“ไข่สุก” หมายถึงช่วงที่เซลล์ไข่ในรังไข่เจริญเต็มที่และพร้อมจะถูกปล่อยออกมา ส่วน “ไข่ตก” คือช่วงที่ไข่สุกถูกปล่อยออกจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิ ช่วงนี้ถือเป็นเวลาที่มีโอกาสตั้งครรภ์สูงที่สุด โดยไข่จะมีชีวิตอยู่เพียง 12–24 ชั่วโมง หากไม่มีการปฏิสนธิ ไข่จะสลายไปและเข้าสู่รอบเดือนใหม่ การสังเกตอาการไข่ตก เช่น มูกปากมดลูกใสยืดตัวได้ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย หรือปวดหน่วงท้องน้อย จะช่วยให้คำนวณช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์ได้แม่นยำมากขึ้น และควรวางแผนมีเพศสัมพันธ์ช่วง 2–3 วันก่อนวันไข่ตก เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิให้มากที่สุด
หลายคนที่กำลังวางแผนมีบุตรมักสงสัยว่าช่วงไข่สุกกับไข่ตกมีความเหมือนกันหรือต่างกันหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วทั้งสองคำนี้สื่อถึงช่วงเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละรอบเดือน การทำความเข้าใจ รวมถึงสังเกตอาการเพื่อแยกแยะทั้งสองช่วงเวลาได้อย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์ให้เป็นไปตามที่คาดหวังได้อย่างมั่นใจ
ช่วงไข่สุก คืออะไร ?
ช่วงไข่สุก หมายถึง ช่วงที่เซลล์ไข่ในรังไข่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะถูกปล่อยออกมาในกระบวนการตกไข่ ซึ่งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในระยะฟอลลิคูลาร์ (Follicular phase) ของรอบเดือน โดยเริ่มจากการที่ฮอร์โมน FSH (Follicle-Stimulating Hormone) กระตุ้นให้ถุงไข่ (Follicle) ในรังไข่เจริญเติบโต จากนั้นจะมีไข่เพียง 1 ฟอง ที่พัฒนาเต็มที่ ก่อนเข้าสู่ช่วงไข่ตกเพื่อรอปฏิสนธิ โดยปกติแล้วภาวะไข่สุกจะเกิดขึ้นประมาณ 24–48 ชั่วโมงก่อนที่ไข่จะถูกปล่อยออกมา นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ไข่เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ท่อนำไข่ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการสืบพันธุ์ของเพศหญิง
ช่วงไข่ตก คืออะไร ?
“ไข่ตก” หรือ Ovulation คือช่วงเวลาที่เซลล์ไข่ที่สุกเต็มที่ถูกปล่อยออกจากรังไข่ และเดินทางเข้าสู่ท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิ ทั้งยังเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์สูงที่สุดในรอบเดือน โดยการตกไข่จะเกิดขึ้นราว 14 วันก่อนถึงรอบเดือนครั้งถัดไป ตัวอย่างเช่น หากรอบเดือนมาตามปกติทุก 28 วัน การตกไข่มักเกิดขึ้นในวันที่ 14 ของรอบเดือน แต่หากรอบเดือนสั้นหรือยาวกว่านี้ วันตกไข่อาจเลื่อนตามไปด้วย
เมื่อเปรียบเทียบช่วงไข่สุกกับไข่ตกจะเห็นได้ว่า ช่วงไข่สุกเป็นเพียงการเตรียมพร้อมตามกระบวนการของร่างกาย ในขณะที่ช่วงไข่ตกคือการเริ่มต้นของโอกาสในการปฏิสนธิจริง ๆ โดยช่วงที่ไข่ตกจะมีชีวิตอยู่เพียง 12–24 ชั่วโมง หากไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น ไข่จะสลายไปและร่างกายจะเข้าสู่รอบเดือนใหม่ทันที
สรุปความแตกต่างระหว่างช่วงไข่สุกกับไข่ตก
| ช่วงรอบเดือน | ไข่สุก | ไข่ตก |
| ความหมาย | ช่วงที่ไข่ในรังไข่ที่เจริญเต็มที่ | ช่วงที่ไข่สุกถูกปล่อยออกจากรังไข่ |
| เวลาเกิด | ก่อนตกไข่ 24–48 ชม. | ประมาณ 14 วันก่อนมีประจำเดือนครั้งถัดไป |
| สถานะไข่ | ยังอยู่ในรังไข่ | เคลื่อนเข้าสู่ท่อนำไข่ |
| โอกาสปฏิสนธิ | เริ่มมีโอกาส แต่ยังไม่ใช่โอกาสที่สูงสุด | ช่วงที่มีโอกาสสูงสุดในรอบเดือน |
จากตารางความแตกต่าง จะสามารถสรุปได้ว่าผู้ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ และคาดหวังในผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ควรโฟกัสในช่วงที่มีอาการไข่ตก เพราะเป็นเวลาที่มีโอกาสเกิดการปฏิสนธิได้มากที่สุด
จะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายอยู่ในช่วงไข่ตก ?
