เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

เชื้อ HPV กับการวางแผนตั้งครรภ์ สำคัญต่อสุขภาพแม่-ทารกยังไง

ชื้อ HPV อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์โดยเพิ่มความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และอาจติดต่อถึงทารกขณะทำคลอด

การวางแผนตั้งครรภ์ไม่ได้หมายถึงเพียงการเลือกเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่รวมถึงการเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการเป็นแม่ด้วย การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าร่างกายพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรอย่างปลอดภัย ซึ่งหนึ่งในการตรวจที่สำคัญแต่มักถูกมองข้าม คือ การตรวจหาเชื้อ HPV ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพแม่และลูกได้ ดังนั้นการรู้จักและเข้าใจเรื่องเชื้อ HPV จึงเป็นก้าวแรกของการวางแผนตั้งครรภ์อย่างรอบคอบ

1. เชื้อ HPV คืออะไร และเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์อย่างไร

1.1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเชื้อ HPV

Human Papillomavirus หรือ HPV เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสผิวหนังต่อผิวหนัง โดยเฉพาะในบริเวณอวัยวะเพศ การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งทางช่องคลอด ทางปาก และทางทวารหนัก และอาจเกิดขึ้นได้แม้ไม่มีการสอดใส่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากไวรัสสามารถถ่ายทอดผ่านการสัมผัสผิวหนังในบริเวณอวัยวะเพศได้ 

และแม้ว่าเชื้อ HPV จะมีมากกว่า 200 ชนิด แต่มีเพียงประมาณ 40 ชนิดเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักตามระดับความเสี่ยง ได้แก่

  • กลุ่มความเสี่ยงต่ำ (Low-risk) ที่อาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ (Genital Warts)
  • กลุ่มความเสี่ยงสูง (High-risk) ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเซลล์ที่ผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก

สถิติจากงานวิจัยของ Pandey และคณะ (2019) หัวข้อ Infectious Diseases in Obstetrics and Gynecology – Human Papillomavirus (HPV) Infection in Early Pregnancy: Prevalence and Implications ในวารสาร Infectious Diseases in Obstetrics and Gynecology แสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ (20-35 ปี) มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ HPV และพบว่าอัตราการติดเชื้อ HPV ในหญิงตั้งครรภ์นั้นสูงถึง 39.4%  

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้เองในกรณีส่วนใหญ่ภายใน 1-2 ปี แต่สำหรับสตรีที่มีการติดเชื้อแบบถาวร อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อการพัฒนาเป็นโรคร้ายแรงในภายหลัง ด้วยเหตุนี้ การตรวจสุขภาพก่อนวางแผนการมีบุตรจึงเป็นโอกาสสำคัญในการคัดกรองและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์

1.2 ผลกระทบของเชื้อ HPV ต่อการตั้งครรภ์

ระหว่างการตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนลงอาจทำให้เชื้อ HPV มีการติดค้างในร่างกายนานขึ้น ผลจากการติดเชื้อนี้อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ โดยเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การคลอดก่อนกำหนด การแตกของถุงน้ำคร่ำก่อนเวลาอันควร รวมไปถึงการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ที่ช้ากว่าปกติ

สำหรับการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก แม้ว่าโอกาสที่ทารกจะติดเชื้อจากแม่นั้นไม่สูงมาก แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ระหว่างการคลอดผ่านทางการสัมผัสกับเชื้อไวรัส โดยหากเกิดการติดเชื้อขึ้นทารกอาจเกิดภาวะที่เรียกว่า “หูดในทางเดินหายใจ” ซึ่งสามารถขัดขวางการหายใจและต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง 

2. ทำไมต้องตรวจ HPV ก่อนวางแผนตั้งครรภ์

2.1 ป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์

  • หลีกเลี่ยงการรักษาที่อาจส่งผลต่อทารก การตรวจ HPV ก่อนตั้งครรภ์ช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลกระทบต่อลูกน้อย เนื่องจากหากพบความผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ ตัวเลือกการรักษาจะมีข้อจำกัดมากขึ้น และบางวิธีอาจไม่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
  • ลดความกังวลและความเครียดระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อทราบสถานะ HPV ล่วงหน้า คุณแม่จะรู้สึกสบายใจมากขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ การได้รับการติดตามและดูแลอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความกังวลที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและการพัฒนาของทารก
  • การวางแผนการดูแลที่เหมาะสมล่วงหน้า แพทย์สามารถวางแผนการดูแลที่เฉพาะเจาะจงได้ตั้งแต่เริ่มต้น รวมถึงการกำหนดตารางตรวจตามครรภ์ที่เหมาะสม และการเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดที่ปลอดภัยที่สุด

2.2 โอกาสในการรักษาที่เหมาะสม

  • เลือกวิธีรักษาที่หลากหลายก่อนตั้งครรภ์ ช่วงก่อนตั้งครรภ์มีตัวเลือกการรักษาที่หลากหลาย เช่น การแช่แข็ง การใช้เลเซอร์ การใช้สารเคมี หรือการผ่าตัดเล็ก โดยแพทย์และผู้ป่วยสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของทารก
  • ระยะเวลาในการติดตามผลการรักษา การรักษาก่อนตั้งครรภ์ให้เวลาเพียงพอในการติดตามผลการรักษาและแน่ใจว่าการรักษาประสบผลสำเร็จ ซึ่งโดยปกติจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการตรวจยืนยันการหายของโรค
  • การสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน วัคซีน HPV สามารถฉีดได้อย่างปลอดภัยก่อนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อประเภทใหม่ วัคซีนจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและให้การป้องกันระยะยาว แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาเชื้อที่มีอยู่แล้วได้

