เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

รู้สาเหตุประจำเดือนมาไม่ปกติ สัญญาณเตือนภาวะมีบุตรยาก

ภาพที่สื่อถึงภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ

Table of Contents

สำหรับผู้หญิง การที่ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นสัญญาณของสุขภาพที่ดี และมีสภาวะการเจริญพันธุ์ที่สมบูรณ์ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่ว่าจะมาไม่ตรงเวลา มามากหรือน้อยเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องปกติ แต่คือสัญญาณที่ร่างกายกำลังส่งมาให้เราใส่ใจต่อสุขภาพให้มากขึ้น เพราะปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจเกี่ยวพันกับปัญหาสุขภาพ ทั้งยังบ่งบอกถึงความเสี่ยงของภาวะมีบุตรยากที่ไม่ควรมองข้ามอีกด้วย

ประจำเดือนมาไม่ปกติ คืออะไร?

ประจำเดือนปกติของผู้หญิงแต่ละคนจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้ว รอบประจำเดือนปกติจะมีระยะเวลาอยู่ระหว่าง 21-35 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือน ณ ขณะนั้น ไปจนถึงวันแรกของประจำเดือนครั้งถัดไป ส่วนระยะเวลาที่มีเลือดออกจะอยู่ระหว่าง 3-7 วัน ซึ่งหากรอบเดือนของคุณอยู่ในเกณฑ์นี้ก็ถือว่าเป็นรอบเดือนปกติ

เมื่อไรถึงเข้าข่ายว่าประจำเดือนมาไม่ปกติ?

หากประจำเดือนของคุณเริ่มมีรูปแบบที่แตกต่างไปจากเกณฑ์โดยทั่วไปที่กล่าวมาข้างต้น ก็อาจถือว่าเข้าข่ายประจำเดือนมาไม่ปกติได้ เช่น

  • รอบเดือนสั้นกว่า 21 วัน
  • รอบเดือนยาวกว่า 35 วัน หรือขาดหายไปเป็นเวลานาน
  • รอบเดือนมีปริมาณมากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 1-2 ชั่วโมง หรือมีเลือดออกเพียงเล็กน้อยไม่กี่วัน
  • ระยะเวลาที่มีเลือดออกนานเกิน 7 วัน

สาเหตุของประจำเดือนมาไม่ปกติ

ปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์แตกต่างกันไป โดยแบ่งออกเป็น 3 ปัจจัยหลัก คือ

ปัจจัยทางฮอร์โมน

ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนขาดความสมดุล

ความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมรอบเดือน เมื่อเกิดความไม่สมดุลอาจทำให้รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือบางครั้งอาจทำให้ไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นเลย

ความผิดปกติของไทรอยด์

เนื่องจากต่อมไทรอยด์มีหน้าที่ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย รวมถึงการทำงานของฮอร์โมนเพศ หากเกิดความผิดปกติ เช่น ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป (Hyperthyroidism) หรือน้อยเกินไป (Hypothyroidism) ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรอบประจำเดือนได้

ปัจจัยด้านปัญหาของระบบสืบพันธุ์

ถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)

ถุงน้ำรังไข่หลายใบหรือ PCOS เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ทำให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนและส่งผลต่อการตกไข่ ผู้ที่เป็น PCOS มักจะมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ มีขนดกหนากว่าปกติ น้ำหนักเพิ่ม และอาจมีปัญหาสิวร่วมด้วย

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือ Endometriosis เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตนอกโพรงมดลูก ทำให้เกิดการอักเสบและปวดท้องรุนแรง รวมถึงมีภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ

เนื้องอกหรือซีสต์ในมดลูก

เนื้องอกหรือซีสต์ในมดลูกและรังไข่ก็สามารถรบกวนรอบประจำเดือนได้ ทำให้มีเลือดออกมาก และประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดท้อง หรือไปกดอวัยวะใกล้เคียง

ปัจจัยด้านการใช้ชีวิต

เกิดความเครียดสะสม

ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมน เมื่อมีความเครียดมาก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่อาจรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศ ทำให้ประจำเดือนมาช้าหรือขาดไป

น้ำหนักตัวมากหรือน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ

น้ำหนักตัวที่ผิดปกติ ทั้งอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป สามารถส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนและการทำงานของรังไข่ได้ การออกกำลังกายหนักเกินไปอย่างต่อเนื่องก็อาจทำให้ประจำเดือนหยุดมาชั่วคราวได้เช่นกัน 

ใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมน

การใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมนต่าง ๆ อาจทำให้ประจำเดือนเปลี่ยนแปลงไป บางคนอาจมีประจำเดือนน้อยลง หรือหยุดไปชั่วคราวขณะใช้ยา

นัดหมายสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุประจำเดือนมาไปปกติ และภาวะมีบุตรยากได้ที่นี่ 

อาการร่วมของภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติที่ควรเฝ้าระวัง

นอกจากอาการประจำเดือนมาไม่ปกติแล้ว หากคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่

  • เลือดออกกะปริบกะปรอย ในช่วงที่เป็นรอบเดือน หรือมีเลือดออกระหว่างรอบเดือน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติของฮอร์โมนหรือโครงสร้างในระบบสืบพันธุ์
  • ปวดท้องประจำเดือนรุนแรงผิดปกติ จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจบ่งชี้ถึงภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเนื้องอกในมดลูก

ขาดประจำเดือนติดต่อกันหลายเดือน หากประจำเดือนไม่มานานเกิน 3 เดือนโดยที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อาจเป็นสัญญาณของภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลหรือภาวะมีบุตรยาก

 

ผู้หญิงกำลังเช็กวันเพราะประจำเดือนมาไม่ปกติ

ภาวะแทรกซ้อนและความเสี่ยงต่อสุขภาพ

หากพบว่าประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่ควรปล่อยเอาไว้จนเรื้อรัง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้

