ขูดมดลูก (D&C) เป็นหัตถการที่ใช้ทั้งวินิจฉัยและรักษา เช่น ภาวะแท้งค้างหรือเลือดออกผิดปกติ ส่วนใหญ่ “ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ” เมื่อมดลูกฟื้นตัวและไม่มีภาวะแทรกซ้อน โดยมักเว้น 1–3 รอบเดือนก่อนเริ่มพยายามตั้งครรภ์อีกครั้ง ความเสี่ยงที่อาจกระทบโอกาสตั้งครรภ์ได้แก่ พังผืดในโพรงมดลูก (Asherman’s syndrome) และเยื่อบุโพรงมดลูกบาง การติดตามอาการ ตรวจอัลตราซาวนด์ ประเมินฮอร์โมน และปรึกษาแพทย์เป็นขั้นตอนสำคัญ หากมีแนวโน้มมีบุตรยาก อาจพิจารณา IUI, IVF/ICSI หรือผ่าตัดแก้พังผืดตามดุลยพินิจแพทย์
การขูดมดลูก เป็นหัตถการทางสูตินรีเวชที่แพทย์ใช้ทั้งเพื่อการวินิจฉัยและรักษาในหลายกรณี เช่น ภาวะแท้งค้าง หรือ การตรวจหาความผิดปกติภายในโพรงมดลูก ซึ่งถึงแม้จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับปัญหาในมดลูก แต่ผู้หญิงหลายคนอาจรู้สึกกังวลว่า หัตถการนี้จะส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ในอนาคตหรือไม่
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขูดมดลูก ตั้งแต่สาเหตุ ขั้นตอน ไปจนถึงโอกาสการมีลูกหลังการฟื้นตัว พร้อมคำแนะนำจากมุมมองทางการแพทย์ว่าขูดมดลูกแล้วมีลูกได้ไหม เพื่อให้คุณมั่นใจ และวางแผนการตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย
การขูดมดลูก คืออะไร ?
การขูดมดลูก (D&C: Dilatation and Curettage) คือ หัตถการทางสูตินรีเวชที่แพทย์ใช้สำหรับวินิจฉัยหรือรักษาความผิดปกติภายในโพรงมดลูก โดยแพทย์จะขยายปากมดลูกและใช้เครื่องมือเฉพาะในการขูดหรือดูดเยื่อบุโพรงมดลูกออกผ่านทางช่องคลอด ซึ่งกระบวนการนี้สามารถช่วยจัดการกับภาวะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ภาวะแท้งค้าง การมีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน หรือ การนำชิ้นเนื้อจากโพรงมดลูกไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อหาสาเหตุของอาการผิดปกติ หรือคัดกรองโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
การขูดมดลูกถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัย เมื่อทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมักทำร่วมกับการให้ยาระงับความรู้สึก เพื่อลดความกังวลให้แก่ผู้ป่วยขณะทำหัตถการ อย่างไรก็ตาม หลังจากการขูดมดลูก ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และเข้ารับการติดตามอาการตามนัด เพื่อประเมินสุขภาพของมดลูก และป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
สาเหตุที่ต้องขูดมดลูก
หัตถการนี้อาจใช้เพื่อการรักษา หรือ การวินิจฉัยโรค ขึ้นอยู่กับภาวะของผู้ป่วย โดยมีสาเหตุสำคัญที่พบได้บ่อย ดังนี้
ภาวะแท้งค้าง (Incomplete Miscarriage)
ภาวะแท้งค้าง หมายถึง การที่มีการแท้งเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังคงมีเศษชิ้นเนื้อของตัวอ่อน รก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกค้างอยู่ในมดลูก ซึ่งหากไม่เอาออก อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ เลือดออกผิดปกติ หรือมดลูกหดรัดตัวไม่สมบูรณ์
การขูดมดลูกจึงเป็นวิธีที่แพทย์ใช้เพื่อทำความสะอาดโพรงมดลูกให้หมดจด ป้องกันการอักเสบ และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
มีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก
ในกรณีที่ผู้หญิงมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ โดยไม่ได้อยู่ในช่วงรอบเดือน หรือมีประจำเดือนที่ยาวนานและปริมาณมากกว่าปกติ แพทย์อาจพิจารณาขูดมดลูก โดยมีจุดประสงค์ดังต่อไปนี้
- หยุดเลือดที่ออกไม่หยุด
- ตรวจหาสาเหตุของภาวะเลือดออกผิดปกติ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีการหนาตัวมากผิดปกติ
- ตรวจหาเนื้องอกหรือความผิดปกติอื่น ๆ ในโพรงมดลูก
