
การมีลูกอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้หญิงที่มีภาวะไทรอยด์ผิดปกติ เพราะฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มีบทบาทสำคัญต่อการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์ หากวางแผนตั้งครรภ์และดูแลตัวเองไม่ดีพอ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งแม่และลูกได้ รวมถึงเพิ่มโอกาสถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมสู่ทารกโดยไม่รู้ตัว เป็นที่มาว่าทำไมคู่สมรสส่วนใหญ่จึงมีความกังวลว่าหากฝ่ายหญิงเป็นไทรอยด์จะมีลูกได้ไหม หรือถ้าแม่เป็นไทรอยด์ ลูกจะเป็นด้วยหรือไม่
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคไทรอยด์
ก่อนจะไปเจาะลึกความสัมพันธ์ระหว่างโรคไทรอยด์และการตั้งครรภ์ รวมทั้งดูคำตอบว่าคนเป็นไทรอยด์มีลูกได้ไหม สิ่งแรกที่ควรเข้าใจ คือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคไทรอยด์ สำหรับโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตและการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นกัน
สาเหตุของโรคไทรอยด์
โดยทั่วไป โรคไทรอยด์เกิดจากภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากหรือน้อยผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานระหว่างต่อมไทรอยด์กับต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland) และไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนไทรอยด์ให้สมดุล
อาการของโรคไทรอยด์
ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ : ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น น้ำหนักลดแม้รับประทานอาหารมาก เหงื่อออกง่าย ขี้ร้อน มือสั่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ประจำเดือนมาน้อยลงหรือขาด และมีปัญหาการเจริญพันธุ์ เช่น มีบุตรยาก
ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ : ผู้ป่วยมักมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย น้ำหนักขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผิวแห้ง ผมร่วง ขนคิ้วบาง รู้สึกหนาวง่ายผิดปกติ อารมณ์ซึมเศร้า ขาดสมาธิ ประจำเดือนมามากและนานกว่าปกติ มีภาวะมีบุตรยาก หรือแท้งบุตรบ่อย
โรคไทรอยด์พบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์ ผลกระทบ และแนวทางการรักษา
หลายคนอาจไม่ทราบว่าฮอร์โมนไทรอยด์มีความสำคัญกับการตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบทบาทในการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ โดยในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ทารกต้องอาศัยฮอร์โมนไทรอยด์จากแม่ทั้งหมด เพราะต่อมไทรอยด์ยังไม่ทำงาน หากขาดฮอร์โมนไทรอยด์ในช่วงนี้ อาจนำไปสู่พัฒนาการล่าช้า สติปัญญาบกพร่อง หรือมีปัญหาด้านความจำได้
ส่วนโรคไทรอยด์ที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดนั้น มี 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1. ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)
เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ครรภ์เป็นพิษ คลอดก่อนกำหนด และน้ำหนักทารกแรกเกิดต่ำ แพทย์อาจพิจารณาใช้ยา Propylthiouracil (PTU) ในไตรมาสแรก และเปลี่ยนเป็น Methimazole (MMI) ในไตรมาสที่สองและสาม เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงต่อทารก
2. ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism)
อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ เช่น แท้งบุตร ครรภ์เป็นพิษ คลอดก่อนกำหนด และพัฒนาการทางสมองของทารกล่าช้า สามารถรักษาได้โดยใช้ยา Levothyroxine เพื่อทดแทนฮอร์โมนที่ขาด โดยปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับระดับฮอร์โมน TSH ที่เปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งครรภ์ และมีการตรวจระดับ TSH และ T4 ทุก 4-6 สัปดาห์ เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม
3. ภาวะต่อมไทรอยด์อักเสบหลังคลอด (Postpartum Thyroiditis, PPT)
พบได้ประมาณ 5% ของหญิงหลังคลอด มักเกิดภายใน 12 เดือนหลังคลอด โดยมีระยะไทรอยด์เป็นพิษชั่วคราว ตามด้วยระยะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ และส่วนใหญ่จะกลับสู่ภาวะปกติภายใน 12-18 เดือน
ระยะไทรอยด์เป็นพิษชั่วคราว (Transient Thyrotoxicosis) เกิดช่วง 6 สัปดาห์ถึง 6 เดือนหลังคลอด จากการที่เซลล์ไทรอยด์ถูกทำลายแล้วปล่อยฮอร์โมนออกมาในกระแสเลือด
ระยะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ชั่วคราว (Transient Hypothyroidism) มักเริ่มในช่วงเดือนที่ 4–8 หลังคลอด และหายภายใน 1 ปี อาการที่พบได้แก่ อ่อนเพลีย ผมร่วง ซึมเศร้า ผิวแห้ง และน้ำหนักเพิ่ม
ตอบคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับโรคไทรอยด์และการตั้งครรภ์
1. ฝ่ายหญิงเป็นไทรอยด์มีลูกได้ไหม ?
ผู้หญิงที่เป็นไทรอยด์สามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้ แต่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพราะโรคไทรอยด์ทั้งภาวะไทรอยด์เป็นพิษ และภาวะพร่องไทรอยด์ อาจส่งผลต่อการตกไข่ ทำให้ตั้งครรภ์ยาก หรือเพิ่มความเสี่ยงแท้งบุตรและภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้
2. หากแม่เป็นไทรอยด์ ลูกจะเป็นไหม ?
โรคไทรอยด์บางชนิด เช่น Graves’ Disease หรือ Hashimoto’s Thyroiditis อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แต่โอกาสที่ทารกจะเป็นไทรอยด์ตั้งแต่แรกเกิดนั้นค่อนข้างต่ำ หากคุณแม่ได้รับการรักษาและควบคุมโรคดีพอ และกรณีที่พบค่าแอนติบอดี้ที่เกี่ยวข้องสูง เช่น TSI หรือ Anti-TPO แพทย์จะติดตามการทำงานของต่อมไทรอยด์ทารกอย่างใกล้ชิดระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด
3. ฮอร์โมนไทรอยด์มีความสำคัญต่อทารกในครรภ์ไหม ?
สำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งทารกยังไม่สามารถสร้างฮอร์โมนไทรอยด์เองได้ จึงต้องพึ่งฮอร์โมนจากมารดาทั้งหมด ฮอร์โมนนี้มีผลต่อการพัฒนาสมอง ระบบประสาท และการเจริญเติบโตของทารก หากมารดามีภาวะพร่องไทรอยด์แล้วไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อพัฒนาการล่าช้าทางสมองของทารกในระยะยาวได้
ลดความเสี่ยงจากโรคไทรอยด์ที่อาจถ่ายทอดสู่ลูกน้อยตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ ด้วยการปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เพื่อช่วยวางแผนการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี พร้อมให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อนเพื่อคัดกรองความผิดปกติ รวมถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำ IVF และ ICSI เราพร้อมดูแลคุณและคนที่คุณรักอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างราบรื่นและช่วยให้ลูกน้อยที่คลอดออกมามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงตั้งแต่วันแรก
บทความโดย แพทย์วนากานต์ สิงหเสนา
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.