เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

เทคนิคส่องเส้นใยสปินเดิลในไข่ เพิ่มความสำเร็จในการทำ ICSI

การตรวจคุณภาพไข่ โดยผู้เชี่ยวชาญในห้องปฏิบัติการ

Table of Contents

เทคโนโลยี ส่องเส้นใยสปินเดิลในไข่ (Spindle Fiber) คือหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วย คัดกรองคุณภาพไข่ ได้อย่างแม่นยำก่อนเข้าสู่กระบวนการ ICSI โดยใช้กล้อง Microscope และระบบ Oosight Imaging ซึ่งช่วยให้มองเห็นโครงสร้างภายในของไข่ได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ทำลายเซลล์ ช่วย เพิ่มโอกาสปฏิสนธิ ลดความเสี่ยงโครโมโซมผิดปกติ และยกระดับความสำเร็จในการตั้งครรภ์ เหมาะกับผู้หญิงอายุเกิน 35 ปี หรือผู้ที่เคยทำ ICSI แล้วไม่สำเร็จ การใช้เทคโนโลยีนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญของการรักษาใน คลินิกรักษามีบุตรยาก อย่าง VFC Center

คุณภาพของไข่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำ ICSI โดยไข่ที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้การปฏิสนธิเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนที่แข็งแรง แต่หากไข่มีความผิดปกติ แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลให้การปฏิสนธิล้มเหลว ตัวอ่อนไม่พัฒนา หรือแม้แต่อาจทำให้เกิดการแท้งในระยะแรก ส่งผลให้กระบวนการนี้ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง

แต่ด้วยเทคโนโลยีการตรวจเส้นใยสปินเดิล (Spindle Fiber) ทำให้การรักษาภาวะมีบุตรยากมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยคัดเลือกคุณภาพไข่ที่มีความพร้อมสำหรับการปฏิสนธิ จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น  

ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เพื่อวางแผนการทำ ICSI ที่ VFC Center

เส้นใยสปินเดิล (Spindle Fiber) คืออะไร และมีหน้าที่อย่างไรในกระบวนการปฏิสนธิ ?

เส้นใยสปินเดิล” หรือ Spindle Fiber เป็นโครงสร้างขนาดเล็กภายในเซลล์ไข่ มีลักษณะเป็นเส้นใยไมโครทูบูล (Microtubule) ทำหน้าที่จัดเรียงและแยกโครโมโซมในระหว่างที่ไข่กำลังแบ่งตัว (Meiosis II) ก่อนเข้าสู่การปฏิสนธิ

ดังนั้น การตรวจเส้นใยสปินเดิลจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินความพร้อมของไข่ ซึ่งถ้าหากพบว่าเส้นใยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ก็จะหมายความว่าไข่มีความพร้อมเข้าสู่กระบวนการทำ ICSI และสามารถช่วยเพิ่มโอกาสปฏิสนธิได้ 

ลักษณะของเส้นใยสปินเดิลที่ผิดปกติ

หากเส้นใยสปินเดิลเกิดความผิดปกติขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากอายุของผู้หญิง ภาวะเครียด ฮอร์โมนไม่สมดุล หรือสภาวะการเพาะเลี้ยงไข่ในห้องแล็บ อาจส่งผลให้ไข่สูญเสียศักยภาพในการปฏิสนธิได้ ซึ่งลักษณะของความผิดปกติที่พบบ่อย ได้แก่

เส้นใยบิดเบี้ยวหรือจัดตำแหน่งผิดพลาด

ปกติแล้ว เส้นใยสปินเดิลควรเรียงตัวอย่างสมมาตรและมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้สามารถดึงโครโมโซมออกจากกันได้อย่างแม่นยำ แต่หากเส้นใยบิดเบี้ยวหรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง อาจทำให้โครโมโซมถูกดึงแยกผิดทิศ ส่งผลให้เกิดการแบ่งเซลล์ที่ไม่สมบูรณ์