การขูดมดลูกในกรณีนี้ ช่วยให้แพทย์ได้เนื้อเยื่อไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อการวินิจฉัยที่ชัดเจน และสามารถวางแผนการรักษาได้แม่นยำขึ้น
ตรวจวินิจฉัยเนื้องอก เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติ หรือภาวะมะเร็ง
เมื่อพบความผิดปกติจากอัลตราซาวนด์ เช่น ก้อนเนื้อ หรือเยื่อบุหนาตัวผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการขูดมดลูก เพื่อนำเนื้อเยื่อในโพรงมดลูกมาตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ สู่การวิเคราะห์อาการดังต่อไปนี้
- เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวจากฮอร์โมน
- ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก (Endometrial polyp)
- เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Myoma)
- ภาวะก่อนมะเร็ง หรือ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
การตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำในระยะเริ่มต้น สามารถช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และป้องกันโรคที่รุนแรงในอนาคตได้
ขั้นตอนการขูดมดลูก
- แพทย์จะประเมินอาการและวางแผนการรักษาโดยพิจารณาจากสาเหตุ เช่น แท้งค้าง หรือเลือดออกผิดปกติ
- ทำความสะอาดช่องคลอดและเตรียมบริเวณที่ทำหัตถการ
- ใช้ยาชาหรือยาสลบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วยและวิธีการของแพทย์
- ขยายปากมดลูกอย่างระมัดระวัง เพื่อให้สามารถสอดเครื่องมือเข้าไปในโพรงมดลูกได้
- ใช้เครื่องมือเฉพาะขูดเอาเยื่อบุโพรงมดลูก หรือชิ้นเนื้อที่ผิดปกติออก
- หากเป็นการวินิจฉัย แพทย์จะส่งเนื้อเยื่อไปตรวจทางพยาธิวิทยา
- โดยปกติใช้เวลาไม่นาน และสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว
- พักฟื้นประมาณ 1–2 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคน
- ควรงดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าเลือดออกภายในช่องคลอดจะหยุดสนิท
- ติดตามอาการตามนัด เพื่อประเมินการฟื้นตัวของโพรงมดลูกและดูผลตรวจ (ถ้ามี)
ขูดมดลูกแล้วมีลูกได้ไหม หลังขูดมดลูกจะมีลูกได้เมื่อไหร่ ?
แม้การขูดมดลูกจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย และใช้รักษาภาวะผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับผู้หญิงที่วางแผนจะมีลูกในอนาคต อาจเกิดความสงสัยว่า ขูดมดลูกแล้วจะมีลูกยากไหม ? จะมีภาวะแทรกซ้อนอะไรตามมาหรือเปล่า ?
ความกังวลนี้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะแม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่จะสามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติหลังขูดมดลูก แต่ก็มีบางกรณีที่พบภาวะแทรกซ้อน เช่น พังผืดในโพรงมดลูก (Asherman’s Syndrome) ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หรือรบกวนการทำงานของระบบสืบพันธุ์ได้
ในหัวข้อนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะพังผืด พร้อมวิธีการตรวจวินิจฉัยภาวะมีบุตรยากหลังขูดมดลูก และปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม และวางแผนมีบุตรได้อย่างมั่นใจ
โอกาสการตั้งครรภ์หลังขูดมดลูก
สำหรับคนที่สงสัยว่า ขูดมดลูกแล้วมีลูกได้ไหม คำตอบคือ สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติหลังจากขูดมดลูก หากร่างกายฟื้นตัวสมบูรณ์ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และมดลูกสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ
ขูดมดลูกแล้วมีลูกยากไหม : ปัจจัยที่มีผลต่อโอกาสตั้งครรภ์
- อายุของผู้หญิง : ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป จะมีจำนวนไข่ลดลงตามธรรมชาติ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์น้อยลง
