่มักพบได้บ่อย ได้แก่
- รู้สึกหนัก อึดอัด หรือปวดถ่วงบริเวณอัณฑะข้างที่เป็น
- อาการปวดมักจะแย่ลงเมื่อยืนนาน ๆ ออกกำลังกายหนัก หรือร่างกายมีอุณหภูมิสูง
- บางรายอาจสัมผัสได้ถึงเส้นเลือดที่ขยายตัวคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยวในถุงอัณฑะ
สำหรับการตรวจวินิจฉัย แพทย์จะเริ่มจากการตรวจร่างกาย โดยให้ผู้ป่วยยืนและทำการเบ่ง เพื่อดูการโป่งพองของเส้นเลือด นอกจากนี้ ยังอาจต้องตรวจเพิ่มเติมด้วยการอัลตราซาวนด์ถุงอัณฑะและการตรวจอสุจิ โดยแพทย์จะจัดระดับความรุนแรงเป็นเกรด 1-3 ดังนี้
- เกรด 1 คลำพบเส้นเลือดที่โป่งพองได้เฉพาะขณะเบ่ง
- เกรด 2 คลำพบเส้นเลือดที่โป่งพองได้ขณะที่ยืน โดยไม่ต้องเบ่ง
- เกรด 3 มองเห็นเส้นเลือดที่โป่งพองได้อย่างชัดเจน
เส้นเลือดขอดอัณฑะอันตรายหรือไม่?
เส้นเลือดขอดที่อัณฑะไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่จะส่งผลกระทบในด้านต่าง ๆ เหล่านี้
- ความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากการผลิตอสุจิที่น้อยลง หรืออสุจิไม่แข็งแรง จึงทำให้ลดโอกาสในการตั้งครรภ์
- การเกิดภาวะอันตรายจากการไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ยังจะก่อให้เกิดปัญหาการไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายได้
- ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้อัณฑะฝ่อเล็กลง และกระทบต่อการผลิตฮอร์โมนเพศชาย
- ผลกระทบทางจิตใจและคุณภาพชีวิต เนื่องจากอาการปวดเรื้อรัง บวกกับความกังวลเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ และความไม่มั่นใจในร่างกาย
เส้นเลือดขอดที่อัณฑะส่งผลต่อการมีบุตรอย่างไร?
การมีภาวะเส้นเลือดขอดอัณฑะ สามารถส่งผลกระทบต่อการมีบุตรได้ดังนี้
- การเพิ่มอุณหภูมิในถุงอัณฑะ ซึ่งปกติแล้วอัณฑะต้องการอุณหภูมิที่ต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย เพื่อการสร้างอสุจิที่มีคุณภาพ แต่เส้นเลือดขอดจะทำให้เลือดที่อุ่นสะสมในบริเวณถุงอัณฑะ ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น
- ภาวะออกซิเดทีฟสเตรส (Oxidative stress) ภาวะเส้นเลือดขอดอัณฑะ จะทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระในอัณฑะ ซึ่งสามารถทำลาย DNA ของอสุจิได้
- การไหลย้อนกลับของสารพิษจากต่อมหมวกไต ทำให้กระบวนการผลิตอสุจิลดลง
หากเกิดภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ จะสามารถมีลูกได้หรือไม่?
