เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

เด็กหลอดแก้ว ผ่าคลอด/คลอดธรรมชาติ แบบไหนดีกว่ากัน

เด็กหลอดแก้วผ่าคลอด กับ คลอดธรรมชาติ

เด็กหลอดแก้ว ผ่าคลอด/คลอดธรรมชาติ แบบไหนดีกว่ากัน

การทำเด็กหลอดแก้ว เมื่อเกิดผลสำเร็จและคุณแม่ได้ตั้งครรภ์จนครบกำหนดแล้ว เมื่อถึงช่วงใกล้คลอด คุณแม่มักจะปรึกษาว่าจะให้ผ่าท้องคลอดดีไหม คุณแม่บางท่านมีความคิดว่าการผ่าคลอดจะปลอดภัยกว่าการคลอดเอง กลัวเจ็บ กลัวเสียทรง กลัวช่องคลอดหย่อนยาน หรือต้องการคลอดตามฤกษ์ยามที่กำหนดไว้ หรือหาข้อมูลตามดาราที่นิยมผ่าตัดคลอด ฯลฯ ในความเป็นจริงแล้วถ้าคุณแม่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคแทรกซ้อน 70-95% สามารถคลอดได้เอง และส่วนที่เหลืออาจจะต้องผ่าคลอดด้วยข้อบ่งชี้ต่าง ๆ ทางการแพทย์

วันนี้ VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร มีข้อดีเกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติและการผ่าคลอด มาแนะนำให้กับว่าที่คุณแม่ ที่กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ และวางแผนการคลอดกันค่ะ 

​​ข้อดีของการคลอดเอง

  1. มีค่าใช้จ่ายในการคลอดถูกกว่า
  2. การคลอดเองนั้นคุณแม่อาจจะต้องเจ็บบ้างในช่วงที่ปากมดลูกขยายตัว แต่ก็มียาฉีดแก้ปวดให้ เมื่อคลอดได้แล้ว ความเจ็บปวดทั้งหลายก็จะหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือแต่เจ็บแผลเพียงเล็กน้อยที่ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เมื่อคลอดแล้วบริหารร่างกาย บริหารช่องคลอด ทุกส่วนในร่ายกายจะสามารถกลับสู่สภาพปกติได้
  3. ร่างกายมีการฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าคลอดมาก หลังจากคลอดเสร็จมดลูกจะหดตัวเล็กลงและไม่มีแผลที่มดลูกเหมือนการผ่าคลอด
  4. เมื่อคลอดออกมาทางช่องคลอด ช่องคลอดจะบีบส่วนช่องอกของทารกเพื่อรีดเอาน้ำคร่ำที่คั่งค้างอยู่ในปอด เมื่อลูกน้อยสูดอากาศหายใจเข้าครั้งแรก น้ำคร่ำจะดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดส่วนหนึ่งและทำให้ปอดไม่ชื้น ต่างจากทารกที่ผ่าคลอด ซึ่งทรวงอกของทารกจะไม่ได้รับการบีบรัดโดยธรรมชาติจากช่องคลอดคุณแม่ จึงทำให้มีโอกาสที่จะมีน้ำคั่งในปอดและหายใจเร็วตามมาได้ ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้บ่อยกว่าทารกที่คลอดทางช่องคลอด
  5. ทารกที่คลอดทางช่องคลอดในระหว่างที่เดินทางผ่านช่องคลอดจะมีการกลืนสารคัดหลั่งในช่องคลอดซึ่งอุดมไปด้วยแบคทีเรียที่เป็น โปรไบโอติกส์ มากมายเข้าสู่ลำไส้เพื่อไปกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดภูมิต้านทานโรคและป้องกันโรคอักเสบติดเชื้อต่าง ๆ เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบ และอุจจาระร่วง ซึ่งการผ่าตัดคลอดจะไม่ทำให้เกิดภูมิต้านทานต่อโรคเหล่านี้ ยิ่งหากลูกน้อยที่ผ่าตัดคลอดแล้วยังไม่ได้กินนมแม่ ก็จะไม่ได้รับจุลินทรีย์ที่ดีด้วย และจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น

แต่สำหรับคุณแม่ที่วางแผนจะผ่าคลอด ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มั่นใจและอยู่ในขึ้นตอนการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะมีข้อดีอยู่มากเช่นกัน 

