
การมีลูกถือเป็นความฝันของหลาย ๆ คู่ แต่บางครั้งอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ ปัญหาเกี่ยวกับอสุจิของผู้ชาย โดยเฉพาะภาวะที่เรียกว่า “การแตกหักของ DNA ในอสุจิ”
เรื่องนี้อาจฟังดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก ลองคิดง่าย ๆ ว่า DNA คือพิมพ์เขียวสำหรับสร้างชีวิตใหม่ เมื่อไหร่ที่ DNA ในอสุจิแตกหักหรือมีความเสียหาย ก็จะทำให้การมีลูกเป็นเรื่องที่ยากขึ้น สามีภรรยาหลายคู่ที่พยายามมีลูกอยู่นานหลายปีแต่ไม่สำเร็จ โดยไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องนี้ !
การแตกหักของ DNA ในอสุจิ (Sperm DNA Fragmentation) คืออะไร ?
การแตกหักของ DNA ในอสุจิ (Sperm DNA Fragmentation) คือ ภาวะที่อสุจิมี DNA แตกหักหรือเสียหาย ส่งผลให้เซลล์มีการทำงานที่ผิดปกติ ซึ่งเราจะไม่สามารถสังเกต หรือรู้สึกได้ด้วยตนเอง แต่จะมาทราบก็ต่อเมื่อได้เข้ารับการรักษาและประเมินโดยคุณหมอ ด้วยการคัดอสุจิออกมาตรวจสอบ DNA อย่างละเอียด หากพบว่ามีความเสียหายหรือแตกหักมากเกินไป ก็จะส่งผลให้มีลูกได้ยาก
โดยทั่วไปแล้ว หากน้ำเชื้อไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือไม่สามารถปฏิสนธิได้ แพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาการมีบุตรยาก ที่มีโอกาสสำเร็จสูง เช่น วิธีการทำอิ๊กซี่ (ICSI) หรือการคัดไข่ 1 ใบ และอสุจิ 1 ตัว ที่แข็งแรงสมบูรณ์ที่สุดมาผสมกัน ด้วยวิธีใช้เข็มเจาะ และฉีดอสุจิเข้าไปที่ไข่โดยตรง เป็นการปฏิสนธิกันภายนอก จากนั้นจึงนำไข่ที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วใส่กลับไปที่โพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป
ดังนั้น หากต้องการตรวจสอบเบื้องต้นว่าอสุจิมีภาวะสมบูรณ์หรือไม่ ก็สามารถทำได้ด้วยการตรวจคุณภาพของน้ำเชื้อ หรือ Computer-assisted sperm analysis (CASA) ซึ่งเป็นการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้อ ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถให้รายละเอียดคุณภาพน้ำเชื้อได้อย่างสมบูรณ์ เช่น ความเร็ว เปอร์เซนต์ ลักษณะการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ ไปจนถึงการวัดระดับความเข้มข้นของตัวอสุจิในน้ำเชื้อ หากผลลัพธ์จากการตรวจวิเคราะห์พบว่าอสุจิมีปัญหา แพทย์จะทำการวิเคราะห์แนวทางการรักษาเพื่อให้อสุจิแข็งแรงขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการมีบุตรต่อไป
DFI คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการแตกหักของ DNA ในอสุจิ ?
DFI คือ ค่าดัชนีที่ใช้วัดระดับการแตกหักของ DNA ในอสุจิ (Sperm DNA Fragmentation Index) โดยจะประเมินว่าในน้ำเชื้อมีเปอร์เซ็นต์ของอสุจิที่มี DNA แตกหักอยู่มากน้อยเพียงใด หากค่าดัชนี DFI สูง แสดงว่าอสุจิในน้ำเชื้อมีความเสียหายสูง ซึ่งสัมพันธ์กับโอกาสการตั้งครรภ์ที่ลดลง รวมถึงอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแท้ง
ดังนั้น การตรวจ DFI หรือการตรวจการแตกหักของ DNA ในอสุจิ จึงเป็นการประเมินความพร้อมของอสุจิในเชิงลึกมากกว่าการตรวจคุณภาพน้ำเชื้อทั่วไป โดยแพทย์จะใช้เทคนิคเฉพาะในการคัดแยกและวิเคราะห์โครงสร้าง DNA ภายในอสุจิ เพื่อประเมินความสมบูรณ์และโอกาสในการปฏิสนธิของอสุจิในแต่ละตัว ผลการตรวจการแตกหักของ DNA ในอสุจิจะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การเลือกวิธีปฏิสนธิภายนอก (ICSI) หรือการเตรียมร่างกายเพื่อเพิ่มคุณภาพของอสุจิก่อนเริ่มกระบวนการมีบุตร
สาเหตุที่ทำให้เกิดการแตกหักของ DNA ในอสุจิ
1. อนุมูลอิสระในร่างกายมากเกินไป (Oxidative Stress)
อนุมูลอิสระ (Free Radicals) เป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและสามารถทำลายเซลล์ รวมถึง DNA ในอสุจิได้โดยตรง เมื่อมีปริมาณมากเกินไป อสุจิจะได้รับความเสียหายทั้งในแง่ของโครงสร้างและการทำงาน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก โดยอนุมูลอิสระมักเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น มลพิษทางอากาศ ความเครียดเรื้อรัง หรือการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม
2. อายุที่มากขึ้น
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การผลิตอสุจิ รวมถึงคุณภาพอสุจิก็จะลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มักจะพบว่าความสมบูรณ์ของ DNA ในอสุจิถดถอย ซึ่งเกิดจากกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์ รวมถึงการสะสมของความเสียหายจากอนุมูลอิสระเป็นเวลานาน
3. การอักเสบหรือติดเชื้อในอวัยวะเพศชาย
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรืออวัยวะสืบพันธุ์ เช่น การติดเชื้อจากแบคทีเรีย ไวรัส หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบที่อัณฑะหรือท่อนำอสุจิ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการแตกหักของ DNA ในอสุจิ
4. สารพิษจากสิ่งแวดล้อม
สารเคมีที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก หรือสารเคมีจากมลพิษอุตสาหกรรม สามารถรบกวนกระบวนการสร้างอสุจิและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกหักของ DNA ในอสุจิได้ โดยตัวอย่างของสารที่มีผลกระทบ เช่นสาร BPA (Bisphenol A) ที่พบในพลาสติกบางชนิด หรือฟทาเลต (Phthalates) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก
5. พฤติกรรมเสี่ยง
พฤติกรรมบางอย่างสามารถเพิ่มโอกาสเกิดการแตกหักของ DNA ในอสุจิได้ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือการใช้ยาเสพติด เช่น กัญชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อจำนวนและความสมบูรณ์ของอสุจิ
6. ความร้อนที่ลูกอัณฑะมากเกินไป
อสุจิถูกผลิตในอัณฑะ ซึ่งต้องอยู่ที่อุณหภูมิต่ำกว่าร่างกายเล็กน้อยเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากอัณฑะสัมผัสกับความร้อนเป็นเวลานาน จากการนั่งเป็นเวลานานโดยเฉพาะบนพื้นผิวที่ร้อน การอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือการใส่กางเกงชั้นในที่รัดแน่นเกินไป ล้วนมีผลให้ DNA ในอสุจิเสื่อมคุณภาพ
7. เส้นเลือดขอดที่ลูกอัณฑะ (Varicocele)
ภาวะเส้นเลือดขอดที่ลูกอัณฑะเป็นภาวะที่เส้นเลือดดำในถุงอัณฑะขยายตัวผิดปกติ ทำให้การไหลเวียนโลหิตในอัณฑะไม่ดี ส่งผลให้เกิดภาวะความร้อนสะสมและเพิ่มความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ซึ่งนำไปสู่การแตกหักของ DNA ในอสุจิได้
ลักษณะของอสุจิที่มีความผิดปกติ
- มีความเข้มข้นของน้ำเชื้อน้อย
- อสุจิวิ่งและเคลื่อนไหวได้ไม่ดี
- รูปร่างลักษณะของตัวอสุจิผิดไปจากปกติ
วิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากที่เกิดจากการแตกหักของ DNA ในอสุจิ
แพทย์จะทำการรักษาด้วยการคัดเลือกตัวอสุจิที่สมบูรณ์ และไม่มีการแตกหักของ DNA ในอสุจิ มารักษาด้วยวิธีการทำอิ๊กซี่ (ICSI) เพราะหากมีการปฏิสนธิด้วยอสุจิที่ไม่สมบูรณ์ คุณแม่อาจมีโอกาสแท้งได้ง่าย
อย่างไรก็ดี การแตกหักของ DNA ในอสุจิไม่ได้เป็นโรคติดต่อ ดังนั้น หากคุณพ่อเคยมีภาวะ Sperm DNA Fragmentation แล้วมีลูก ก็ยังสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่เป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรมไปถึงรุ่นลูกอย่างแน่นอน
นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลตัวเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการงดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนเป็นการสร้างความแข็งแรงและสุขภาพที่ดีให้กับร่างกาย รวมถึงทำให้น้ำเชื้อมีความสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการมีบุตรเช่นกัน
หากต้องการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก ทาง VFC ขอแนะนำให้วางแผนการตั้งครรภ์ โดยการตรวจคุณภาพน้ำเชื้อและตรวจสุขภาพของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ซึ่งจะช่วยให้ทราบถึงปัจจัยที่อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ พร้อมทั้งรับคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาวะของแต่ละบุคคล เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline : 082-903-2035
Line Official : @vfccenter
อ่านบทความสุขภาพ : https://www.v-ivf.com/article/

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.