ช็อกโกแลตซีสต์ หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์และอาจส่งผลให้มีลูกยาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจทำให้คุณภาพไข่ลดลง เกิดพังผืดที่อุ้งเชิงกราน หรือท่อนำไข่ตัน ส่งผลให้เกิดการปฏิสนธิได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่มีช็อกโกแลตซีสต์ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ หากได้รับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการประเมินอาการร่วมกับการรักษาเฉพาะบุคคล เช่น ผ่าตัดส่องกล้อง การรักษาด้วยยา หรือการทำ ICSI ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ช็อกโกแลตซีสต์” เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก เพราะหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาการต่าง ๆ อาจรุนแรงขึ้น และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน จนส่งผลข้างเคียงทำให้มีลูกยาก หรือไม่สามารถมีลูกได้
วันนี้ คุณหมอ พญ. วนากานต์ สิงหเสนา จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับผู้ที่มีภาวะช็อกโกแลตซีสต์ว่าเกิดจากอะไร มีอาการเข้าข่ายอย่างไร พร้อมตอบคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย ว่าถ้าหากเป็นช็อกโกแลตซีสต์แล้วท้อง จะเป็นอันตรายหรือไม่ ?
ช็อกโกแลตซีสต์ มีสาเหตุเกิดจากอะไร ?
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) ในทางการแพทย์เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ (Endometriosis)” คือ ภาวะผิดปกติทางร่างกายที่เกิดจากถุงน้ำในรังไข่ เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกเป็นประจำเดือนไหลย้อนกลับไปทางท่อนำไข่เข้าไปในช่องท้องและอุ้งเชิงกราน ทำให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปฝังตัวในรังไข่ และเจริญกลายเป็นถุงน้ำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายช็อกโกแลตเหลว จึงเรียกว่า “ถุงน้ำช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตซีสต์”
ช็อกโกแลตซีสต์มีอาการอย่างไร ?
อาการของช็อกโกแลตซีสต์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยอาการที่พบบ่อยมีดังนี้
- มีอาการปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ และปวดมากขึ้นทุกเดือน หรือ มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- มีภาวะลำไส้แปรปรวน เช่น อาการท้องอืด ท้องเสีย
- ปัสสาวะบ่อย บางรายอาจมีอาการปัสสาวะเป็นเลือด
- มีอาการปวดหลัง บางทีก็ปวดร้าวลงไปถึงบริเวณขา
- ปวดไมเกรนบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน
- สามารถคลำพบก้อนแข็งบริเวณท้องน้อย ซึ่งอาจอยู่ตรงกลางหรือด้านข้าง เนื่องจากถุงน้ำโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่และอยู่ในระยะที่เป็นอันตราย
- รู้สึกเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
เป็นช็อกโกแลตซีสต์ มีลูกยากไหม ?
ช็อกโกแลตซีสต์เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการมีบุตรยาก เนื่องจากมีเยื่อบุไปเกาะอยู่บนรังไข่ ทำให้รังไข่มีพื้นที่ในการผลิตไข่และสร้างฮอร์โมนน้อยลง อีกทั้งไข่ที่ผลิตได้ก็ด้อยคุณภาพ และยังมีพังผืดเกิดขึ้นในอุ้งเชิงกรานทำให้ท่อรังไข่คดงอ ส่งผลให้ไข่กับอสุจิที่ผสมกันแล้วมาฝังตัวได้อย่างไม่สมบูรณ์ หรืออาจทำให้ท่อนำไข่ตัน ไม่สามารถเกิดการปฏิสนธิได้เลย
ปรึกษาเรื่องภาวะมีบุตรยากที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center)
ช็อกโกแลตซีสต์มีวิธีรักษาอย่างไร ?
การรักษาช็อกโกแลตซีสต์ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ โดยวิธีการรักษามีดังนี้
การใช้ยา
การใช้ยาที่มีคุณสมบัติคุมกำเนิด เพื่อบรรเทาอาการปวดและยับยั้งไม่ให้ไข่เจริญเติบโต ทำให้คนไข้ไม่สามารถมีบุตรได้ เนื่องจากโรคนี้อาศัยฮอร์โมนเพศหญิงที่สร้างจากรังไข่ อย่างไรก็ตาม หากคนไข้ต้องการมีบุตร ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์
การผ่าตัด
การผ่าตัดเป็นวิธีที่นิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับในกรณีที่ก้อนซีสต์มีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็ง แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเอาซีสต์ออก โดยทำการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งเป็นวิธีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง โดยผู้เข้ารับการผ่าตัดจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้เร็ว
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดอาจมีผลข้างเคียงและความเสี่ยง เช่น การดมยาสลบ การสอดกล้องในหน้าท้องที่มีพังผืดเยอะ หรือการเอาซีสต์ออกจากรังไข่แล้วจะทำให้เนื้อที่ดีของรังไข่ที่ติดกับผนังซีสต์ออกไปด้วย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของรังไข่ ปริมาณฟองไข่ และการโตของไข่ก็อาจจะลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้มีลูกยาก
เป็นช็อกโกแลตซีสต์แล้วท้อง อันตรายไหม ?
