
“ไข่ตั้งต้นน้อย” คำพูดที่เหมือนจะธรรมดา แต่เมื่อหลุดออกมาจากปากคุณหมอ หลายคนที่กำลังวางแผนการมีบุตร คงจะรู้สึกตกใจ เสียใจ และกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นปมปัญหาที่อาจทำให้ความฝันเรื่องการมีลูก ดูไกลออกไปกว่าเดิม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขที่บ่งบอกว่ามีฟองไข่ตั้งต้นน้อย อาจยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเส้นทาง เพราะยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้ และควรเริ่มต้นจากความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อหาแนวทางฟื้นฟูอย่างเหมาะสม
“ไข่ตั้งต้น” คืออะไร และเกี่ยวอะไรกับโอกาสในการตั้งครรภ์?
ไข่ตั้งต้น หรือ Antral Follicle Count (AFC) คือจำนวนฟองไข่เล็กในรังไข่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยอัลตราซาวนด์ ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดปริมาณไข่สำรองในรังไข่ของผู้หญิงแต่ละคน การนับจำนวนฟองไข่นี้ช่วยให้แพทย์เข้าใจถึงสภาพความพร้อมของรังไข่สำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคต
ทำไมแพทย์ใช้ตัวเลขนี้ประเมินภาวะเจริญพันธุ์?
แพทย์มักใช้ AFC ร่วมกับการตรวจฮอร์โมน AMH (Anti-Mullerian Hormone) เพื่อประเมินภาวะเจริญพันธุ์อย่างแม่นยำ ตัวเลข AFC จะบอกปริมาณฟองไข่ตั้งต้น ขณะที่ AMH ช่วยสะท้อนความสามารถของรังไข่ในการตอบสนองต่อฮอร์โมนกระตุ้น การประเมินสองตัวนี้ร่วมกันช่วยให้แพทย์วางแผนการมีบุตร และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกระตุ้นไข่หรือเก็บไข่ล่วงหน้าได้
ไข่ตั้งต้นน้อย = โอกาสมีลูกน้อยลง จริงไหม?
เมื่อได้ยินคำว่าไข่ตั้งต้นน้อย หลายคนอาจกังวลว่าปริมาณไข่ที่ลดลงจะหมายถึงโอกาสตั้งครรภ์ลดลง แต่ความจริงคือ ไข่ตั้งต้นน้อยบ่งบอกเพียงปริมาณไข่ที่มีอยู่ ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพของไข่ลดลงไปทั้งหมด เพราะท้ายที่สุดแล้ว คุณภาพของไข่จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโอกาสตั้งครรภ์มากกว่าแค่จำนวนของไข่ที่ตรวจพบ
ปัจจัยที่ทำให้มีฟองไข่ตั้งต้นน้อย หรือลดลง
การมีไข่ตั้งต้นน้อยหรือมีปริมาณลดลงกว่าที่ควรจะเป็น อาจเกิดได้จากปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลต่อรังไข่และปริมาณไข่ของผู้หญิง ดังนี้
- อายุที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยหลักที่ควบคุมไม่ได้ และส่งผลอย่างมากต่อจำนวนและคุณภาพของไข่ (Oocyte, Follicle) ในผู้หญิง โดยจะลดลงตามธรรมชาติ ซึ่งจะเริ่มลดเร็วขึ้นหลังอายุ 30 ปี และลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเกิน 35 ปี
- ภาวะทุพโภชนาการ รับสารอาหารไม่ครบหรือไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อกระบวนการสร้างและการพัฒนาของฟองไข่ โดยเฉพาะโปรตีนและวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินดี, สังกะสี ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะลดปริมาณฟองไข่แล้ว ยังกระทบต่อคุณภาพของไข่ได้อีกด้วย
- อนุมูลอิสระและสภาพแวดล้อม เซลล์ไข่ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญและปัจจัยภายนอก เช่น มลพิษ อาหารไม่เหมาะสม ทำให้ไข่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย เป็นภาวะที่รังไข่ไม่สามารถสร้างไข่ได้แม้ยังมีอายุน้อย ส่งผลให้จำนวนไข่ตั้งต้นลดลงกว่าค่ามาตรฐานในวัยเดียวกัน
- พฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ความเครียดเรื้อรัง การนอนน้อย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นปัจจัยภายนอกด้านพฤติกรรม ที่ส่งผลให้จำนวนฟองไข่ลดลงได้อย่างชัดเจน
แนวทางรับมือกับปัญหาไข่ตั้งต้นน้อย พร้อมเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาไข่ตั้งต้นน้อย มีความกังวลด้านคุณภาพและปริมาณฟองไข่ที่อาจกระทบต่อเปอร์เซ็นต์ในการตั้งครรภ์ นี่คือแนวทางปฏิบัติ 3 ประการ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อย่างเหมาะสม
