
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย (Erectile Dysfunction: ED) หรืออวัยวะเพศไม่แข็งตัวเป็นปัญหาที่พบได้ทุกวัย ไม่ใช่แค่วัยสูงอายุ และส่งผลต่อความมั่นใจ ความสัมพันธ์ และสุขภาพโดยรวม แต่ อวัยวะเพศไม่แข็งตัวรักษาได้ หากหาสาเหตุให้ตรงจุดและรับการดูแลอย่างเหมาะสม แนวทางรักษามีตั้งแต่การปรับพฤติกรรม การใช้ยา การบำบัดฮอร์โมน ไปจนถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง โดยควรเริ่มจากพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แล้ววางแผนการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคน
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชายคืออะไร?
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย คือภาวะที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้เต็มที่ หรือแข็งตัวได้ไม่นานพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์อย่างสมบูรณ์ อาการนี้ต่างจากปัญหาชั่วคราวที่เกิดจากความเครียดหรือความเหนื่อยล้า เพราะภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศมักเกิดซ้ำต่อเนื่องและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างชัดเจน
อาการนี้พบได้มากในผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 40 ปี แต่ก็ใช่ว่าผู้ชายวัยหนุ่มจะไม่พบกับภาวะนี้ เพราะพฤติกรรมเสี่ยงและโรคประจำตัวบางอย่างก็เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้เช่นกัน
อาการของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
เมื่อรู้แล้วว่าภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศคืออะไร ขั้นตอนถัดไปคือการสังเกตอาการของตัวเอง เพราะอาการที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนสำคัญ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจได้
สำหรับอาการที่บ่งบอกว่าอาจเข้าข่ายภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ได้แก่
- อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้เลยแม้มีสิ่งเร้าทางเพศ : อวัยวะเพศไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นทางเพศ ซึ่งบ่งชี้ถึงความผิดปกติของหลอดเลือดหรือระบบประสาท
- แข็งตัวได้แต่ไม่นานพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ : การแข็งตัวไม่คงตัว ทำให้การมีเพศสัมพันธ์หยุดชะงัก และส่งผลต่อความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย
- ความต้องการทางเพศลดลง : ฮอร์โมนเพศชายต่ำหรือมีปัญหาทางจิตใจ อาจทำให้ความอยากทางเพศลดลง ร่วมกับการแข็งตัวที่ไม่เต็มที่
- เกิดความเครียดและขาดความมั่นใจ : เมื่อเกิดซ้ำ ๆ ผู้ชายที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จะรู้สึกกดดัน วิตกกังวล และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในอนาคต
มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ? ปรึกษาเพื่อหาแนวทางรักษากับแพทย์จาก VFC Center ได้ที่นี่
สาเหตุของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชายเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่เพียงแค่อายุที่เพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุดังนี้
1. ปัจจัยทางร่างกาย
- เกิดโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ทำให้เส้นเลือดแข็งและตีบตัน ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศไม่เพียงพอ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด ความผิดปกติของระบบหัวใจทำให้การสูบฉีดเลือดลดลง จึงไม่สามารถทำให้เกิดการแข็งตัวที่มีคุณภาพ
- ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ต่ำ ระดับฮอร์โมนที่ต่ำกว่าปกติทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง รวมถึงความต้องการทางเพศหายไป
- ผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาลดความดันหรือยาต้านซึมเศร้า ยาบางชนิดมีผลกระทบต่อระบบประสาทและหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
2. ปัจจัยทางจิตใจและพฤติกรรม
- ความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้สมองไม่สามารถส่งสัญญาณกระตุ้นการแข็งตัวได้เต็มที่
- ปัญหาความสัมพันธ์กับคู่ครอง ความไม่เข้าใจกันหรือแรงกดดันในชีวิตคู่อาจส่งผลต่อจิตใจและทำให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศผิดปกติได้
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายเหนื่อยล้าและระบบฮอร์โมนทำงานไม่สมดุลซึ่งทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง
- การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติด ทำลายระบบประสาทและหลอดเลือด ทำให้ความสามารถในการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลงอย่างชัดเจน
ซึ่งการเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพจะช่วยให้สามารถเลือกแนวทางการรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น
ภาวะหย่อนสมรรถภาพส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?
การละเลยอาการของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย ไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตคู่ แต่ยังเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับสุขภาพโดยรวมอีกด้วย ดังนี้
- สุขภาพร่างกาย : ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชายมักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การมีอาการของภาวะนี้ต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่ร้ายแรงกว่า
- สุขภาพจิต : ผู้ชายที่ประสบปัญหานี้มักรู้สึกกดดันและไม่มั่นใจในตนเอง หากไม่ได้รับการแก้ไขอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
- ความสัมพันธ์คู่รัก : ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชายอาจทำให้เกิดปัญหาทางเพศ เกิดความห่างเหินระหว่างคู่รัก ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว
วิธีการวินิจฉัยภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
การวินิจฉัยเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง แพทย์จะใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อประเมินภาพรวมอย่างครบถ้วน ดังนี้
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย : แพทย์จะสอบถามอาการ การใช้ชีวิต และโรคประจำตัว เพื่อคัดกรองสาเหตุเบื้องต้น
- ตรวจเลือด : ตรวจหาน้ำตาล ไขมัน และระดับฮอร์โมนเพศชาย รวมถึงค่าการทำงานของตับและไต
- ตรวจการไหลเวียนเลือด (Penile Doppler Ultrasound) : ใช้คลื่นเสียงเพื่อตรวจสอบว่าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศมีการอุดตันหรือไม่
- การประเมินด้านจิตใจ : ตรวจสอบว่ามีภาวะซึมเศร้าหรือความเครียดเป็นสาเหตุร่วมด้วยหรือไม่
ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ที่นี่
แนวทางการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
เมื่อหาสาเหตุได้แล้ว แนวทางการรักษาสามารถปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ โดยมีหลายวิธีตั้งแต่การดูแลสุขภาพทั่วไปไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง
1. การปรับพฤติกรรม
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและปรับสมดุลฮอร์โมนให้ดีขึ้น
- ลดหรืองดแอลกอฮอล์และบุหรี่ : แอลกอฮอล์และบุหรี่ทำให้หลอดเลือดเสื่อมและลดคุณภาพการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายลงอย่างมาก
- ควบคุมโรคประจำตัว : ควรควบคุมอาการของโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถฟื้นฟูสมรรถภาพให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
2. การใช้ยา
- ยาที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศ : ยาประเภทนี้ทำงานโดยการขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเข้าสู่อวัยวะเพศได้มากขึ้น ส่งผลให้อวัยวะเพศสามารถแข็งตัวได้ดีขึ้นเมื่อมีสิ่งเร้าทางเพศ
- การบำบัดด้วยฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone Therapy) : ใช้ในกรณีที่ตรวจพบว่าผู้ป่วยมีระดับฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าปกติ ซึ่งส่งผลต่อความต้องการทางเพศและการแข็งตัว โดยแพทย์จะพิจารณาเป็นรายบุคคลเพื่อความปลอดภัยและได้ผลที่เหมาะสม
3. การรักษาอื่น ๆ
- การฉีดยาที่อวัยวะเพศ : การฉีดกระตุ้นการแข็งตัวโดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาแบบเม็ด
- อุปกรณ์สุญญากาศ (Vacuum Device) : ใช้เพื่อดึงเลือดเข้าสู่อวัยวะเพศและคงการแข็งตัวไว้ชั่วคราว
- การผ่าตัดฝังแกนเทียม (Penile Implant) : วิธีสุดท้ายสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น
การป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
แม้ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศจะรักษาได้ แต่การป้องกันย่อมดีกว่า เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้อง โดยการป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศสามารถทำได้ดังนี้
- รักษาสุขภาพกายให้แข็งแรง : รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ตรวจสุขภาพประจำปี : เพื่อค้นหาความเสี่ยง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูงตั้งแต่เนิ่น ๆ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง : เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือใช้สารเสพติด ที่ทำลายระบบหลอดเลือด
- จัดการความเครียดและพักผ่อนเพียงพอ : เพราะสุขภาพจิตที่ดีช่วยสนับสนุนสมรรถภาพทางเพศโดยตรง
ควรพบแพทย์เมื่อใด?
การพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การรักษาได้ผลเร็วและลดความเสี่ยงโรคที่เกิดร่วมกับภาวะนี้ลดลง
- อาการเกิดซ้ำต่อเนื่องนานเกิน 3 เดือน : หากปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์
- ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์ : หากอาการทำให้ขาดความมั่นใจหรือสร้างปัญหากับคู่รัก
- มีโรคประจำตัวร่วม : เช่น โรคเบาหวานหรือความดัน ที่อาจทำให้อาการของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศรุนแรงขึ้น
นัดหมายแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ที่นี่
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชายไม่ใช่เรื่องน่าอายและไม่ใช่โรคที่รักษาไม่ได้ หากทำความเข้าใจสาเหตุและเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง จะสามารถกลับมามีสมรรถภาพและความมั่นใจได้อีกครั้ง
หากคุณกำลังเผชิญปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ไม่ควรรอช้า VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) มีทีมแพทย์พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด เพื่อช่วยฟื้นความมั่นใจและคุณภาพชีวิต รวมถึงการวางแผนครอบครัว และการรักษาภาวะมีบุตรยาก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หย่อนสมรรถภาพทางเพศกับการหลั่งเร็วต่างกันอย่างไร?
A : หย่อนสมรรถภาพคือภาวะที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่เต็มที่ ในขณะที่การหลั่งเร็วคือการที่อวัยวะเพศแข็งตัวได้ปกติ แต่หลั่งเร็วกว่าที่ต้องการ ทั้งสองภาวะอาจเกิดร่วมกันได้ในบางราย
Q: การออกกำลังกายช่วยลดปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้จริงไหม?
A : การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ควบคุมน้ำหนัก และเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งส่งผลดีต่อการลดความเสี่ยงภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
Q: ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยากหรือไม่?
A : ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ไม่ได้ทำให้เชื้ออสุจิผิดปกติ แต่หากไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ ก็ส่งผลต่อโอกาสการตั้งครรภ์ของคู่สมรส ดังนั้นการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จึงเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสมีบุตรได้ในทางอ้อม
Q: ความเครียดจากการทำงานมีผลทำให้เกิดหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้จริงหรือ?
A : ใช่ ความเครียดสะสมส่งผลต่อสมองและระบบฮอร์โมน ทำให้สมองไม่สามารถส่งสัญญาณกระตุ้นการแข็งตัวได้เต็มที่ จึงทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แม้จะไม่มีโรคประจำตัวทางกายก็ตาม
บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.