2.3 การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

  • ตรวจสุขภาพครอบคลุมระบบสืบพันธุ์ การตรวจ HPV เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพระบบสืบพันธุ์โดยรวม ซึ่งรวมถึงการตรวจมะเร็งปากมดลูก การตรวจหาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ และการประเมินความพร้อมของระบบสืบพันธุ์
  • ปรับสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ การมีข้อมูลสุขภาพที่สมบูรณ์ช่วยให้สามารถปรับสภาพร่างกายให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนตั้งครรภ์ ทั้งในด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการจัดการปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

ารตรวจเชื้อ HPV เป็นหนึ่งในรายการตรวจสุขภาพที่ควรตรวจเมื่อวางแผนตั้งครรภ์

3. การตรวจสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ HPV

3.1 วิธีการตรวจเชื้อ HPV

การตรวจหาเชื้อ HPV มีหลายวิธี โดยวิธีหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ การตรวจ Pap Smear ร่วมกับ HPV DNA Test โดยที่

  • การตรวจ Pap Smear เป็นการเก็บเซลล์จากปากมดลูกเพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ 
  • การตรวจ HPV DNA Test จะตรวจหา DNA ของไวรัส HPV โดยตรง

สำหรับผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไปศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) แนะนำให้ทำการตรวจทั้งสองอย่างร่วมกัน เนื่องจากในวัยนี้การติดเชื้อที่เป็นแบบถาวรมีโอกาสสูงกว่า และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ร้ายแรงได

3.2 การตีความผลการตรวจ

ผลการตรวจ HPV อาจแสดงเป็น “พบเชื้อ” หรือ “ไม่พบเชื้อ” หากพบเชื้อ จะระบุชนิดของ HPV ว่าเป็นกลุ่มความเสี่ยงสูงหรือต่ำ สำหรับผลการตรวจ Pap Smear จะแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ปกติ ผิดปกติเล็กน้อย จนถึงผิดปกติมาก

หากผลการตรวจแสดงความผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น Colposcopy ซึ่งเป็นการใช้กล้องขยายพิเศษตรวจดูปากมดลูกอย่างละเอียด หรือการเก็บชิ้นเนื้อเพื่อตรวจวิเคราะห์เพิ่มเติม

การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อวางแผนการติดตามหรือการรักษาที่เหมาะสม โดยจะพิจารณาจากประเภทของเชื้อ HPV และระดับความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลง รวมถึงอายุ และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ

4. แนวทางการดูแลตนเองในระหว่างวางแผนตั้งครรภ์ 

4.1 การป้องกันการติดเชื้อ HPV

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงยางอนามัย การมีคู่ครองคนเดียว และการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด เพราะอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

4.2 การเตรียมร่างกายให้พร้อม

รับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน โดยเฉพาะผักผลไม้ที่อุดมด้วยแอนติออกซิแดนต์ เริ่มทานกรดโฟลิกก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน ออกกำลังกายเบา ๆ สม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

5. คำแนะนำสำหรับคู่รักที่วางแผนมีบุตร

5.1 การตรวจสุขภาพร่วมกัน

แม้ว่าผู้ชายจะไม่สามารถตรวจ HPV ได้โดยตรง แต่การเข้าใจเรื่องการติดเชื้อร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะผู้ชายอาจเป็นพาหะโดยไม่แสดงอาการ การสื่อสารเรื่องสุขภาพอย่างเปิดเผยและการตรวจสุขภาพประจำปีร่วมกันจะช่วยให้การวางแผนมีบุตรปลอดภัยยิ่งขึ้น

5.2 การวางแผนระยะยาว

ควรกำหนดเวลาที่เหมาะสมโดยพิจารณาสุขภาพ ความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงสถานการณ์ส่วนตัว ตลอดจนติดตามสุขภาพอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งการสร้างนิสัยดูแลสุขภาพที่ดีเป็นการลงทุนระยะยาวสำหรับครอบครัว

การตรวจหาเชื้อ HPV ก่อนวางแผนตั้งครรภ์ไม่ใช่เพียงการป้องกันโรคเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในอนาคต การตรวจสุขภาพที่ครอบคลุมและการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าจะช่วยให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่น ลดความกังวลและความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น อย่าลืมปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ เพราะการดูแลสุขภาพที่ดีในวันนี้ คือของขวัญที่ดีที่สุดที่คุณจะมอบให้ลูกน้อยและครอบครัว

ที่คลินิกมีลูกยาก VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) มีทีมแพทย์ที่พร้อมให้การดูแลแบบครอบคลุม ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อ HPV การตรวจคัดกรองที่แม่นยำ ไปจนถึงการวางแผนการมีบุตรที่เหมาะสมกับแต่ละคู่ เพราะเราเชื่อว่าการเริ่มต้นที่ดีจะนำไปสู่การเดินทางสู่การสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์

 

บทความโดย แพทย์หญิงนันท์นภัส ปโรสิยานนท์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

A doctor will tell you the treatments for a blighted ovum

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.