การดึงแยกโครโมโซมไม่สมดุล 

ในขั้นตอนการแบ่งตัวของไข่ เส้นใยสปินเดิลจะทำหน้าที่แยกชุดโครโมโซมออกจากกัน หากกลไกนี้ผิดพลาด เช่น ดึงแรงไม่เท่ากัน หรือบางเส้นหลุดออกระหว่างทาง จะทำให้ไข่ที่ได้มีจำนวนโครโมโซมไม่ครบ 

โครงสร้างเส้นใยไม่แข็งแรงหรือไม่สมบูรณ์

เส้นใยสปินเดิลที่ไม่แข็งแรงอาจเกิดจากอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมระหว่างเก็บหรือเพาะเลี้ยงไข่ รวมถึงอิทธิพลจากอายุของผู้หญิงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไมโครทูบูลเสื่อมสภาพและทำงานได้ไม่เต็มที่

และหากเส้นใยสปินเดิลทำงานผิดพลาด ย่อมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การปฏิสนธิไม่สำเร็จ ตัวอ่อนไม่พัฒนา หรือเกิดการแท้งในระยะแรกเริ่ม นอกจากนี้ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรมในทารก เช่น กลุ่มอาการดาวน์ อีกด้วย

กล้อง Microscope ในห้องปฏิบัติการ

เทคนิคการตรวจสอบคุณภาพเส้นใยสปินเดิลในไข่

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถมองเห็นเส้นใยสปินเดิลภายในไข่ได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องทำลายเซลล์ไข่ ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน (Embryology Lab) ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ในการส่องเส้นใยสปินเดิล (Spindle) นี้คือ

Oosight Meiosis Imaging System 

เทคโนโลยีซึ่งเป็นที่ยอมรับและนำมาใช้อย่างแพร่หลายคือ Oosight Meiosis Imaging System โดยเป็นระบบการถ่ายภาพเชิงโพลาไรซ์ (Polarized Light Microscopy) ด้วยกล้อง Microscope คุณภาพสูง

หลักการทำงานคือการใช้แสงโพลาไรซ์ส่องผ่านเซลล์ไข่ ทำให้สามารถตรวจหาและประเมินตำแหน่ง ความสมบูรณ์ และการจัดเรียงตัวของเส้นใยสปินเดิลได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารย้อมสีหรือสารเคมีใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อเซลล์ไข่ โดยข้อมูลที่ได้จากระบบ Oosight นี้จะนำมาสู่การคัดเลือกคุณภาพไข่ที่มีคุณลักษณะ ดังนี้

  • อยู่ในระยะที่พร้อมต่อการปฏิสนธิสูงสุด (MII)
  • มีโครงสร้างเส้นใยสปินเดิลที่สมบูรณ์ จัดเรียงตัวถูกต้อง
  • ลดความเสี่ยงของการมีโครโมโซมผิดปกติ

การคัดกรองอย่างแม่นยำนี้ เป็นเสมือนก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ไข่ที่ถูกเลือกไปทำ ICSI มีโอกาสพัฒนาเป็นตัวอ่อนที่แข็งแรงและมีคุณภาพสูงต่อไป

ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เพื่อวางแผนการทำ ICSI ที่ VFC Center

ข้อดีของการใช้เทคโนโลยีตรวจสอบคุณภาพเส้นใยสปินเดิลในไข่ในการทำ ICSI

การใช้เทคโนโลยี Oosight ในการประเมินคุณภาพไข่ก่อนการทำ ICSI นำมาซึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญหลายประการ ดังนี้