ผู้ที่มีภาวะช็อกโกแลตซีสต์สามารถมีลูกได้ แต่อาจจะมีลูกยากมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นโรคที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ทำให้การทำงานของรังไข่ผิดปกติ สำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป
ส่วนผู้ที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์และเกิดการตั้งครรภ์ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป แม้ว่าจะมีความเสี่ยงบางประการ แต่หากได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ การตั้งครรภ์ก็จะสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ
การทำ ICSI ช่วยแก้ปัญหาการมีลูกยากจากภาวะช็อกโกแลตซีสต์
วิธีที่ได้ผลมากที่สุดในการแก้ปัญหามีลูกยากอันเนื่องมาจากภาวะช็อกโกแลตซีสต์ นอกจากการใช้ยาและการผ่าตัด คือการทำอิ๊กซี่ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ ที่ช่วยแก้ปัญหาการมีลูกยากจากภาวะต่าง ๆ เช่น อายุมาก เป็นหมัน น้ำเชื้ออ่อน รวมถึงภาวะช็อกโกแลตซีสต์ โดยวิธีนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง นอกจากนี้ กระบวนการทำอิ๊กซี่ ICSI ยังสามารถช่วยคัดกรองน้ำเชื้อและไข่ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จได้ อีกทั้งการตั้งครรภ์จะมีระดับฮอร์โมนที่สูง ถือเป็นการรักษาภาวะช็อกโกแลตซีสต์ไปในตัว
ปรึกษาเรื่องการทำ ICSI ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center)
สำหรับคุณผู้หญิงที่อยากเป็นคุณแม่ และต้องการตั้งครรภ์ให้สำเร็จ ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เราพร้อมดูแลทุกก้าวของการมีบุตร ด้วยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์ในการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ทั้งยังได้รับการรับรองจากสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรป (ESHRE : European Society of Human Reproduction and Embryology) จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยกับบริการของเรา
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Q : ช็อกโกแลตซีสต์ คืออะไร ?
A : ช็อกโกแลตซีสต์ หรือทางการแพทย์เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในรังไข่” คือ ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญผิดที่ภายในรังไข่ เมื่อมีประจำเดือน เลือดจะคั่งภายในจนกลายเป็นถุงน้ำสีน้ำตาลคล้ายช็อกโกแลต ซึ่งอาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตได้
Q : ช็อกโกแลตซีสต์สามารถตรวจเจอได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นหรือไม่ ?
A : สามารถตรวจเจอได้หากสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องประจำเดือนรุนแรงหรือเรื้อรัง เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือ คลำพบก้อนในท้องน้อย โดยแพทย์มักใช้การตรวจอัลตราซาวนด์หรือส่องกล้อง เพื่อวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะแรกเริ่มได้
Q : ช็อกโกแลตซีสต์ หายเองได้ไหม ?
A : โดยทั่วไปแล้ว ช็อกโกแลตซีสต์ไม่สามารถหายเองได้ แม้บางรายจะไม่มีอาการรุนแรง แต่ซีสต์อาจโตขึ้นและส่งผลต่อการมีลูกในอนาคต การตรวจติดตามกับแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อวางแผนรักษาได้ทันท่วงที
Q : เป็นช็อกโกแลตซีสต์มีลูกได้ไหม ?
A : ผู้หญิงที่มีช็อกโกแลตซีสต์ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ แต่อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ยากขึ้น โดยเฉพาะหากซีสต์มีขนาดใหญ่หรือมีผลกระทบต่อการทำงานของรังไข่
Q : ผ่าช็อกโกแลตซีสต์แล้วมีลูกได้ไหม ?
A : สามารถมีลูกได้ แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ ความเสียหายของรังไข่ และต้องดูว่าหลังผ่าตัดแล้วมีพังผืดเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาวะมีบุตรยากด้วยเช่นกัน
Q : การรักษาช็อกโกแลตซีสต์ด้วยยา มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
A : ยารักษาช็อกโกแลตซีสต์ เช่น ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมน อาจมีผลข้างเคียง เช่น รอบเดือนขาด น้ำหนักเพิ่ม อารมณ์แปรปรวน และในบางกรณีอาจลดโอกาสการตั้งครรภ์ระหว่างการใช้ยา จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา
บทความโดย แพทย์หญิงวนากานต์ สิงหเสนา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline : 082-903-2035
Line : @vfccenter
อ่านบทความสุขภาพ : https://www.v-ivf.com/article/

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.