เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

Oncofertility การเก็บไข่ก่อนคีโม เพื่อรักษาโอกาสมีลูกในอนาคต

คู่รักปรึกษาเรื่องวางแผนมีลูกกับคุณหมอ

เมื่อพูดถึง “มะเร็ง” หลายคนอาจนึกถึงเรื่องการรักษาเป็นอันดับแรก แต่สำหรับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่วางแผนมีลูกในอนาคต วิธีที่ใช้ในการรักษามะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือการทำคีโม อาจส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นทำให้แนวคิด “Oncofertility” หรือ “การรักษาภาวะเจริญพันธุ์ควบคู่กับการรักษามะเร็ง” กลายเป็นทางเลือกสำคัญที่ผู้ป่วยยุคใหม่ควรให้ความสำคัญ

Oncofertility คืออะไร ?

Oncofertility คือ สาขาหนึ่งของเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ ที่มุ่งเน้นการวางแผนรักษาภาวะเจริญพันธุ์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษา เช่น เคมีบำบัด หรือ รังสีบำบัด ซึ่งอาจทำให้รังไข่เสียหาย ไข่ลดลง หรือส่งผลให้มีบุตรยากในอนาคต การเก็บไข่หรือแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์ จึงเป็นการป้องกันโอกาสในการตั้งครรภ์หลังหายขาดจากโรค

ปรึกษาเรื่องการวางแผนมีบุตรที่ VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

ทำไมต้องเก็บไข่ก่อนคีโม ?

การเก็บไข่ก่อนทำเคมีบำบัดมีความสำคัญอย่างมาก เพราะคีโมสามารถทำลายไข่และทำให้รังไข่เสื่อมเร็วกว่าปกติ ในบางรายอาจส่งผลให้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร หรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เลยหลังจบการรักษา

Infographic เกี่ยวกับความหมายและประโยชน์ของ Oncofertility

ข้อดีของการเก็บไข่ก่อนคีโม

รักษาโอกาสมีลูกในอนาคต

การรักษามะเร็งด้วยคีโมอาจส่งผลเสียต่อรังไข่ ทำให้ไข่ถูกทำลายหรือลดคุณภาพลง จนอาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยาก หรือหมดประจำเดือนก่อนวัย การเก็บไข่ไว้ล่วงหน้าก่อนเริ่มคีโมจึงเป็นเหมือนการวางแผนอนาคต โดยเก็บไข่ในช่วงที่ร่างกายยังแข็งแรงและไข่ยังมีคุณภาพดี ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอนาคตเมื่อพร้อมที่จะตั้งครรภ์

สามารถวางแผนตั้งครรภ์ได้หลังจากหายป่วย

หลังจากการรักษามะเร็งสำเร็จ ผู้หญิงหลายคนยังคงต้องการมีลูก การมีไข่แช่แข็งไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้สามารถวางแผนตั้งครรภ์หลังจากหายดีแล้วได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องพึ่งไข่จากผู้บริจาค หรือกังวลว่ารังไข่จะไม่สามารถผลิตไข่ได้อีก นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ เช่น ICSI เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จสูงขึ้น

ลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากที่เกิดจากการรักษามะเร็ง

การรู้ว่าตนเองมีไข่คุณภาพดีถูกเก็บรักษาไว้ก่อนเข้าสู่การรักษาคีโม จะช่วยลดความเครียดและความกังวลในระหว่างการรักษาโรคได้อย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยวัยเจริญพันธุ์ที่ยังไม่มีลูก การวางแผนนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาภาวะเจริญพันธุ์เท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตในระยะยาวของผู้ป่วยอีกด้วย

การเก็บไข่ก่อนคีโมมีขั้นตอนอย่างไร ?

  1. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง : แพทย์มะเร็งและแพทย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์จะร่วมกันวางแผนรักษา
  2. กระตุ้นไข่ (Ovarian Stimulation) : ใช้ยาฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ประมาณ 10-14 วัน
  3. เก็บไข่ (Egg Retrieval) : เมื่อไข่โตเต็มที่ แพทย์จะทำการเก็บไข่ออกมาผ่านทางช่องคลอด โดยใช้เข็มดูด ภายใต้การดมยาสลบ
  4. แช่แข็งไข่ (Egg Freezing) : ไข่ที่เก็บจะถูกแช่แข็งในอุณหภูมิ -196°C เพื่อรักษาคุณภาพเอาไว้ใช้งานในอนาคต

หมายเหตุ : การเก็บไข่ควรทำก่อนเริ่มคีโม โดยกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

การเก็บไข่ก่อนคีโมเหมาะกับใครบ้าง ?