ข้อดีของการผ่าคลอด

  1. คุณแม่ไม่ต้องทนเจ็บ เพราะมีการควบคุมความเจ็บปวดที่ได้ผลค่อนข้างแน่นอน
  2. สามารถกำหนดเวลาคลอดตามฤกษ์ได้ (และตั้งชื่อของลูกน้อยไว้ก่อนล่วงหน้าได้) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในกรณีที่เป็นเคสซับซ้อน ต้องการทีมแพทย์ดูแลหลายแผนก
  3. ไม่เสี่ยงกับการเกิดภาวะแทรกซ้อนบางอย่างในระหว่างรอคลอด เช่น ปากมดลูกไม่เปิด หัวใจเด็กเต้นช้า สายสะดือโผล่
  4. หากการผ่าคลอดมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น เด็กท่าก้น เด็กตัวโต อุ้งเชิงกรานแคบ ทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า ทารกมีความพิการที่ไม่สามารถคลอดเองได้ ปากมดลูกไม่เปิดหรือเปิดช้า ฯลฯ ข้อบ่งชี้ที่กล่าวมา ไม่มีผลต่อการผ่าคลอด และไม่ทำให้ให้คุณแม่วิตกกังวล 
  5. ในปัจจุบันมีผ่าคลอดแล้วปิดแผลโดยใช้กาวชนิดพิเศษ ข้อดีคือคุณแม่ไม่จำเป็นต้องตัดไหม ไม่มีรอยเย็บ ทำให้รอยแผลสวย และไม่ต้องปิดปลาสเตอร์ปิดแผล เพราะกาวสามารถกันน้ำได้ แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าการเย็บแบบไหมละลายและแบบการใช้แม็คเย็บแผล (ก่อนทากาวหมอจะทำการเย็บแผลใต้ผิวหนังให้ชิดก่อนตามปกติ แล้วจึงทากาวปิดแผลที่ผิวหนัง โดยการดึงขอบแผลทั้ง 2 ข้างมาชิดกัน แล้วใช้กาวทาแผลยึดให้ขอบแผลทั้ง 2 ข้างให้แนบสนิทติดกัน การปิดแผลด้วยกาวจะไม่มีความเสี่ยงในการปริมากกว่าแผลเย็บตามปกติ ส่วนความเจ็บมากหรือน้อยนั้น ตามหลักแล้วไม่ได้เกี่ยวกับการทากาวหรือไม่ทากาว เพราะขั้นตอนการเย็บทุกอย่างยังเหมือนกัน)

สรุปแล้วโดยรวมแล้วการคลอดเองดีกว่าการผ่าคลอด แต่สำหรับคุณแม่บางท่านก็จำเป็นต้องผ่าตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างไรก็ตามคุณแม่สามารถเข้ารับการปรึกษาและวางแผนการคลอดกับแพทย์ผู้เขี่ยวชาญ รวมถึงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพครรภ์ ทั้งก่อนและหลังคลอด เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย 

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร พร้อมให้บริการคุณแม่และคุณพ่อ ที่วางแผนอยากมีลูก

เรามีบริการตรวจสุขภาพคุณพ่อคุณแม่ ตั้งแต่เริ่มวางแผนก่อนตั้งครรภ์ รวมถึงแก้ไขและรักษาผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก และการทำเด็กหลอดแก้ว ที่ดูแลทุกขั้นตอนด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ และนักวิทยาศาสตร์​เพาะเลี้ยง​ตัวอ่อน​ที่ได้รับการรับรองจาก ESHRE ของยุโรป ด้วยบริการที่ครบครัน และพร้อมให้คำปรึกษาอย่างเข้าใจ พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีเวชแห่งประเทศไทยและการรับรองมาตรฐานรายโรคเกี่ยวกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก CCPC จาก JCIรายแรกของโลก และมีอัตราการตั้งครรภ์สำเร็จสูงถึง 88.61%  ให้ผู้ใช้บริการวางใจในมาตรฐาน และขั้นตอนการรักษา รวมถึงการแก้ปัญหาได้ตรงจุด เพื่อความสมบูรณ์แบบของครอบครัว 

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.