เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ควรทำอย่างไร?

ภาพสื่อถึงการตรวจภายในที่ทำให้รู้ว่ามีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก หรือไม่

Table of Contents

มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก อันตรายหรือไม่ ?”

มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก  ตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ?”

มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ และส่วนใหญ่เป็นเนื้อไม่ร้ายแรง จึงมักไม่อันตรายถึงชีวิต อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงกังวลว่า มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก อันตรายไหม และจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ ในบางกรณีติ่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่หรืออยู่ในตำแหน่งที่กีดขวาง อาจรบกวนการเดินทางของอสุจิ การฝังตัวของตัวอ่อน หรือเพิ่มความเสี่ยงเลือดออกผิดปกติได้ ดังนั้นผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตรควรเข้ารับการตรวจภายในและ ตรวจความพร้อมมีบุตร อย่างละเอียด เพื่อประเมินว่าจำเป็นต้องรักษาก่อนตั้งครรภ์หรือไม่ และช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย

คำถามเหล่านี้มักสร้างความกังวลใจให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ตรวจพบติ่งเนื้อที่ปากมดลูก โดยเฉพาะกับคู่สมรสที่กำลังวางแผนการมีบุตร ซึ่งการเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาจะช่วยให้สามารถวางแผนการมีบุตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจยิ่งขึ้น

ตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความพร้อมในการตั้งครรภ์ ที่ VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

 

ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ แนวทางการรักษา

ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกคืออะไร ?

ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกหรือติ่งเนื้อปากมดลูก คือการเติบโตของเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกที่ผิดปกติ ซึ่งมักอยู่ในรูปของก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ที่เรียกว่า Cervical Polyps ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะช่วงอายุ 30-50 ปี

ปกติติ่งเนื้อปากมดลูกมักไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือผิดปกติชัดเจน ผู้หญิงหลายคนจะรับรู้ว่าตนเองมีติ่งเนื้อก็ต่อเมื่อเข้ารับการตรวจภายใน หรือการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear) ลักษณะของติ่งเนื้ออาจมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ บางรายอาจมีติ่งเดียวหรือหลายติ่ง และส่วนใหญ่เป็นชนิดที่ไม่ร้ายแรง (Non-cancerous) จึงไม่ต้องกังวลว่าจะพัฒนาไปเป็นมะเร็ง แต่หากมีขนาดใหญ่หรือมีเลือดออกผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมโดยสูตินรีแพทย์

สาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อที่ปากมดลูกคืออะไร ?

ภาวะติ่งเนื้อที่ปากมดลูกยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

ฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกระตุ้นการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเนื้อเยื่อในบริเวณช่องคลอดและปากมดลูก จนกลายเป็นติ่งเนื้อในที่สุด ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์หรือหญิงตั้งครรภ์

การติดเชื้อ

หากเกิดการอักเสบของปากมดลูก หรือติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด อาจทำให้เซลล์เยื่อบุปากมดลูกเกิดการซ่อมแซมผิดปกติ จนนำไปสู่การก่อตัวของติ่งเนื้อ

การบาดเจ็บจากการคลอดบุตร

การคลอดบุตร รวมถึงการขูดมดลูก อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณปากมดลูก ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเกิดติ่งเนื้อ เนื่องจากมีการซ่อมแซมบาดแผลหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก

 

อันตรายของติ่งเนื้อที่ปากมดลูก

แม้ว่าติ่งเนื้อที่ปากมดลูกส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรง แต่การปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ ดังนี้

ภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการคลอด

ติ่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่ หรืออยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ อาจไปกีดขวางทางคลอดในระหว่างการคลอดบุตรตามธรรมชาติ ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการช่วยเหลือขณะคลอดบุตร หรืออาจนำไปสู่การพิจารณาการผ่าตัดทำคลอด

ภาวะระคายเคือง

ติ่งเนื้อบางชนิดอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจเกิดแผลบริเวณติ่งเนื้อได้ง่าย โดยเฉพาะหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ การสวนล้าง หรือการตรวจภายใน ซึ่งอาจทำให้มีอาการเจ็บปวด หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอยนอกรอบเดือน (Intermenstrual Bleeding)

ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์

ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ในหลายประการ ดังนี้

  • ขัดขวางทางเดินของอสุจิ หากติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่และอยู่ในตำแหน่งที่กีดขวางปากมดลูก อาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของอสุจิเพื่อเข้าไปผสมกับไข่ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์ลดลง
  • ผลต่อการฝังตัว ติ่งเนื้อบางชนิดที่เติบโตในโพรงมดลูก (Uterine Polyps) อาจรบกวนการฝังตัวของตัวอ่อนกับเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก หรือเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งบุตร
  • ความเสี่ยงระหว่างตั้งครรภ์ หากติ่งเนื้อยังคงอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้ ซึ่งควรได้รับการเฝ้าระวังโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด

ตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความพร้อมในการตั้งครรภ์ ที่ VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

 

ผู้หญิงเตรียมตรวจภายในเนื่องจากกังวลว่ามีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก

วิธีดูแลและรักษาหากมีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก 

แนวทางการรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของติ่งเนื้อ ตำแหน่ง อาการที่แสดง และความต้องการที่จะตั้งครรภ์ของผู้ป่วย โดยมีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้

การตัดติ่งเนื้อ 

วิธีที่แพทย์นิยมใช้มากที่สุด คือการตรวจภายใน เพื่อผ่าตัดติ่งเนื้อออก ด้วยเครื่องมือเฉพาะ ใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หลังการตัดติ่งเนื้อ แพทย์จะส่งชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่เนื้อร้าย

การเฝ้าระวัง 

ในส่วนของติ่งเนื้อที่มีขนาดเล็ก ไม่มีอาการเจ็บปวด หรือเลือดออกผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าระวังและตรวจติดตามเป็นระยะ โดยเฉพาะในผู้ที่ยังไม่พร้อมเข้ารับการผ่าตัด

หากพบติ่งเนื้อที่ปากมดลูกและกำลังวางแผนตั้งครรภ์ การตรวจสุขภาพที่ครบถ้วนควบคู่ไปกับการตรวจความพร้อมของร่างกายก่อนการมีบุตร เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยประเมินสุขภาพและความเสี่ยงที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ 

ที่ VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เรามีบริการตรวจความพร้อมมีบุตรและวางแผนการตั้งครรภ์ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เพื่อให้คู่สมรสสามารถเตรียมตัวในการมีบุตรได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Q : มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก  ต้องตรวจอย่างไร ?

A : ผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตนเองมีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก  เพราะภาวะนี้มักไม่แสดงอาการ การตรวจภายในโดยสูตินรีแพทย์ หรือการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear) เป็นวิธีที่ช่วยตรวจพบติ่งเนื้อได้อย่างแม่นยำ หากพบติ่งเนื้อ แพทย์จะประเมินต่อไปว่าจำเป็นต้องตัดออกหรือไม่

Q : ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้หรือไม่ ?

A : หลังการตัดติ่งเนื้อออกแล้ว มีโอกาสที่ติ่งใหม่จะกลับมาเกิดได้อีก โดยเฉพาะหากยังมีปัจจัยกระตุ้น เช่น การอักเสบเรื้อรัง ฮอร์โมนไม่สมดุล หรือไม่ได้รับการติดตามตรวจอย่างต่อเนื่อง แพทย์จึงมักแนะนำให้ตรวจภายในทุก 6-12 เดือน เพื่อเฝ้าระวังการกลับมาเกิดซ้ำ

Q : มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ส่งผลต่อประจำเดือนหรือไม่ ?

A : โดยทั่วไปติ่งเนื้อที่ปากมดลูกไม่ได้ส่งผลต่อรอบเดือนโดยตรง แต่บางรายอาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของติ่งเนื้อขนาดใหญ่หรือมีการอักเสบร่วมด้วย

Q : หากมีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก  สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติหรือไม่ ?

A : สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่หากรู้สึกเจ็บ มีเลือดออก หรือมีตกขาวผิดปกติ ควรงดชั่วคราวและรีบพบแพทย์ เพราะอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการระคายเคืองของติ่งเนื้อหรือการติดเชื้อร่วมด้วย

Q : หลังตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูก  ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน ?

A : ส่วนใหญ่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ภายใน 1-2 วันหลังการตัดติ่งเนื้อ แต่ควรงดเพศสัมพันธ์และหลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้แผลภายในสมานตัวได้ดีและลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

 

บทความโดย แพทย์ศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.