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงหลาย ๆ คนที่วางแผนมีบุตร อาจยังไม่แน่ใจว่าช่วงเวลาไข่ตกของตนเองเกิดขึ้นเมื่อไร เบื้องต้นควรเริ่มต้นจากการสังเกตอาการไข่ตก ซึ่งร่างกายจะมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกคุณได้ ดังนี้
อาการไข่ตก
- ปวดหน่วงท้องน้อย : มักปวดข้างเดียว สลับไปตามรังไข่ที่ทำงานในรอบนั้น
- มูกปากมดลูกเปลี่ยนแปลง : จะใส ยืดตัวได้คล้ายไข่ขาวดิบ เพื่อช่วยให้อสุจิเคลื่อนเข้าสู่มดลูกง่ายขึ้น
- อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย : โดยมากเพิ่มประมาณ 0.3–0.5 °C หลังการตกไข่
- คัดตึงเต้านม : เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน
- ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น : เป็นสัญญาณตามธรรมชาติของร่างกายเพื่อเอื้อต่อการตั้งครรภ์
ในขณะเดียวกัน ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก แนะนำให้ใช้การคำนวณช่วงไข่ตกด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อคาดเดาช่วงเวลาและวางแผนการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยที่อาจรบกวนการตกไข่
แม้ร่างกายผู้หญิงจะมีวงจรการตกไข่ที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ก็มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลให้รอบเดือนไม่สม่ำเสมอหรือไม่มีการตกไข่ เช่น
- ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ: ระดับคอร์ติซอลที่สูง อาจไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศ
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป : ภาวะอ้วนหรือผอมเกิน อาจกระทบต่อการผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมการตกไข่
- ความผิดปกติของฮอร์โมน : เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
- อายุ : เมื่ออายุมากกว่า 35 ปี จำนวนและคุณภาพของไข่จะลดลง ส่งผลต่อความสม่ำเสมอในการตกไข่
- การใช้ยาบางชนิด : เช่น ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนบำบัด หรือยารักษาโรคเรื้อรังบางชนิด
วิธีคำนวณช่วงไข่ตก
- นับจากรอบเดือน : หากรอบเดือนสม่ำเสมอ สามารถคำนวณโดยนับถอยหลัง 14 วันจากวันก่อนมีประจำเดือนครั้งถัดไป
- ใช้แอปพลิเคชันติดตามรอบเดือน : การทำงานของแอปฯ รอบเดือน จะช่วยบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบอกช่วงวันไข่ตกที่แม่นยำ อีกทั้งยังมีระบบแจ้งเตือน ทำให้คุณสะดวกสบายและวางแผนได้ง่ายมากขึ้น
- ใช้ชุดตรวจไข่ตก : ตรวจหาฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) ที่เพิ่มขึ้นก่อนการตกไข่ 24–36 ชั่วโมง หรือเข้ารับการตรวจที่สถานพยาบาลเพื่อความแม่นยำสูงสุด
เคล็ดลับเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ในช่วงไข่ตก
- วางแผนมีเพศสัมพันธ์ช่วง 2-3 วันก่อนวันไข่ตก: เพราะอสุจิสามารถมีชีวิตอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้นาน 2-5 วัน ทำให้อสุจิมีโอกาสปฏิสนธิกับไข่สูงขึ้น โดยช่วงไข่ตกมักอยู่กลางรอบเดือน ประมาณ 14 วัน ก่อนมีประจำเดือนในรอบ 28 วัน
- ใช้ชุดตรวจไข่ตก (Ovulation Test Kit): เพื่อตรวจจับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์โดยดูระดับฮอร์โมนลูทิไนซิงในปัสสาวะที่จะเพิ่มขึ้นก่อนการตกไข่ 12-36 ชั่วโมง
- รักษาสุขภาพทั้งฝ่ายหญิงและชาย: รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโฟเลต วิตามินบี 12 แคลเซียม สังกะสี แมงกานีส โปรตีนคุณภาพดี เช่น ผักใบเขียว ผลิตภัณฑ์นม ปลา ถั่ว และหลีกเลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมทั้งลดความเครียด เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์และส่งเสริมความแข็งแรงของไข่และอสุจิ
เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ?
