
แม้ร่างกายจะดูแข็งแรง ประจำเดือนมาเป็นปกติ ไม่มีโรคประจำตัว และไม่มีภาวะผิดปกติทางกายภาพใด ๆ แต่หลายคู่สมรสกลับต้องเจอกับปัญหา “อยากท้องแต่ไม่ท้อง” โดยไม่ทราบสาเหตุ และเพื่อให้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของภาวะนี้ แพทย์อาจให้ความสนใจกับกลไกในระดับจุลภาคที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์หรือผลเลือดทั่วไป ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ แม้สุขภาพภายนอกจะดูปกติ
คู่รักมีลูกยาก ในบางกรณีก็ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุได้ เนื่องจากมีปัจจัยบางอย่างที่ไม่อาจตรวจพบได้จากการตรวจหาความผิดปกติทั่วไป
ไมโครอินฟลามเมชัน (Microinflammation)
ไมโครอินฟลามเมชัน เป็นภาวะการอักเสบระดับต่ำที่มองไม่เห็นด้วยอัลตราซาวนด์ อาจส่งผลต่อการตอบสนองของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะการอักเสบนี้เกิดขึ้นในระดับเซลล์ที่มองไม่เห็นได้ด้วยเครื่องมือปกติ การตรวจไมโครอินฟลามเมชันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการวินิจฉัยสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
ภูมิคุ้มกันแปรปรวน (Immune Dysregulation)
เป็นความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น การทำงานที่มากเกินไปของ NK cell (Natural Killer cells) หรือความไม่สมดุลระหว่าง Th1/Th2 ที่มีความผิดปกติ ทำให้ส่งผลต่อการยอมรับตัวอ่อน โดยเฉพาะในกรณีที่ภูมิคุ้มกันมองว่าตัวอ่อนเป็นสิ่งแปลกปลอมและทำการป้องกัน
ความเครียดจากระดับเซลล์ (Oxidative Stress)
ความเครียดที่เกิดจากการทำงานของเซลล์ (Oxidative Stress) อาจลดคุณภาพของไข่และตัวอ่อน ทำให้กระบวนการฝังตัวของตัวอ่อนไม่สมบูรณ์และอาจเป็นสาเหตุของการแท้งซ้ำซาก ซึ่งปัจจัยนี้ยังไม่สามารถตรวจพบได้ง่ายจากการตรวจเลือดทั่วไป
แนวทางการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำและลึกระดับเซลล์
การตรวจวินิจฉัยที่มีความแม่นยำสูงและเจาะลึกถึงระดับเซลล์ เป็นวิธีการที่สามารถตรวจสอบปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ด้วยกระบวนการเหล่านี้
- ERA Test (Endometrial Receptivity Analysis) คือการทดสอบที่ช่วยประเมินว่าผนังมดลูกพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อนหรือไม่ โดยจะช่วยบ่งบอกว่าเยื่อบุโพรงมดลูกตอบสนองต่อฮอร์โมนได้อย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งการทดสอบนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเลือกเวลาฝังตัวอ่อนของคู่รักมีลูกยาก
- NK Cell Assay และ Cytokine Profiling: การตรวจวัดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของ NK cells ที่อาจรบกวนกระบวนการตั้งครรภ์ ส่วน Cytokine Profiling ใช้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบความสมดุลระหว่างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่ส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน
- Hysteroscope Diagnosis: แนวทางการวินิจฉัยที่ช่วยในการมองเห็น และตรวจสอบโพรงมดลูกอย่างละเอียด โดยใช้วิธีการส่องกล้องผ่านช่องคลอด ซึ่งสามารถตรวจพบความผิดปกติที่อาจขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนได้ เช่น พังผืดในมดลูก หรือตื่งเนื้อในโพรงมดลูก เป็นต้น
นัดหมายแพทย์ด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ เพื่อเข้ารับคำปรึกษาและตรวจวินิจฉัยก่อนมีบุตร
ทางเลือกการรักษาสำหรับผู้ที่มีร่างกายปกติแต่ไม่ท้อง
การทำ ICSI เป็นเทคนิคการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย (In-Vitro Fertilization) ที่ใช้ในการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยมีกระบวนการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง ทำให้การทำ ICSI มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ตอบโจทย์สำหรับคู่รักมีลูกยากในแบบที่อัลตราซาวนด์ไม่พบสาเหตุ
นอกจากนี้ การทำ ICSI ร่วมกับการตรวจวินิจฉัยระดับเซลล์ อย่างการจับคู่ระหว่างการตรวจภูมิคุ้มกัน (NK Cell Assay และ Cytokine Profiling) รวมถึงการประเมินโพรงมดลูกด้วยการส่องกล้อง (Hysteroscopy) จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์ที่มีประวัติการแท้งซ้ำซาก ด้วยเหตุผลดังนี้
- การตรวจ NK Cell Assay และ Cytokine Profiling จะช่วยประเมินความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในโพรงมดลูก และสามารถตรวจจับความผิดปกติที่อาจทำให้ภูมิคุ้มกันต่อต้านตัวอ่อน การทราบข้อมูลนี้จะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาภูมิคุ้มกันได้อย่างเหมาะสม
- การประเมินโพรงมดลูกด้วยการส่องกล้องช่วยตรวจหาความผิดปกติ เช่น พังผืดหรือการอักเสบที่อาจขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน การรักษาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
เหตุผลที่ ICSI เหมาะสำหรับผู้ที่มี “สุขภาพดูปกติแต่ไม่ท้อง”
- สามารถช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากที่ซับซ้อนในระดับเซลล์และภูมิคุ้มกัน โดยการปฏิสนธิจะเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ ลดอุปสรรคจากความไม่สมบูรณ์ของมดลูก
- เหมาะกับกรณีที่ตัวอ่อนฝังตัวลำบากหรือมีความผิดปกติที่ไม่สามารถตรวจพบทั่วไป โดยเฉพาะปัญหาในระดับเซลล์ เช่น ไมโครอินฟลามเมชันหรือภูมิคุ้มกันแปรปรวนอาจไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน
- ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการปฏิสนธิในกรณีที่คุณภาพของอสุจิไม่แข็งแรง โดยการคัดเลือกอสุจิตัวที่สมบูรณ์และฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ
- หากทำร่วมกับการวินิจฉัยเชิงลึกเพื่อวางแผนการรักษา เช่น การใช้ ERA Test, NK Cell Assay, Cytokine Profiling และ Hysteroscopy จะช่วยให้แพทย์เข้าใจถึงปัญหาในระดับเซลล์และภูมิคุ้มกัน จึงช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จให้กับการตั้งครรภ์ได้
สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนทำ ICSI หรือ IVF แต่ไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี ลองเริ่มต้นจากการพูดคุยกับทีมแพทย์ที่เข้าใจปัญหาในมุมที่ลึกกว่าเดิมที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เราพร้อมให้การดูแลด้วยแนวทางเฉพาะบุคคลที่วิเคราะห์ลึกถึงระดับเซลล์ ทั้งด้านฮอร์โมน ภูมิคุ้มกัน และสภาพแวดล้อมของโพรงมดลูก โดยทีมสหแพทย์ด้านการเจริญพันธุ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้สมบูรณ์
บทความโดย แพทย์หญิงนันท์นภัส ปโรสิยานนท์
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.