- พบแพทย์ผู้ชำนาญการด้านภาวะการเจริญพันธุ์: ควรเริ่มจากการเข้ารับคำปรึกษา โดยแพทย์จะทำการตรวจประเมินสุขภาพโดยรวม, ตรวจระดับฮอร์โมน และอัลตราซาวนด์เพื่อประเมินจำนวนไข่สำรอง (Ovarian Reserve) รวมถึงหารูปแบบการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
- การปรึกษาเรื่องการกระตุ้นไข่หรือการเก็บไข่: หากแพทย์ประเมินแล้วว่าจำนวนไข่ตั้งต้นน้อย แต่ยังมีคุณภาพดี แพทย์อาจแนะนำการกระตุ้นไข่เพื่อเก็บไข่ (Egg Freezing) ไว้ใช้ในอนาคต ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกและลดความกดดันด้านเวลาในการตั้งครรภ์ หรืออาจจะมีการกระตุ้นไข่เพื่อนำไปผสมกับอสุจิในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นต้น
- ปรับพฤติกรรมเพื่อส่งเสริมภาวะเจริญพันธุ์: การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันมีผลอย่างมากต่อคุณภาพของไข่และสุขภาพโดยรวม เช่น
- ปรับโภชนาการ: ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักใบเขียว, ผลไม้, โปรตีนคุณภาพดี และกรดไขมันจำเป็น (Omega-3) รวมถึงการรับประทานวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นตามคำแนะนำของแพทย์
- การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระดับปานกลาง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและรักษาสมดุลของฮอร์โมน
- การจัดการความเครียด: ความเครียดส่งผลเสียต่อการทำงานของฮอร์โมน การฝึกโยคะ, นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
3 แนวทางการรักษา ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก
1. การฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI)
เป็นวิธีการรักษาแบบพื้นฐาน โดยแพทย์จะคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดและฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรงในช่วงเวลาที่ไข่ตกตามธรรมชาติ เพื่อเพิ่มโอกาสที่อสุจิจะเข้าปฏิสนธิกับไข่ วิธีนี้เหมาะสำหรับคู่รักที่ฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับอสุจิเล็กน้อย เช่น จำนวนอสุจิไม่ต่ำมาก หรือการเคลื่อนไหวผิดปกติไม่รุนแรง และฝ่ายหญิงยังคงมีท่อนำไข่ที่ทำงานได้ปกติ
2. การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีโอกาสสำเร็จสูง โดยแพทย์จะทำการกระตุ้นไข่เพื่อให้ได้ไข่จำนวนมากขึ้น จากนั้นนำไข่ออกมาปฏิสนธิกับอสุจิในห้องปฏิบัติการ เมื่อเกิดเป็นตัวอ่อนแล้วจึงย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกของผู้หญิง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องจำนวนไข่หรือคุณภาพไข่, ท่อนำไข่ตัน, หรือมีปัญหาเรื่องอสุจิ
>3. การทำอิ๊กซี่ (ICSI)
เป็นการต่อยอดจากการทำ IVF โดยแพทย์จะทำการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวและฉีดเข้าไปในไข่โดยตรงเพื่อช่วยให้เกิดการปฏิสนธิอย่างแม่นยำ จากนั้นจึงนำตัวอ่อนที่ได้กลับเข้าสู่โพรงมดลูก วิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องอสุจิไม่แข็งแรง, มีจำนวนอสุจิน้อยมาก หรือในกรณีที่การปฏิสนธิแบบปกติไม่ประสบความสำเร็จ
การรู้ว่า “ฟองไข่ตั้งต้นน้อย” อาจทำให้รู้สึกกังวล แต่ไม่ควรปล่อยให้ภาวะดังกล่าว กลายเป็นคำตัดสินอนาคตการมีลูกของคุณและคนรัก ร่วมแก้ไขและวางแผนสู่การมีบุตรอย่างอุ่นใจไปกับ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center)
เข้ารับคำปรึกษาและตรวจประเมินภาวะมีบุตรยากอย่างแม่นยำ พร้อมดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจเช็กฮอร์โมนสำคัญ เช่น AMH (Anti-Mullerian Hormone), FHS, LH, E2 และอัลตราซาวนด์รังไข่แบบละเอียด เพื่อประเมินคุณภาพไข่แบบองค์รวม ก่อนวางแผนการตั้งครรภ์ให้เหมาะสม ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ด้านภาวะการเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์ และการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ให้แก่คุณ
บทความโดย แพทย์หญิงนันท์นภัส ปโรสิยานนท์
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.