  • ผู้ป่วยมะเร็งที่ยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ (อายุประมาณ 20-40 ปี)
  • ผู้ป่วยที่ยังไม่มีบุตรหรือวางแผนมีบุตรในอนาคต
  • ผู้ที่รักษาโรคด้วยวิธีที่กระทบต่อระบบสืบพันธุ์ เช่น เคมีบำบัด รังสีรักษา หรือการผ่าตัดอวัยวะสืบพันธุ์

ปรึกษาเรื่องการเก็บไข่ก่อนทำคีโมที่ VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

มีลูกได้จริงไหมหลังเก็บไข่ก่อนคีโม ?

คำตอบคือ “ได้” หากไข่ที่แช่แข็งอยู่ในคุณภาพดี การใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ เช่น ICSI หรือ การปฏิสนธินอกร่างกายโดยฉีดอสุจิเข้าไปในไข่ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรที่แข็งแรงได้ แม้ผู้ป่วยจะผ่านการรักษามะเร็งมาแล้วก็ตาม

คู่รักประสบความสำเร็จในการมีลูกจากการเก็บไข่ก่อนคีโม

ฝากไข่ได้นานแค่ไหน ?

หลายคนที่ตัดสินใจเก็บไข่ก่อนคีโม มักมีคำถามว่า “ฝากไข่ได้นานแค่ไหน ?” โดยทั่วไปแล้วไข่ที่ถูกแช่แข็งด้วยเทคโนโลยี Vitrification จะสามารถเก็บรักษาได้นาน 10-15 ปี หรือมากกว่านั้น โดยคุณภาพของไข่ขึ้นอยู่กับอายุของผู้หญิงขณะเก็บไข่ และเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการแช่แข็งและละลายไข่

ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรพิจารณา

  • การเก็บไข่ก่อนคีโมต้องใช้เวลา จึงควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีหลังทราบว่าต้องรับการรักษา
  • ต้องอาศัยทีมแพทย์ร่วมดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งทีมแพทย์รักษาโรคมะเร็งและทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
  • มีค่าใช้จ่ายที่ต้องวางแผนล่วงหน้า โดยควรสอบถามเกี่ยวกับสิทธิประกันหรือสิทธิผู้ป่วยเฉพาะโรค

การวางแผนเก็บไข่ก่อนการรักษามะเร็ง คือการมองการณ์ไกลเพื่อรักษาความหวังในการมีลูกหลังหายขาดจากโรคร้าย โดยการนำหลัก Oncofertility มาใช้ร่วมกับการรักษาโรคมะเร็ง นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถรักษาทั้งชีวิตและความฝันในการมีครอบครัวในอนาคตได้พร้อมกัน

หากคุณกำลังวางแผนเก็บไข่ก่อนการรักษามะเร็ง หรืออยู่ในช่วงวางแผนชีวิตเพื่อมีลูกในอนาคต VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) พร้อมดูแลคุณ ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเรื่อง Oncofertility โดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ไปจนถึงกระบวนการเก็บไข่ ตรวจตัวอ่อน และฝากไข่ในระยะยาว ด้วยมาตรฐานระดับสากล

บทความโดย แพทย์ศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline: 082-903-2035

LINE Official: @vfccenter

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Q : Oncofertility คืออะไร ?

A : Oncofertility คือศาสตร์ที่ผสานระหว่างเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์กับการรักษาโรคมะเร็ง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยรักษาศักยภาพการมีบุตรของผู้ป่วยวัยเจริญพันธุ์ เช่น การเก็บไข่ก่อนคีโม เพื่อให้สามารถตั้งครรภ์ได้หลังจากหายจากโรค

Q : ทำไมต้องเก็บไข่ก่อนคีโม ?

A : เพราะเคมีบำบัดอาจทำลายรังไข่และลดจำนวนไข่ ส่งผลให้ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นในอนาคต การเก็บไข่ล่วงหน้าจะช่วยรักษาโอกาสในการมีลูกไว้ แม้หลังจากผ่านการรักษามะเร็งแล้ว

Q : ขั้นตอนการเก็บไข่ก่อนคีโมใช้เวลานานแค่ไหน ?

A : โดยทั่วไปกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เริ่มจากการปรึกษาแพทย์ กระตุ้นไข่ด้วยฮอร์โมน เก็บไข่ และแช่แข็งไข่ไว้ในอุณหภูมิต่ำมาก เพื่อรอใช้ในอนาคต

Q : ไข่ที่แช่แข็งไว้ก่อนทำคีโมสามารถเก็บได้นานแค่ไหน ?

A : ไข่ที่แช่แข็งด้วยเทคโนโลยี Vitrification สามารถเก็บไว้ได้ 10-15 ปี หรือมากกว่านั้น หากเก็บในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคุณภาพขึ้นอยู่กับอายุขณะเก็บไข่และเทคนิคที่ใช้

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.