สำหรับคู่รักที่กำลังพยายามมีบุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เผชิญกับภาวะมีบุตรยาก การเฟ้นหาสารอาหารหรือวิตามินที่สามารถช่วยเสริมโอกาสให้การตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จ เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยในบรรดาวิตามินและสารอาหารบำรุงต่าง ๆ ชื่อของ “อิโนซิทอล” (Inositol) มักถูกพูดถึงในฐานะวิตามินบำรุงไข่ให้สมบูรณ์ ดังนั้นเราจะพาไปทำความรู้จักกับสารสำคัญชนิดนี้กันให้มากขึ้น พร้อมแนะนำแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอิโนซิทอล ที่คุณสามารถนำไปดูแลสุขภาพได้
ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center)
อิโนซิทอล คืออะไร ?
อิโนซิทอล (Inositol) คือสารในกลุ่มที่มีคุณสมบัติคล้ายวิตามินบี (Vitamin-like Substance) ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองจากกลูโคส และยังพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว และผักใบเขียว
อิโนซิทอลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของฮอร์โมนหลายชนิดในร่างกาย โดยเฉพาะอินซูลินและฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์โดยตรง จึงทำให้สารชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้มีบุตรยาก เนื่องจากมีผลต่อกระบวนการตกไข่และคุณภาพของไข่ในผู้หญิง
บทบาทของอิโนซิทอลต่อสุขภาพผู้หญิง
อิโนซิทอล (Inositol) คือตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่ต้องการมีลูก โดยมีบทบาทสำคัญดังต่อไปนี้
1. ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
อิโนซิทอลทำหน้าที่คล้ายสารสื่อประสาทที่ช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่อฮอร์โมนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เช่น FSH (Follicle Stimulating Hormone) และ LH (Luteinizing Hormone) ซึ่งเมื่อฮอร์โมนอยู่ในภาวะสมดุล ร่างกายจึงสามารถตกไข่ได้เป็นปกติ
2. ส่งผลดีต่อการตกไข่และคุณภาพของไข่
อีกหนึ่งบทบาทของอิโนซิทอล คือช่วยให้กระบวนการสร้างและพัฒนาของเซลล์ไข่เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ทำให้ไข่มีคุณภาพดีขึ้น มีโอกาสปฏิสนธิและฝังตัวสำเร็จมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้การตกไข่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด
อิโนซิทอลมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) อีกทั้งการทำงานที่ดีขึ้นของอินซูลินยังจะส่งผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การเผาผลาญไขมัน และการทำงานของระบบสืบพันธุ์โดยรวม
อิโนซิทอลกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก
สำหรับผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะที่เกิดจากสาเหตุ PCOS การเสริมสร้างอิโนซิทอล ถือเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ โดยมีประโยชน์ต่อการรักษาภาวะมีบุตรยาก ดังต่อไปนี้
ช่วยเสริมเรื่องสุขภาพให้แก่ผู้ป่วย PCOS
ผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS มักประสบกับปัญหาการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ มีระดับฮอร์โมนเพศชายสูงกว่าปกติ และมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน การเสริมอิโนซิทอลจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ ทำให้การตกไข่กลับมาสม่ำเสมอขึ้น ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลง และความไวต่ออินซูลินดีขึ้น ส่งผลให้โอกาสในการตั้งครรภ์สำเร็จเพิ่มสูงขึ้น
เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
ผู้หญิงที่รับประทานอิโนซิทอลมีโอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับอิโนซิทอล สาเหตุหลักมาจากการที่อิโนซิทอลช่วยบำรุงไข่ให้สมบูรณ์ ทำให้ไข่มีโอกาสปฏิสนธิและพัฒนาเป็นตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพการทำเด็กหลอดแก้ว
สำหรับคู่รักที่กำลังเตรียมตัวรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำ IVF หรือ ICSI การเสริมสร้างร่างกายด้วยสารอิโนซิทอลก่อนเข้ารับการรักษามีแนวโน้มช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จได้ โดยผู้หญิงที่รับประทานอิโนซิทอลจะส่งผลให้ไข่มีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้น ทำให้อัตราการปฏิสนธิสูงขึ้น และมีโอกาสได้ตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีเมื่อเกิดการปฏิสนธิ
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ ที่ VFC Center

แหล่งอาหารที่ช่วยเสริมสร้างอิโนซิทอล
การเสริมสร้างสารอิโนซิทอลเข้าสู่ร่างกายสามารถทำได้ 2 ทาง คือ
แหล่งอาหารธรรมชาติ
สำหรับคนที่ต้องการเสริมสร้างอิโนซิทอลให้แก่ร่างกาย สามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านี้
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์
- ถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ส้มโอ เกรปฟรุต
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม ผักกาดหอม
- เมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ วอลนัต
การรับประทานอาหารที่หลากหลายและมีแหล่งอิโนซิทอลจากอาหารธรรมชาติ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารนี้ในปริมาณพอเหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพทั่วไป อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการใช้อิโนซิทอลเพื่อการรักษาภาวะมีบุตรยากหรือ PCOS อาจจำเป็นต้องได้รับในปริมาณที่สูงกว่าที่ได้จากอาหารธรรมชาติ
อาหารเสริมอิโนซิทอล