ผลต่อภาวะเจริญพันธุ์

ปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่รอบเดือนยาวนานหรือไม่มีการตกไข่ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายมีภาวะเจริญพันธุ์ที่ลดลง ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเป็นไปได้ยากขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะมีบุตรยาก

ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่น ๆ

โรคโลหิตจางจากการเสียเลือดมาก 

สำหรับผู้ที่มีอาการประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือมีเลือดออกนานเกิน 7 วัน ร่างกายจะสูญเสียธาตุเหล็กไปพร้อมกับเลือดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่โรคโลหิตจาง ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้ามืด และเวียนศีรษะได้

ความเสี่ยงต่อมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ในบางกรณีที่ประจำเดือนขาดหายไปเป็นเวลานานโดยไม่มีการตกไข่ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะขาดความสมดุล นำไปสู่การกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น จนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้

การวินิจฉัยเมื่อประจำเดือนมาไม่ปกติ

เมื่อคุณรู้สึกว่าประจำเดือนของตัวเองผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • การซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยแพทย์จะถามเกี่ยวกับรอบเดือน อาการร่วม การใช้ยา น้ำหนัก และระดับความเครียด เพื่อนำไปประกอบการวินิจฉัยเบื้องต้น
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยแพทย์อาจพิจารณาตรวจเลือด เพื่อดูระดับฮอร์โมนต่าง ๆ หรือทำการตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อดูความผิดปกติของมดลูกและรังไข่
  • การส่องกล้องโพรงมดลูก ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีความผิดปกติภายในโพรงมดลูก อาจแนะนำให้ทำการส่องกล้องเพื่อตรวจหาเนื้องอกหรือติ่งเนื้อ

ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุประจำเดือนมาไปปกติ และภาวะมีบุตรยากได้ที่นี่ 

วิธีการดูแลและรักษาภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ

ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ ขึ้นอยู่หลายสาเหตุ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีการรักษาหลัก ๆ มีดังนี้

ปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิต

กรณีที่สาเหตุของภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ มาจากไลฟ์สไตล์ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคือการรักษาที่ดีที่สุด เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การจัดการความเครียด การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และออกกำลังกายแต่พอดี

การใช้ยาและการรักษาทางการแพทย์

หากสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาคุมกำเนิด เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมน หรือรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัด

การรักษาภาวะโรคที่เป็นสาเหตุ

สำหรับกรณีที่เกิดจากโรคทางระบบสืบพันธุ์ เช่น เนื้องอกหรือซีสต์ จำเป็นต้องใช้การรักษาทางการแพทย์เฉพาะทาง เช่น การผ่าตัด เพื่อนำเนื้องอกออก

ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ แบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนอาจเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง แต่หากมีอาการที่เข้าข่ายความผิดปกติเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที

  • ประจำเดือนขาดเกิน 3 เดือนโดยไม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์
  • เลือดออกมากผิดปกติหรือมีอาการเวียนหัว อ่อนเพลีย ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะโลหิตจาง
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรังหรือรุนแรงขึ้น อาการปวดที่เกินกว่าปกติ หรืออาการปวดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ หากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน และยังอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะมีบุตรยาก การใส่ใจสังเกตอาการและการเข้ารับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เราสามารถรู้สาเหตุและวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรในอนาคตได้

สำหรับคนที่ต้องการตรวจหาสาเหตุของการมีบุตรยาก เพื่อวางแผนการรักษา และเพิ่มโอกาสในการมีบุตรอย่างมั่นใจ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลทุกขั้นตอนโดยสูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐานระดับสากล  

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q : ประจำเดือนมาไม่ปกติ หมายถึงอะไร?

A: หมายถึงรอบเดือนที่แตกต่างไปจากเกณฑ์ปกติ (21–35 วัน) เช่น รอบเดือนสั้นกว่า 21 วัน ยาวเกิน 35 วัน มามากผิดปกติจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 1–2 ชั่วโมง มาน้อยเกินไป หรือมีเลือดออกนานเกิน 7 วัน

Q : ประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?

A: สาเหตุหลักแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • ปัจจัยทางฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนไม่สมดุล และไทรอยด์ผิดปกติ 
  • ปัญหาของระบบสืบพันธุ์ เช่น PCOS เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และเนื้องอกหรือซีสต์ 
  • ปัจจัยด้านการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด น้ำหนักตัวผิดปกติ ออกกำลังกายหนักเกินไป และการใช้ยาคุมกำเนิด 

Q : ความเครียดมีผลต่อประจำเดือนอย่างไร?

A : ความเครียดส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่รบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศ ทำให้ประจำเดือนมาช้าหรือขาดไป

Q : ประจำเดือนมาไม่ปกติส่งผลต่อการมีบุตรอย่างไร?

A : ปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่รอบเดือนยาวนานหรือไม่มีการตกไข่ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายมีภาวะเจริญพันธุ์ที่ลดลง ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเป็นไปได้ยากขึ้น

Q : ประจำเดือนมาไม่ปกติ ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?

A : ควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ ดังนี้ 

  • ประจำเดือนขาดเกิน 3 เดือนโดยไม่ตั้งครรภ์ (โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์)
  • เลือดออกมากผิดปกติ หรือมีอาการเวียนหัว อ่อนเพลีย (สัญญาณของภาวะโลหิตจาง)
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรังหรือรุนแรงขึ้น อาการปวดที่เกินกว่าปกติหรืออาการปวดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Q : วิธีการรักษาประจำเดือนมาไม่ปกติทำอย่างไร?

A : ขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยอาจเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้ยาเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมน การรักษาฮอร์โมนบำบัด หรือการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ผ่าตัดเนื้องอกหรือซีสต์

 

บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.