- สุขภาพของมดลูกและรังไข่ : หากมดลูกและรังไข่ยังแข็งแรง ไม่มีพังผืดหรือซีสต์ โอกาสตั้งครรภ์ก็ยังคงมีได้ปกติ แต่หากมีภาวะแทรกซ้อนหลังการขูด อาจต้องดูแลใกล้ชิดมากขึ้น
- ความสมดุลของฮอร์โมน : ฮอร์โมนเพศหญิงที่ไม่สมดุล อาจส่งผลให้ไข่ไม่ตกหรือรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ ซึ่งมีผลต่อการตั้งครรภ์ แต่หากร่างกายฟื้นตัวได้ดี ฮอร์โมนจะกลับมาสมดุลขึ้น
- ภาวะติดเชื้อหรือพังผืดหลังการขูด : หากมีการติดเชื้อหรือเกิดพังผืดในโพรงมดลูกหลังการขูด อาจรบกวนการฝังตัวของตัวอ่อน และทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นในบางราย
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้ตั้งครรภ์ยากขึ้น
พังผืดในโพรงมดลูก (Asherman’s Syndrome)
ภาวะนี้เกิดจากการที่ผนังด้านในของโพรงมดลูกเกิดบาดแผลจากการขูดมดลูก และแผลนั้นสมานตัวผิดปกติ จนเกิดเป็นพังผืด ส่งผลให้โพรงมดลูกแคบลง หรือผนังมดลูกติดกันบางส่วนหรือทั้งหมด ทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยากขึ้น หรืออาจเกิดภาวะแท้งซ้ำง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ประจำเดือนมาน้อยลงหรือขาดไป
เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง
การขูดมดลูกหลายครั้ง หรือขูดเมื่อร่างกายฟื้นตัวไม่เต็มที่ อาจส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จนไม่เหมาะสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งส่งผลให้โอกาสตั้งครรภ์ลดลง หรือเสี่ยงต่อภาวะแท้งบุตรในระยะเริ่มต้น เนื่องจากไม่มีพื้นผิวที่เหมาะสมให้ตัวอ่อนยึดเกาะและเจริญเติบโตต่อไปได้

แนวทางการตรวจวินิจฉัยภาวะมีบุตรยากหลังขูดมดลูก
- การอัลตราซาวนด์ช่องคลอด
- การส่องกล้องโพรงมดลูก (Hysteroscopy)
- การตรวจระดับฮอร์โมนเจริญพันธุ์
หลังขูดมดลูกมีลูกได้เมื่อไหร่ ?</H2>
โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้เว้นช่วงประมาณ 1-3 รอบเดือน หรือจนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวเต็มที่ ก่อนเริ่มพยายามตั้งครรภ์อีกครั้ง
สัญญาณว่าร่างกายพร้อมตั้งครรภ์อีกครั้ง
- รอบเดือนกลับมาเป็นปกติ
- ไม่มีเลือดออกผิดปกติ
- ไม่มีอาการปวดท้องน้อย
- ร่างกายแข็งแรง ไม่มีภาวะติดเชื้อ
ทางเลือกในการมีบุตร สำหรับผู้มีแนวโน้มมีบุตรยาก
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และ ICSI
การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF (In Vitro Fertilization) คือ กระบวนการที่นำไข่และอสุจิมาผสมกันภายนอกร่างกายในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ จากนั้นจึงย้ายตัวอ่อนที่แข็งแรงกลับเข้าสู่โพรงมดลูก ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาท่อนำไข่อุดตัน เยื่อบุโพรงมดลูกบาง หรือมีพังผืดในโพรงมดลูก มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้น
ในกรณีที่ฝ่ายชายมีภาวะอสุจิคุณภาพต่ำ หรืออสุจิเคลื่อนไหวไม่ดี แพทย์อาจเลือกใช้เทคนิค ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นการคัดอสุจิที่แข็งแรงที่สุด แล้วฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง เพื่อเพิ่มโอกาสการปฏิสนธิให้สำเร็จสูงสุด
การฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูก (IUI)
IUI หรือ Intrauterine Insemination เป็นการนำเชื้ออสุจิที่ผ่านการเตรียมมาฉีดเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง ในช่วงเวลาที่ใกล้ตกไข่มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ
เหมาะสำหรับคู่รักที่มีปัญหาเล็กน้อย เช่น มูกไข่ไม่เอื้อต่อการเดินทางของอสุจิ หรือ ฝ่ายชายมีภาวะอสุจิเคลื่อนไหวต่ำเล็กน้อย รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับปากมดลูก
การผ่าตัดแก้พังผืดในโพรงมดลูก