อาหารเสริมอิโนซิทอล มีจำหน่ายทั้งในรูปแบบเม็ด แคปซูล และผง โดยรูปแบบที่นิยมใช้ในทางการแพทย์มีอยู่ 2 ชนิดหลัก คือ Myo-inositol ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบมากในธรรมชาติ และ D-chiro-inositol ซึ่งมีบทบาทเฉพาะในการช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ผสม Myo-inositol และ D-chiro-inositol ในอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยทั่วไปคืออัตราส่วน 40:1 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่พบในร่างกายตามธรรมชาติ และมอบผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา PCOS ทั้งยังเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
คำแนะนำในการเสริมอิโนซิทอลให้แก่ร่างกาย
ก่อนเริ่มรับประทานอิโนซิทอลเพื่อเป็นวิตามินบำรุงไข่ให้สมบูรณ์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากเสียก่อน เพราะปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ สภาวะสุขภาพ ความรุนแรงของปัญหา และเป้าหมายของการรักษา
ทั้งนี้ โดยทั่วไป ปริมาณของ Myo-inositol ที่แพทย์มักแนะนำสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหา PCOS จนทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากอยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยให้แบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง และอาจใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
คำแนะนำในการเสริมอิโนซิทอลให้แก่ร่างกาย
แม้ว่าอิโนซิทอลจะเป็นสารอาหารที่ปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกวิธี และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ผู้ใช้ควรให้ความสำคัญ ดังนี้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ในบางรายอาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงแรกของการรับประทาน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืด หรือท้องเสีย อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและจะหายไปเองเมื่อร่างกายปรับตัวได้ แต่หากมีอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรหยุดรับประทานและไปปรึกษาแพทย์
ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
ไม่ควรซื้ออาหารเสริมอิโนซิทอลมารับประทานเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากแพทย์จะสามารถประเมินอาการและกำหนดปริมาณที่เหมาะกับสภาวะของแต่ละคนได้
ข้อควรระวังเฉพาะบุคคล
ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอิโนซิทอลมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาเบาหวานที่ใช้อยู่ นอกจากนี้ ผู้ที่กำลังรับประทานยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มลิเทียม (Lithium) ซึ่งใช้รักษาโรคไบโพลาร์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอิโนซิทอลก็จะดีที่สุด เพราะอาจมีปฏิกิริยาระหว่างกัน
ถึงแม้ว่าการรับประทานอิโนซิทอล จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ แต่ควรทำควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล การจัดการความเครียด และการพักผ่อนให้เพียงพอ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเช่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้อิโนซิทอลแสดงผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาภาวะมีบุตรยาก และกำลังวางแผนตั้งครรภ์ หรือกำลังพิจารณาใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ช่วยในการมีบุตร สามารถเข้ารับคำปรึกษากับสูติ-นรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ได้ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เพื่อวางแผนก่อนตั้งครรภ์อย่างครบถ้วนและปลอดภัยตั้งแต่วันแรก เรายินดีให้คำแนะนำและอยู่เคียงข้างคุณในทุกขั้นตอน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: อิโนซิทอลเหมาะกับใครบ้าง ?
A: อิโนซิทอลเหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS, ผู้ที่มีปัญหาการตกไข่ไม่สม่ำเสมอ, ผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน, คู่รักที่กำลังพยายามมีบุตรหรือกำลังเตรียมตัวทำเด็กหลอดแก้ว รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับสมดุลฮอร์โมนและบำรุงสุขภาพระบบสืบพันธุ์
Q: ควรเริ่มรับประทานอิโนซิทอลตอนไหน หากวางแผนตั้งครรภ์ ?
A: แนะนำให้เริ่มรับประทานอิโนซิทอลล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือนก่อนเริ่มพยายามตั้งครรภ์ เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลของฮอร์โมนและระบบการตกไข่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS หรือมีรอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
Q: อิโนซิทอลสามารถรับประทานร่วมกับกรดโฟลิกได้หรือไม่ ?
A: ได้ โดยแนะนำให้ทานควบคู่กัน เพราะกรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมพัฒนาการของเซลล์ไข่และตัวอ่อน ในขณะที่อิโนซิทอลจะช่วยปรับสมดุลของรังไข่และฮอร์โมน ทั้งสองทำงานเสริมกันเพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในระยะเริ่มต้นของการตั้งครรภ์
Q: หากไม่ได้มีภาวะ PCOS สามารถรับประทานอิโนซิทอลได้หรือไม่ ?
A: สามารถรับประทานได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องการบำรุงไข่ให้สมบูรณ์หรืออยู่ในช่วงวางแผนตั้งครรภ์ เนื่องจากอิโนซิทอลมีคุณสมบัติช่วยให้การทำงานของรังไข่และฮอร์โมนเพศหญิงเป็นไปอย่างสมดุล อย่างไรก็ตาม หากไม่มีปัญหาด้านการตกไข่หรือภาวะมีบุตรยาก ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
Q: รับประทานอิโนซิทอลช่วงเช้าหรือเย็นดีกว่ากัน ?
A: แนะนำให้แบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เพื่อให้ระดับของสารในเลือดคงที่ตลอดวัน ควรรับประทานหลังอาหารเพื่อลดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร และช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.