
ติ่งเนื้อในโพรงมดลูกเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30-50 ปี แม้ว่าหลายคนอาจไม่แสดงอาการชัดเจน แต่ติ่งเนื้อในมดลูกที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ จึงควรรู้เท่าทันและสังเกตอาการของตนเอง เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี ทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จได้
ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก (Endometrial Polyps)
ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก (Endometrial Polyps) คือก้อนเนื้อที่งอกยื่นออกมาจากเยื่อบุโพรงมดลูก มีลักษณะคล้ายติ่งเนื้อนุ่ม อาจมีขนาดตั้งแต่ไม่กี่มิลลิเมตรไปจนถึงหลายเซนติเมตร ติ่งเนื้อเหล่านี้ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีหลอดเลือดมาเลี้ยง ทำให้มีโอกาสเติบโตและเพิ่มขนาดได้
จากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ประมาณ 10-15% มีโอกาสเกิดภาวะนี้ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 40-50 ปี ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นติ่งเนื้อในโพรงมดลูกมาก่อน รวมถึงผู้ที่มีภาวะอ้วน และคนที่มีความดันโลหิตสูง มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะนี้ได้สูงกว่าคนทั่วไป
อาการและสัญญาณที่บ่งชี้
ภาวะติ่งเนื้อในโพรงมดลูก อาการที่พบได้บ่อยมีหลายรูปแบบ แต่ที่พบมากที่สุดคือความผิดปกติของการมีประจำเดือน ได้แก่
- ประจำเดือนมามากหรือนานผิดปกติ โดยอาจมีเลือดออกมากกว่าปกติ 2-3 เท่า
- มีเลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือน โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ทำให้คาดการณ์รอบเดือนได้ยาก
- ปวดท้องน้อยหรือรู้สึกไม่สบายท้อง โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน
อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่แสดงอาการใด ๆ (Silent Polyps) แต่ตรวจพบได้โดยบังเอิญระหว่างการตรวจภายในหรือการตรวจพิเศษอื่น ๆ โดยเฉพาะกรณีที่ติ่งเนื้อมีขนาดเล็ก
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก มีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก ด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้
กลไกการรบกวนการฝังตัวของตัวอ่อน
ติ่งเนื้อในโพรงมดลูกสามารถไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงคือการที่ติ่งเนื้อไปกีดขวางพื้นที่ที่ตัวอ่อนควรจะฝังตัว ส่วนทางอ้อมคือการที่ติ่งเนื้อไปเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในโพรงมดลูก ทำให้ไม่เหมาะสมต่อการฝังตัว
ผลต่อคุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูก
ติ่งเนื้อสามารถทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในเยื่อบุโพรงมดลูก ส่งผลให้คุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย
สถิติโอกาสการตั้งครรภ์ในผู้ที่มีติ่งเนื้อ
จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูกมีอัตราการตั้งครรภ์ต่ำกว่าผู้ที่ไม่มีประมาณ 15-20% แต่หลังจากได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาติ่งเนื้อออก อัตราการตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การวินิจฉัย
แนวทางการวินิจฉัยภาวะติ่งเนื้อในโพรงมดลูกในปัจจุบัน สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้
- การตรวจร่างกายเบื้องต้น: แพทย์จะซักประวัติอาการผิดปกติ โดยเฉพาะการมีประจำเดือน และทำการตรวจภายในเพื่อประเมินสภาพมดลูกและอวัยวะในอุ้งเชิงกราน
- การตรวจอัลตราซาวนด์ช่องคลอด: เป็นการตรวจที่ไม่เจ็บและให้ข้อมูลที่ละเอียด อีกทั้งยังช่วยให้เห็นขนาดและตำแหน่งของติ่งเนื้อได้ชัดเจน โดยแพทย์อาจฉีดน้ำเกลือเข้าไปในโพรงมดลูกระหว่างการตรวจเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
- การส่องกล้องโพรงมดลูก (Hysteroscopy): การส่องกล้องโพรงมดลูกเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด สามารถมองเห็นติ่งเนื้อได้โดยตรง และสามารถเก็บชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยาได้ด้วย
ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก อันตรายไหม ?