ในกรณีที่พบพังผืดภายในโพรงมดลูก แพทย์อาจพิจารณาส่องกล้องเพื่อผ่าตัดแก้ไขพังผืด (Hysteroscopic Adhesiolysis) ซึ่งช่วยเปิดโพรงมดลูกให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง และเพิ่มโอกาสที่ตัวอ่อนจะฝังตัวได้สำเร็จ
หลังผ่าตัด อาจมีการใช้ยาหรือบอลลูนเพื่อป้องกันไม่ให้พังผืดกลับมาอีก รวมถึงการติดตามด้วยการทำอัลตราซาวนด์อย่างต่อเนื่อง
คำแนะนำจากแพทย์
การตรวจติดตามหลังการขูดมดลูก
แพทย์อาจนัดตรวจอัลตราซาวนด์ หรือติดตามรอบเดือน เพื่อประเมินการฟื้นตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก
สัญญาณที่ควรรีบพบแพทย์
- มีเลือดออกมากผิดปกติ
- ปวดท้องรุนแรงไม่หาย
- มีไข้สูง หนาวสั่น หรือมีกลิ่นผิดปกติจากช่องคลอด
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
หลังจากผ่านกระบวนการขูดมดลูก การเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์อีกครั้งถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การตั้งครรภ์ครั้งต่อไปปลอดภัยและมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น โดยควรเริ่มจากการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ เพื่อประเมินสภาพร่างกายโดยรวม และตรวจวิเคราะห์ระบบสืบพันธุ์อย่างละเอียด เช่น ตรวจฮอร์โมน ตรวจภายใน หรืออัลตราซาวนด์มดลูกและรังไข่ หากพบว่าร่างกายพร้อม ก็สามารถวางแผนการตั้งครรภ์ร่วมกับทีมแพทย์ได้ทันที
การขูดมดลูกอาจทำให้ผู้หญิงหลายคนกังวลใจ ว่าหลังขูดมดลูกแล้วจะมีลูกได้เมื่อไหร่ ขูดมดลูกแล้วมีลูกยากไหม แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการดูแลรักษาจากแพทย์ ทำให้โอกาสในการมีลูกกลับมาเป็นไปได้อีกครั้ง
สำหรับใครที่ต้องการวางแผนการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย สามารถเข้ารับคำปรึกษาจาก VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก พร้อมด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เครื่องมือที่ทันสมัย และบริการที่ครอบคลุม ตั้งแต่การวางแผนตั้งครรภ์ การตรวจฮอร์โมน ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยี IVF และ ICSI
คำถามที่พบบ่อย (FAQs):
Q: ขูดมดลูกแล้วมีลูกได้ไหม?
A: โดยทั่วไปยังสามารถตั้งครรภ์ได้ หากมดลูกฟื้นตัวดี ไม่มีการติดเชื้อหรือพังผืดในโพรงมดลูก การติดตามหลังหัตถการและปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความพร้อมของมดลูก
Q: หลังขูดมดลูก ควรรอถึงเมื่อไรจึงเริ่มพยายามตั้งครรภ์?
A: มักแนะนำให้เว้นประมาณ 1–3 รอบเดือน หรือจนกว่ารอบเดือนกลับมาปกติ ไม่มีเลือดออกผิดปกติ และไม่มีอาการปวดท้องน้อย เพื่อให้เยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมต่อการฝังตัว
Q: ขูดมดลูกแล้วมีลูกยากไหม และปัจจัยใดส่งผลมากที่สุด?
A: โอกาสตั้งครรภ์ขึ้นกับอายุ สุขภาพของมดลูกและรังไข่ ความสมดุลของฮอร์โมน และการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังหัตถการ หากมีพังผืดในโพรงมดลูก ติดเชื้อ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกบาง อาจลดโอกาสฝังตัวและทำให้ตั้งครรภ์ยากขึ้น
Q: ภาวะแทรกซ้อนอะไรที่ทำให้ตั้งครรภ์ยากหลังขูดมดลูก?
A: พังผืดในโพรงมดลูก (Asherman’s syndrome) ทำให้ผนังมดลูกติดกันหรือโพรงแคบลง ตัวอ่อนฝังตัวยาก และอาจทำให้ประจำเดือนน้อยหรือขาด นอกจากนี้ การขูดซ้ำหรือฟื้นตัวไม่เต็มที่อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ไม่เหมาะต่อการฝังตัว
Q: ควรตรวจอะไรหรือมีทางเลือกการรักษาใด หากตั้งครรภ์ไม่สำเร็จหลังขูดมดลูก?
A: ควรประเมินด้วยอัลตราซาวนด์ช่องคลอด ส่องกล้องโพรงมดลูก (hysteroscopy) และตรวจฮอร์โมนเจริญพันธุ์ หากพบพังผืดอาจผ่าตัดแก้ไขด้วย hysteroscopic adhesiolysis สำหรับผู้มีบุตรยากอาจพิจารณา IUI หรือ IVF/ICSI ตามความเหมาะสม
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.