  • ความปลอดภัยต่อเซลล์ไข่ ด้วยเครื่องมืออันทันสมัยนี้ ทำให้การตรวจสอบเป็นแบบไม่รุกล้ำ (Non-invasive) และไม่ทำให้เซลล์ไข่เสียหายหรือได้รับผลกระทบใด ๆ
  • คัดเลือกไข่ที่เหมาะสมที่สุด โดยนักเพาะเลี้ยงตัวอ่อน (Embryologist) จะเลือกไข่ที่มีความสมบูรณ์พร้อมต่อการปฏิสนธิสำหรับกระบวนการ ICSI
  • ลดความเสี่ยงการทำลายโครงสร้าง เนื่องจากรู้ถึงตำแหน่งของเส้นใยสปินเดิลที่แน่นอน ช่วยให้ Embryologist สามารถหลีกเลี่ยงการแทงเข็ม ICSI ในตำแหน่งที่อาจทำลายโครงสร้างภายในเซลล์และโครโมโซมได้
  • เพิ่มโอกาสสำเร็จของกระบวนการ ICSI โดยการเลือกใช้ไข่ที่มีเส้นใยสปินเดิลที่มองเห็นและจัดเรียงตัวปกติ สัมพันธ์กับอัตราการปฏิสนธิ อัตราการพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะ Blastocyst และอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์ที่เพิ่มขึ้น

ด้วยเทคโนโลยีในการประเมินความสมบูรณ์ของเซลล์ไข่ ก่อนเข้าสู่กระบวนการ ICSI เป็นการยกระดับมาตรฐานการรักษา และช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ให้แก่คู่สมรสที่กำลังวางแผนมีลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ที่คลินิกรักษามีบุตรยาก VFC Center เรานำเทคโนโลยี Oosight Meiosis Imaging System มาใช้ตรวจหา “เส้นใยสปินเดิล” ในไข่ เพื่อประเมินความสมบูรณ์ของเซลล์ไข่ก่อนเข้าสู่กระบวนการปฏิสนธิแบบ ICSI ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ให้กับคู่รักที่กำลังวางแผนมีลูก

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับเทคโนโลยีการตรวจเส้นใยสปินเดิล

Q : จำเป็นไหมที่ทุกคนที่ทำ ICSI ต้องตรวจเส้นใยสปินเดิลในไข่ก่อน ?

A: ไม่จำเป็นสำหรับทุกเคส แต่เหมาะอย่างยิ่งในผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี รวมถึงผู้ที่เคยทำ ICSI มาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือผู้ที่มีไข่คุณภาพไม่สม่ำเสมอ เพราะการตรวจเส้นใยสปินเดิลจะช่วยคัดเลือกไข่ที่สมบูรณ์ที่สุด เพิ่มโอกาสปฏิสนธิและพัฒนาตัวอ่อนได้อย่างแข็งแรง

Q : การตรวจเส้นใยสปินเดิลแตกต่างจากการตรวจคุณภาพไข่ทั่วไปอย่างไร ?

A: การตรวจคุณภาพไข่ทั่วไปมักประเมินจากรูปร่างภายนอกของไข่ แต่การตรวจเส้นใยสปินเดิลสามารถมองเห็น “โครงสร้างภายในของไข่” ได้โดยตรง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ระดับโมเลกุลของความพร้อมในการแบ่งตัวและปฏิสนธิ ช่วยให้ประเมินได้แม่นยำกว่าการสังเกตภายนอกเพียงอย่างเดียว

Q : การตรวจเส้นใยสปินเดิลใช้เวลานานหรือไม่ และทำเมื่อใดในกระบวนการ ICSI ?

A: การตรวจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและทำในขั้นตอนก่อนการฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่ (ICSI) หลังจากเก็บไข่มาแล้วในห้องแล็บ โดยนักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจะใช้กล้องโพลาไรซ์ตรวจแบบเรียลไทม์ เพื่อเลือกไข่ที่พร้อมต่อการปฏิสนธิสูงสุดในช่วงเวลานั้น 

Q : การตรวจเส้นใยสปินเดิลปลอดภัยต่อไข่หรือไม่ ?

A: ปลอดภัย เพราะเทคโนโลยีนี้ใช้แสงโพลาไรซ์ในการถ่ายภาพภายในเซลล์ไข่ โดยไม่ต้องสัมผัสหรือใช้สารเคมีใด ๆ ที่อาจทำลายเซลล์ จึงไม่กระทบต่อคุณภาพไข่หรือกระบวนการพัฒนาตัวอ่อนภายหลัง

 

บทความโดย แพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

 

Book a consultation with Dr. Worawat Siripoon at our infertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.