ภาวะติ่งเนื้อในมดลูก ส่วนใหญ่เป็นเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรง (Non-cancerous) และไม่ก่อให้เกิดอันตรายในทันที อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจมีความเสี่ยงจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ เช่น
- หากติ่งเนื้อในโพรงมดลูกมีขนาดใหญ่ จะส่งผลต่อการมีลูกยาก เพราะติ่งเนื้ออาจไปกดทับหรือขัดขวางการฝังตัวของทารกในโพรงมดลูกได้
- ติ่งเนื้อที่มีลักษณะผิดปกติ เช่น เจริญเติบโตเร็วหรือมีเซลล์ผิดปกติ อาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- มีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือปวดท้องเรื้อรัง
สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร แต่ตรวจพบติ่งเนื้อในโพรงมดลูก อาจสงสัยว่าจะท้องได้ไหม ซึ่งคำตอบนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของติ่งเนื้อและการรักษา แต่โดยทั่วไปหากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี โอกาสในการตั้งครรภ์จะยังคงมีความเป็นไปได้
จำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่ ?
กรณีมีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก สามารถทำการรักษาได้ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด โดยแพทย์จะพิจารณาอาการเป็นรายบุคคล ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและขนาดของติ่งเนื้อ ดังนี้
- กรณีที่ไม่ต้องผ่าตัด : หากติ่งเนื้อมีขนาดเล็ก (ต่ำกว่า 1 ซม.) และไม่มีอาการผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ติดตามอาการโดยไม่ต้องผ่าตัด
- กรณีที่ควรพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด
-
- มีอาการเลือดออกผิดปกติ
- มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือจำนวนเพิ่มขึ้น
- สงสัยว่ามีเซลล์ผิดปกติ (Precancerous หรือ Cancerous)
- มีผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์
การผ่าตัดสามารถทำได้ด้วยวิธีการ Hysteroscopic Polypectomy ซึ่งเป็นการส่องกล้องเข้าไปเพื่อตัดติ่งเนื้อในมดลูกออก ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง และใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
แนวทางการรักษา
การรักษาที่เป็นมาตรฐาน คือ การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อตัดติ่งเนื้อออก (Hysteroscopic Polypectomy) ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 30-60 นาที จากนั้นผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน โดยการผ่าตัดจะใช้วิธีการดมยาสลบแบบทั่วไป หรือการระงับความรู้สึกเฉพาะที่
ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของติ่งเนื้อ หลังผ่าตัดผู้ป่วยอาจมีเลือดออกเล็กน้อย 3-5 วัน และสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 วัน โดยอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์หลังการรักษา พบว่ามีโอกาสเพิ่มสูงถึง 50-70% ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย
การเข้ารับการตรวจร่างกายก่อนวางแผนมีบุตร จะช่วยให้สามารถประเมินและรักษาภาวะติ่งเนื้อในโพรงมดลูกได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการเตรียมความพร้อมของมดลูกสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ยิ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ ติ่งเนื้อในโพรงมดลูกนอกจากจะทำให้มีบุตรยากแล้ว ยังอาจทำให้เสียโอกาสในการตั้งครรภ์ในอนาคตอีกด้วย
การป้องกันและการดูแลตนเอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง
- การมีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เนื่องจากจะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย
- การมีประวัติครอบครัวเป็นติ่งเนื้อในโพรงมดลูก
- การมีความดันโลหิตสูง
- การได้รับฮอร์โมนทดแทน โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน
การตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจภายในประจำปีอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ
- สังเกตความผิดปกติของประจำเดือน ทั้งการมีประจำเดือนมากผิดปกติ มีเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ
คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ลดอาหารที่มีไขมันสูงและหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
การพบติ่งเนื้อในมดลูกไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถมีบุตรได้ การวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ของคุณได้ อย่างไรก็ตามการเดินทางสู่การมีบุตรของแต่ละคู่รักนั้นแตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือการได้รับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ ที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เราเป็นคลินิกมีบุตรยากที่ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีเวชแห่งประเทศไทย พร้อมดูแลคุณด้วยทีมแพทย์ด้านสูตินรีเวชและเทคโนโลยีทันสมัย
บทความโดย แพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline : 082-903-2035
Line Official : @vfccenter
อ่านบทความสุขภาพ : https://www.v-ivf.com/article/

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.