
คู่แต่งงานที่กำลังวางแผนครอบครัว และต้องการมีลูกน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ การเตรียมความพร้อมของร่างกายนับว่ามีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน เนื่องจากสารอาหารที่จำเป็นจะช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ได้
แต่นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว การเสริมด้วยวิตามินบำรุงก่อนตั้งครรภ์ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์อีกด้วย
ทำไมจึงควรกินวิตามินเตรียมตั้งครรภ์ ?
เนื่องจากการกินอาหารในชีวิตประจำวัน สารอาหารที่ได้รับอาจไม่เพียงพอต่อการตั้งครรภ์ แต่การกินวิตามินบำรุงก่อนตั้งครรภ์ จะช่วยเสริมให้ร่างกายมีความพร้อมต่อการตั้งครรภ์มากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- สร้างพื้นฐานร่างกายที่แข็งแกร่งสำหรับทารก ในช่วง 3-4 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ทารกจะมีการสร้างและพัฒนาอวัยวะที่สำคัญที่สุด เช่น สมองและไขสันหลังอย่างรวดเร็ว หากร่างกายคุณแม่ขาดสารอาหารที่จำเป็น อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติแต่กำเนิดได้ การได้รับวิตามินที่เพียงพอตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเจริญเติบโตของทารกมีความสมบูรณ์
- เพิ่มคุณภาพของไข่และการฝังตัวอ่อน วิตามินและแร่ธาตุบางชนิดมีส่วนช่วยในการทำงานของฮอร์โมนเพศและส่งเสริมการสร้างไข่ที่มีคุณภาพดี รวมถึงเตรียมความพร้อมของมดลูกให้เหมาะสมกับการฝังตัวอ่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จ
- สะสมสารอาหารเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะมีความต้องการสารอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อหล่อเลี้ยงทั้งตัวคุณแม่เองและทารกที่กำลังเจริญเติบโต การสะสมวิตามินและแร่ธาตุล่วงหน้าจึงเป็นการสร้าง “คลังสารอาหาร” ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ร่างกายมีพร้อมใช้อย่างเพียงพอตลอดการตั้งครรภ์ ลดความเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารของคุณแม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง วิตามินบางชนิด เช่น โฟลิก มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะท่อประสาทไม่ปิดในทารก ซึ่งเป็นความผิดปกติรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์
ควรกินวิตามินบำรุงก่อนตั้งครรภ์ล่วงหน้านานเท่าไร ?
สำหรับวิตามินเตรียมตั้งครรภ์ ควรกินล่วงหน้าอย่างน้อย 1-3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาเพียงพอในการดูดซึม สะสม และปรับระดับสารอาหารต่าง ๆ ให้พร้อมที่สุดสำหรับกระบวนการตั้งครรภ์ที่กำลังจะมาถึง และต่อเนื่องไปในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เป็นอย่างน้อย ทั้งนี้คุณแม่ยังควรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอและเหมาะสมไปตลอดการตั้งครรภ์อีกด้วย
วิตามินบำรุง ที่ควรกินเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์
วิตามินบำรุงก่อนตั้งครรภ์ที่จำเป็นต่อการเตรียมความพร้อมของร่างกายมีหลายชนิด โดยสารอาหารที่ควรกินเป็นหลักมีดังต่อไปนี้
- กรดโฟลิก ควรรับประทาน 400-800 ไมโครกรัมต่อวัน เป็นวิตามินที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวตั้งครรภ์ เพื่อช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบประสาท และสนับสนุนการสร้างดีเอ็นเอ ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ รวมถึงความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ทั้งยังช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและสนับสนุนการแบ่งตัวของเซลล์
- วิตามินบี 6 ควรได้รับ 1.9 มิลลิกรัมต่อวัน มีบทบาทสำคัญในการควบคุมฮอร์โมนและการเผาผลาญโปรตีน ช่วยลดอาการคลื่นไส้ในตอนเช้าและสนับสนุนการทำงานของระบบประสาท
- วิตามินบี 12 ควรรับประทาน 2.8 ไมโครกรัมต่อวัน ทำงานร่วมกับกรดโฟลิกในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและช่วยในการทำงานของระบบประสาท
- วิตามินดี ควรได้รับ 600-800 หน่วยสากลต่อวัน ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จำเป็นต่อการพัฒนาของกระดูกและฟันของทารก อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์
- วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ไข่และสเปิร์มจากการถูกทำลาย ช่วยปรับปรุงคุณภาพของไข่และเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ
- วิตามินซี ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมการดูดซึมเหล็กให้ดียิ่งขึ้น
- เหล็ก ควรรับประทาน 27 มิลลิกรัมต่อวัน ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางและสนับสนุนการขนส่งออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- แคลเซียม ควรได้รับ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน มีความสำคัญต่อการพัฒนากระดูกและฟันของทารก
- โอเมก้า 3 ควรรับประทาน 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยในการพัฒนาสมองและดวงตาของทารก
ตารางอาหารแนะนำสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์
การจัดตารางอาหารสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ควรเน้นความหลากหลายและครบถ้วนของสารอาหารทั้ง 5 หมู่ โดยยกตัวอย่างอาหารที่ควรกินในแต่ละวัน ดังนี้
มื้ออาหาร |
อาหารที่แนะนำ |
มื้อเช้า | ธัญพืชเสริมวิตามิน นมหรือโยเกิร์ต ผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น ข้าวโอ๊ตผสมกล้วยและถั่วอัลมอนด์ พร้อมนมเสริมแคลเซียม |
มื้อกลางวัน | โปรตีนจากปลาหรือเนื้อสัตว์ปีก ผักใบเขียว และข้าวกล้องหรือธัญพืชที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวผัดปลาแซลมอนกับผักรวม |
มื้อเย็น | ผักใบเขียวเข้ม โปรตีนจากเนื้อสัตว์หรือถั่ว และผลไม้ที่มีกรดโฟลิกสูง เช่น แกงจืดผักโขมใส่เต้าหู้ กับข้าวกล้อง |
หากต้องการวางแผนมีบุตรอย่างอุ่นใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินบำรุงก่อนตั้งครรภ์ รวมถึงตรวจสุขภาพเพื่อประเมินสถานะทางโภชนาการอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมในการมีบุตร ยังช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ และมีลูกที่แข็งแรงสมบูรณ์อีกด้วย
สำหรับผู้ที่ดูแลร่างกายและบำรุงด้วยอาหารที่มีประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ด้วยวิธีทางธรรมชาติ สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) ศูนย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากที่ครบวงจร ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีเวชแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยประสบการณ์การรักษาด้วยเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์มากกว่า 15 ปี ให้บริการโดยทีมสูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline : 082-903-2035
LINE Official : @vfccenter

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.