- พยายามมีบุตรเกิน 1 ปี และไม่ประสบผลสำเร็จ (หรือพยายามมีบุตรเป็นระยะเวลา 6 เดือน ในผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี)
- มีรอบเดือนผิดปกติ ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่มีการตกไข่
- มีอาการเจ็บปวดรุนแรงผิดปกติระหว่างการมีรอบเดือน
- เคยมีประวัติการแท้งซ้ำ หรือสงสัยว่ามีภาวะทางการแพทย์ เช่น ถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
สำหรับคู่รักที่ต้องการวางแผนการมีบุตร การเข้าใจความแตกต่างระหว่างไข่สุกกับไข่ตก รวมถึงการสังเกตอาการไข่ตกนั้น ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากพบว่ามีรอบเดือนผิดปกติ ไข่ไม่ตก หรือพยายามมีลูกมานานแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ แนะนำให้เข้ารับการตรวจและประเมินสุขภาพกับทีมแพทย์ด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เราพร้อมให้คำปรึกษา ตั้งแต่การตรวจฮอร์โมน การประเมินภาวะตกไข่ ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น IVF และ ICSI เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs):
Q1: ไข่สุกกับไข่ตกต่างกันอย่างไร?
A: ไข่สุกคือช่วงที่ไข่ในรังไข่เติบโตเต็มที่และพร้อมจะถูกปล่อย ส่วนไข่ตกคือช่วงที่ไข่ถูกปล่อยออกจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิ ซึ่งเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์สูงที่สุดในรอบเดือน
Q2: จะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายอยู่ในช่วงไข่ตก?
A: สามารถสังเกตได้จากอาการ เช่น ปวดหน่วงท้องน้อย มูกปากมดลูกใสและยืดตัวได้คล้ายไข่ขาว อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย คัดตึงเต้านม และมีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยจึงควรใช้ชุดตรวจไข่ตกหรือแอปคำนวณร่วมด้วย
Q3: วิธีคำนวณวันไข่ตกทำอย่างไร?
A: หากรอบเดือนสม่ำเสมอสามารถนับถอยหลัง 14 วันจากวันก่อนมีประจำเดือนครั้งถัดไป หรือใช้แอปติดตามรอบเดือนช่วยคำนวณได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ชุดตรวจไข่ตกเพื่อตรวจหาฮอร์โมน LH ที่จะเพิ่มขึ้นก่อนไข่ตกประมาณ 24–36 ชั่วโมง
Q4: ปัจจัยอะไรบ้างที่อาจทำให้ไข่ไม่ตกตามปกติ?
A: สาเหตุอาจเกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่พอ น้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไป ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) หรืออายุที่มากกว่า 35 ปี ซึ่งทำให้จำนวนและคุณภาพของไข่ลดลง รวมถึงผลจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมน
Q5: ช่วงเวลาไหนเหมาะที่สุดในการมีเพศสัมพันธ์เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์?
A: ควรมีเพศสัมพันธ์ช่วง 2–3 วันก่อนวันไข่ตกและในวันที่ไข่ตก เพราะอสุจิสามารถมีชีวิตอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้ 2–5 วัน การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้ไข่และอสุจิพบกันได้มากที่สุด
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.