Telemedicine คือบริการแพทย์ทางไกล เตรียมความพร้อมก่อนรักษา

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่สะดวกและรวดเร็วย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนการมีบุตร หรือต้องการเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine คือทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ความต่อเนื่องของการรักษาได้

Telemedicine คืออะไร ?

ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า Telemedicine คือการให้คำปรึกษา หรือการวินิจฉัยผ่านทางเทคโนโลยีการสื่อสาร เช่น วิดีโอคอล หรือการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลจากแพทย์โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สถานพยาบาล

การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine คือทางเลือกที่เหมาะสำหรับการติดตามอาการ การให้คำแนะนำเบื้องต้น หรือการปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาโรคที่ไม่ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายโดยตรง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องการคำปรึกษาก่อนเดินทางมายังสถานพยาบาล เพื่อการรักษาที่สมบูรณ์ต่อเนื่อง

ความแตกต่างระหว่าง Telemedicine และ Telehealth คืออะไร ?

แม้ว่าคำว่า Telemedicine และ Telehealth ต่างเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพและมักถูกใช้แทนกัน แต่ทั้งสองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้

• Telemedicine จะมุ่งเน้นไปที่การให้บริการทางการแพทย์โดยตรง เช่น การวินิจฉัย การรักษา การสั่งยา และการติดตามอาการของผู้ป่วย โดยแพทย์ หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ผ่านช่องทางออนไลน์
• Telehealth มีขอบเขตที่กว้างกว่า ครอบคลุมบริการด้านสุขภาพทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการให้คำแนะนำด้านสุขภาพทั่วไป การให้ความรู้เกี่ยวกับโรค และการดูแลสุขภาพเบื้องต้น

ทำไม Telemedicine จึงสำคัญสำหรับผู้ป่วยทางไกล ?

สำหรับผู้ป่วยที่อาศัยอยู่นอกกรุงเทพฯ หรือในต่างประเทศ การเข้าถึงบริการทางการแพทย์จากแพทย์ที่ให้การรักษาอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อต้องการรับการรักษาเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีช่วยการมีบุตร ทำให้การรักษาในรูปแบบ Telemedicine คือทางเลือกที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

ลดความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายและเวลา

การเดินทางมาเพื่อปรึกษาแพทย์เบื้องต้นเท่านั้น อาจเป็นการเสียค่าใช้จ่ายและเวลาโดยไม่จำเป็น แต่ด้วยระบบ Telemedicine จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ค่าที่พัก หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การปรึกษาผ่าน Telemedicine ยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถประเมินความเหมาะสมของการรักษา เข้าใจถึงขั้นตอน เพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ช่วยในการเตรียมตัวและเตรียมเอกสารล่วงหน้า

ในการเข้ารับคำปรึกษาผ่าน Telemedicine จะทำให้แพทย์สามารถแนะนำด้านการตรวจเลือดเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอัลตร้าซาวด์ หรือการตรวจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่ก่อนเดินทางมาพบแพทย์ ทำให้การเตรียมตัวเป็นไปอย่างครบถ้วนและสามารถเริ่มขั้นตอนการรักษาได้ทันทีเมื่อเดินทางมาถึงสถานพยาบาล อีกทั้งการเตรียมเอกสารและผลตรวจล่วงหน้านี้ ยังจะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย พร้อมกับช่วยลดเวลาในการรอผลตรวจ ทำให้การรักษารวดเร็วยิ่งขึ้น

ลดความเครียดและความกังวลของผู้ป่วย

การเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปรับการรักษาในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย มักก่อให้เกิดความเครียดและความกังวล แต่การรักษาผ่านระบบ Telemedicine จะช่วยให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเครียด ทั้งยังได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา ค่าใช้จ่าย และการเตรียมตัวล่วงหน้า อีกทั้ง การได้พูดคุยกับแพทย์โดยตรงผ่านวิดีโอคอลยังช่วยสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจ ทำให้ผู้ป่วยมีความพร้อมในการรักษาก่อนการเดินทางมารักษาจริงที่โรงพยาบาล

ข้อดีของ Telemedicine ในการทำ IVF หรือ ICSI

การใช้ Telemedicine ในการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา IVF หรือ ICSI มีข้อดีหลายประการที่จะช่วยให้กระบวนการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางมาเพื่อปรึกษาอย่างเดียว

ผู้ป่วยสามารถนัดหมายและปรึกษาแพทย์ได้ตามเวลาที่สะดวก ไม่ต้องจัดเวลาและงบประมาณสำหรับการเดินทางเพื่อมาปรึกษาครั้งแรก การปรึกษาผ่าน Telemedicine จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับข้อมูลเบื้องต้นที่จำเป็นทั้งหมดก่อนตัดสินใจ

เพิ่มความมั่นใจก่อนเดินทาง เข้าใจขั้นตอนและไม่เสียเวลา

การปรึกษาล่วงหน้าช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจขั้นตอนการรักษาทั้งหมด ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนการรักษา ระยะเวลาที่ต้องใช้ ไปจนถึงการดูแลหลังการรักษา เมื่อเดินทางมาถึงจริง ผู้ป่วยจะรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ทำให้กระบวนการรักษาดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดภาระด้านการเดินทางและที่พัก

การปรึกษาผ่าน Telemedicine ช่วยลดจำนวนครั้งในการเดินทาง ผู้ป่วยไม่ต้องมาปรึกษาหลายครั้งก่อนเริ่มการรักษาจริง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมาก

ลดความเครียดและกังวล เตรียมตัวรอบด้านก่อนเดินทาง

การได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนล่วงหน้า ช่วยลดความไม่แน่นอนและความกังวล อีกทั้งผู้ป่วยยังสามารถเตรียมตัวทั้งทางร่างกายและจิตใจได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการจัดเตรียมเอกสาร การขออนุญาตหยุดงาน และการวางแผนการเดินทางได้อย่างละเอียด

เคล็ดลับการเตรียมตัวก่อน Telemedicine เพื่อการทำ IVF หรือ ICSI ที่สมบูรณ์

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การปรึกษาผ่าน Telemedicine เพื่อเข้ารับการรักษา IVF หรือ ICSI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับประโยชน์สูงสุด

เตรียมผลตรวจทางการแพทย์ล่าสุด

ผู้ป่วยควรเตรียมผลตรวจเลือดล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ ซึ่งควรเป็นการตรวจล่าสุดที่ทำไว้ไม่เกิน 3 เดือน เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง เช่น

• การตรวจ AMH เพื่อประเมินสำรองไข่
• การตรวจ FSH และ LH (Luteinizing Hormone) เพื่อประเมินการทำงานของระบบฮอร์โมน
• การตรวจเลือดทั่วไป (CBC)
• การตรวจไวรัสต่าง เช่น Hepatitis B, Hepatitis C, HIV
• การตรวจน้ำเชื้อ (Semen Analysis)
• การตรวจอัลตร้าซาวด์ของมดลูกและรังไข่ เพื่อประเมินสภาพของอวัยวะสืบพันธุ์

จัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อ

เลือกสถานที่ที่เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เสถียร เนื่องจากการปรึกษาทางการแพทย์ต้องการความปลอดภัยของข้อมูลและการสื่อสารที่ชัดเจน โดยทำการตรวจสอบอุปกรณ์ เช่น กล้องเว็บแคม ไมโครโฟน รวมถึงลำโพงของคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือให้ทำงานได้ดี รวมถึงทดสอบการเชื่อมต่อล่วงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในระหว่างการปรึกษา

เตรียมรายการคำถามที่ต้องการสอบถาม

จดรายการคำถามที่ต้องการสอบถามแพทย์ล่วงหน้า เช่น ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการรักษา ระยะเวลาในการรักษา ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มการรักษา เพื่อให้สามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการสอบถามเกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของการรักษาที่คาดหวังได้ตามสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Telemedicine และการทำ IVF หรือ ICSI

1. Telemedicine คืออะไร ต่างจากแพทย์ออนไลน์ทั่วไปอย่างไร ?

Telemedicine คือการให้บริการทางการแพทย์ที่ครบวงจรผ่านเทคโนโลยี โดยรวมถึงการให้คำปรึกษา การวินิจฉัยเบื้องต้น ไปจนถึงการติดตามอาการของผู้ป่วยผ่านการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ซึ่งต่างจากแพทย์ออนไลน์ทั่วไปตรงที่เป็นการให้บริการที่มีมาตรฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจน มีการบันทึกประวัติการรักษาอย่างเป็นระบบ สามารถเชื่อมต่อกับการรักษาจริงได้อย่างต่อเนื่อง Telemedicine ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Telehealth ที่ครอบคลุมบริการด้านสุขภาพในวงกว้าง

2. Telemedicine ช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จของการทำ IVF หรือ ICSI ได้อย่างไร ?

Telemedicine คือทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของการรักษา IVF หรือ ICSI ผ่านการประเมินสุขภาพเบื้องต้นที่ครบถ้วน โดยแพทย์สามารถวิเคราะห์ผลตรวจและให้คำแนะนำในการปรับปรุงสุขภาพก่อนเริ่มการรักษา ซึ่งการวางแผนขั้นตอนการรักษาล่วงหน้าจะช่วยลดความล่าช้าในการดำเนินการ ทำให้เมื่อผู้ป่วยเดินทางมาถึง สามารถเริ่มกระบวนการรักษาได้ทันที โดยไม่ต้องรอการตรวจเบื้องต้นหรือการเตรียมเอกสาร นอกจากนี้ การที่ผู้ป่วยเข้าใจขั้นตอนการรักษาอย่างชัดเจนล่วงหน้า ยังช่วยลดความเครียดและความกังวล ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จของการรักษาด้วย

3. ผู้ป่วยจากต่างประเทศสามารถใช้ Telemedicine ได้อย่างไร ?

ผู้ป่วยจากต่างประเทศสามารถนัดหมายการปรึกษาผ่าน Telemedicine ได้โดยการติดต่อผ่านเว็บไซต์ของสถานพยาบาล หรือศูนย์ผู้มีบุตรยาก โดยทีมงานจะช่วยประสานงานการนัดหมายให้เหมาะสมกับโซนเวลาของผู้ป่วย โดยก่อนการปรึกษา ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารและผลตรวจที่จำเป็น เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินและให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา การเตรียมตัว และการวางแผนการเดินทางที่เหมาะสมอย่างครบถ้วน

การรับคำปรึกษา เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ เป็นขั้นตอนสำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรให้เป็นไปอย่างราบรื่น หากกำลังมองหาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งครรภ์และการรักษาภาวะมีบุตรยาก VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) พร้อมให้คำปรึกษาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ที่จะช่วยแนะนำการเตรียมตัวก่อนการตั้งครรภ์ ประเมินสุขภาพการสืบพันธุ์ ตรวจสอบความพร้อมของไข่และสเปิร์ม รวมถึงการรักษาภาวะมีบุตรยากเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ พร้อมช่วยให้คุณมั่นใจในทุกขั้นตอนของการสร้างครอบครัวที่สุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง

บทความโดย ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคลินิกมีบุตรยาก VFC Center

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline : 082-903-2035

LINE Official : @vfccenter