ผู้ชายที่มีภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะหลายรายยังสามารถมีบุตรได้ตามธรรมชาติโดยไม่ต้องรักษา แต่โอกาสขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
- อายุของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
- ระยะเวลาที่พยายามมีบุตร
- ความรุนแรงของภาวะเส้นเลือดขอด
- คุณภาพอสุจิปัจจุบัน
- ภาวะเจริญพันธุ์ของฝ่ายหญิง
อย่างไรก็ดี การรักษาภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะสามารถเพิ่มโอกาสในการมีบุตรได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอสุจิคุณภาพต่ำหรือมีอาการปวดเรื้อรัง
การรักษาเส้นเลือดขอดที่อัณฑะเพื่อเพิ่มโอกาสการมีบุตร
วิธีการรักษาเส้นเลือดขอดที่อัณฑะมีหลายแนวทาง ซึ่งแพทย์จะพิจารณาการรักษาตามเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น ความรุนแรงของภาวะ คุณภาพอสุจิ อายุ และระยะเวลาที่พยายามมีบุตร โดยแนวทางหลัก ๆ ที่นิยมใช้ คือ
1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และลดกิจกรรมที่ทำให้อุณหภูมิอัณฑะสูงขึ้น
- การใช้กางเกงในที่ช่วยพยุงอัณฑะ เพื่อลดแรงดันในถุงอัณฑะ
- รับประทานอาหารเสริมและวิตามินที่ช่วยเพิ่มคุณภาพอสุจิ เช่น วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี และโคเอนไซม์ Q10
2. การรักษาด้วยการผ่าตัด
- การผ่าตัดแบบเปิด (Open surgery) เป็นเทคนิคดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพสูง โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดบริเวณขาหนีบหรือหน้าท้องเพื่อผูกเส้นเลือดดำที่โป่งพอง
- การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic surgery) เป็นการผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือขนาดเล็กสอดผ่านแผลเล็ก ๆ บริเวณหน้าท้อง ทำให้มีแผลขนาดเล็กและฟื้นตัวได้เร็ว
- การรักษาโดยการอุดเส้นเลือด (Embolization) เป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะสอดสายสวนขนาดเล็กผ่านทางหลอดเลือดดำบริเวณขาหนีบไปยังเส้นเลือดดำที่อัณฑะ และทำการอุดเส้นเลือดนั้นด้วยขดลวดหรือสารพิเศษ
ทั้งนี้ หลังการรักษาด้วยการผ่าตัด จะมีอัตราความสำเร็จในการปรับปรุงคุณภาพอสุจิประมาณ 60-80% และอัตราการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นประมาณ 30-50% ในคู่สมรสที่ฝ่ายหญิงไม่มีปัญหาด้านการเจริญพันธุ์
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์สำหรับผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ
สำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถมีบุตรได้หลังการรักษา เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การทำ IUI (Intrauterine Insemination) เป็นการฉีดอสุจิที่ผ่านการคัดกรองแล้วเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงโดยตรง ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะแต่คุณภาพของอสุจิไม่รุนแรงนัก
- การทำ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) เป็นการปฏิสนธินอกร่างกาย โดยการฉีดอสุจิเพียงตัวเดียวที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์เข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับอสุจิ ทั้งในเรื่องของปริมาณ รูปร่าง หรือการเคลื่อนไหวของอสุจิที่ไม่สมบูรณ์
- การเก็บอสุจิล่วงหน้า (Sperm Freezing) โดยแพทย์จะแนะนำให้ทำการเก็บอสุจิจากลูกอัณฑะไว้ก่อนเข้ารับการรักษาภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลว่าการรักษาอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอสุจิ
การดูแลตนเองหลังการรักษาเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ
หลังการรักษาเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- พักผ่อนเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก
- สวมกางเกงในที่กระชับแต่ไม่รัดแน่นเกินไป
- ทำการตรวจอสุจิเป็นระยะ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนและ 6 เดือนหลังการรักษา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการสร้างอสุจิ
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อน ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้อุณหภูมิอัณฑะสูงขึ้น
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะและกำลังวางแผนมีบุตร การเก็บอสุจิจากลูกอัณฑะนับเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรได้ ที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เรายินดีให้บริการ เพราะเราเป็นศูนย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากที่พร้อมดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะเส้นเลือดขอดที่อัณฑะเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้มีบุตรได้สำเร็จ ด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัย ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาและวางแผนครอบครัวอย่างมั่นใจได้เลย
บทความโดย นายแพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.