เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

กินยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เสี่ยงมีลูกยากหรือไม่ ?!

กินยาคุมกำเนิดเสี่ยงมีลูกยากหรือไม่

กินยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เสี่ยงมีลูกยากหรือไม่ ?!

หนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับการมีลูกยากที่เป็นข้อสันนิษฐานกันมานาน เป็นประเด็นให้หลายคนได้ถกเถียงกันเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด ว่าสามารถเป็นสาเหตุให้มีบุตรยากไม่ท้องสักที หากทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากความคิดที่ว่าการทานยาคุมกำเนิดหรือการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานหลายๆ ปี ผลของยาจะทำให้ มดลูกแห้ง ผนังมดลูกบาง และส่งผลให้มีลูกได้ยากกว่าคนทั่วไป  ความเชื่อนี้จริงหรือไม่ คุณหมอจากทาง VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร ขอออกมาให้ข้อมูลว่า ไม่เป็นความจริง ยาคุมกำเนิดไม่ได้มีผลต่อการทำให้เกิดภาวะมีลูกยาก แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้นั้น เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ปัจจัยด้านอายุที่มากขึ้น ภาวะไข่มีเปลือกหนาแข็งจนอสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ และภาวะน้ำเชื้ออ่อน มีน้อย อสุจิเคลื่อนไหวช้า ไม่แข็งแรง

ซึ่งยาคุมกำเนิดหลายรูปแบบ ไม่มีผลข้างเคียงเกี่ยวกับการมีลูกยาก หรือมีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ท้องสักที แต่การใช้ยาคุมกำเนิดแล้วมีการหยุดใช้ยา จะทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้

เมื่อหยุดการทานยาคุมกำเนิด อาจจะมีผลต่อการมีประจำเดือน ในช่วงที่ทานยาคุมนั้นเป็นการปรับฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่สม่ำเสมอ และเมื่อหยุดทานจึงอาจจะส่งผลให้ฮอร์โมนแปรปรวน ทำให้ประจำเดือนมาน้อยหรือกะปริบกะปรอย รอบเดือนสั้นลงกว่าเดิม เช่น เคยมา 5 วัน ก็อาจเหลือแค่ 3 วัน

หลังจากการหยุดยาคุมกำเนิดในบางรายอาจจะมีอาการของการปวดท้องในช่วง 1-2 วันแรกเนื่องจากเยื่อบุมดลูกจะผลิตสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) เข้าไปกระตุ้นให้มดลูกมีการบีบตัวมากขึ้น

ในบางรายอาจจะเกิดสิวขึ้น ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนที่แปรปรวน ดังนั้นหลังหยุดยาควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ เช่น นมและน้ำตาล เน้นทานอาหารที่เป็นโปรตีนที่ดีอย่างทานเนื้อปลา และดูแลรักษาความสะอาดบนใบหน้าให้ดีก็จะสามารถช่วยให้ผิวหนังไม่เกิดการอักเสบ อ่อนแอจนทำให้เกิดสิวได้

แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะมีบุตรยาก แต่ต้องการมีบุตร ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ไขภาวะการมีบุตรยากได้ โดยสามารถปรึกษาและรับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ ซึ่งมีให้เลือกถึง 3 วิธี คือ

  1. IUI (Intra Uterine Insemination)
    IUI หรือ Intra Uterine Insemination เป็นการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้สูง เนื่องจากน้ำเชื้อจะเข้าผสมกับไข่ได้ง่ายขึ้น และยังเป็นการปฏิสนธิภายในร่างกายที่ถือว่าใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด แพทย์ผู้ดูแลจะทำการคัดเลือกน้ำเชื้อที่แข็งแรงที่สุดของฝ่ายชายมาฉีดเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง ซึ่งวิธีนี้เป็นการเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้สูงขึัน เนื่องจากน้ำเชื้อจะเข้าผสมกับไข่ได้ง่ายขึ้น
  2. IVF (In Vitro Fertilization)
    เป็นกระบวนการปฏิสนธิภายนอกร่างกายที่จะนำไข่และอสุจิมา “ผสมกันเอง”ภายในหลอดแก้ว เมื่อเกิดการปฏิสนธิจนกลายเป็นตัวอ่อนแล้ว จึงทำการเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาตร์จนกลายเป็นตัวอ่อน จากนั้นจึงย้ายตัวอ่อนฝังภายในโพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์และพัฒนาสู่เป็นทารกต่อไป
  3. ICSI – Intracytoplasmic sperm injectionเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก IVF ซึ่งเป็นกระบวนการปฏิสนธิภายนอกร่างกายที่มีวิธีการคล้ายกับการทำ IVF เกือบทุกประการ แต่ข้อแตกต่างคือ การทำ ICSI จะเป็นการคัดเลือกไข่กับอสุจิที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดนำมาปฏิสนธิด้วยวิธีการใช้เข็มเล็กๆ ที่ดูดตัวอสุจิที่คัดเลือกไว้ฉีดเข้าไปให้เนื้อไข่โดยตรงเพื่อก่อให้เกิดการปฏิสนธิ จากนั้นก็นำเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์จนกลายเป็นตัวอ่อน จากนั้นจึงย้ายตัวอ่อนฝังภายในโพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์และพัฒนาสู่เป็นทารกต่อไป ซึ่งการทำ ICSI เป็นวิธีที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันเพราะช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีบุตรยากได้หลากหลายสาเหตุ

สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการจะวางแผนการมีบุตร สามารถนัดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline : 082-903-2035

Line : @vfertilitycenter

อ่านบทความสุขภาพ : v-ivf.com/article/

 

 

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.