เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

Prolactin คืออะไร ? ฮอร์โมนสำคัญที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์

การตรวจสอบค่าโปรแลคตินสูงว่าเกิดจากอะไร

หลายคู่รักที่วางแผนมีบุตร มักให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่มักอาจถูกมองข้ามไป คือการควบคุมระดับ “ฮอร์โมนโปรแลคติน” ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบสืบพันธุ์ เนื่องจากหากฮอร์โมนประเภทนี้มีระดับที่สูงกว่าปกติ อาจส่งผลต่อความผิดปกติของการตกไข่ ทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้น และแม้ว่าภาวะโปรแลคตินสูงจะไม่ใช่สาเหตุที่พบได้บ่อยของภาวะมีบุตรยาก แต่ก็เป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม การทำความเข้าใจว่า โปรแลคตินสูงเกิดจากสาเหตุใด และควรมีแนวทางดูแลอย่างไร เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้สำเร็จได้อย่างมั่นใจ

โปรแลคตินสูงมีลูกได้ไหม มารู้จักฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์

โปรแลคติน (Prolactin) คืออะไร?

โปรแลคตินคือฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า มีหน้าที่หลักในการกระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนมหลังคลอด ซึ่งระดับโปรแลคตินจะสูงในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตรตามธรรมชาติ แต่หากระดับโปรแลคตินสูงในช่วงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ จะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน FSH (Follicle Stimulating Hormone) และ LH (Luteinizing Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่กระตุ้นการทำงานของรังไข่ ทำให้ไข่ไม่ตก และส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ได้

ระดับโปรแลคตินปกติ

  • ผู้หญิง : ประมาณ 15-25 ng/mL (หรือไม่เกิน 25 mcg/L) โดยระดับอาจแปรผันตามรอบเดือน
  • ผู้ชาย : ปกติจะต่ำกว่าผู้หญิง โดยไม่เกิน 20 mcg/L

โปรแลคตินสูง เกิดจากอะไร?

ภาวะโปรแลคตินสูงสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้

สาเหตุทางพยาธิวิทยา

  • เนื้องอกต่อมใต้สมอง (Prolactinoma) ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
  • โรคไทรอยด์ โดยเฉพาะภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism)
  • ภาวะไตวายเรื้อรังที่ลดการกรองโปรแลคติน

สาเหตุจากพฤติกรรมหรือปัจจัยชั่วคราว

  • ความเครียดสูง
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ
  • การออกกำลังกายหนักเกินไป
  • การกระตุ้นหรือบีบเต้านม
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านซึมเศร้า ยารักษาโรคความดันโลหิต หรือยาต้านอาการคลื่นไส้บางชนิด

ภาวะโปรแลคตินสูง อาการเป็นอย่างไร?

อาการของภาวะโปรแลคตินสูงจะแตกต่างกันไปตามเพศและระดับฮอร์โมน โดยทั่วไปจะพบในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์มากที่สุด สำหรับอาการที่พบบ่อยได้แก่

  • ประจำเดือนผิดปกติ เช่น ประจำเดือนไม่มา หรือมีประจำเดือนน้อยลง
  • ประจำเดือนขาด 
  • มีน้ำนมไหลออกจากเต้านมโดยไม่ได้ตั้งครรภ์ (Galactorrhea)
  • เกิดภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากไข่ไม่ตกหรือการตกไข่ผิดปกติ
  • ช่องคลอดแห้ง รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
  • ความต้องการทางเพศลดลง

อาการในผู้ชายที่พบได้ เช่น

  • สมรรถภาพทางเพศลดลง
  • ความต้องการทางเพศลดลง
  • มีน้ำนมไหลออกจากหัวนม (อาจพบได้น้อยในผู้ชาย เนื่องจากเนื้อเยื่อเต้านมไม่ได้รับการกระตุ้นจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเหมือนในผู้หญิง )
  • ผลิตอสุจิผิดปกติหรือได้น้อย

โปรแลคตินสูง มีลูกได้ไหม?

คำตอบคือ “สามารถมีลูกได้” แต่ต้องรักษาให้ระดับโปรแลคตินกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติก่อน เนื่องจากฮอร์โมนนี้มีผลโดยตรงต่อการทำงานของรังไข่ การตกไข่ และการมีรอบเดือนปกติ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจลดโอกาสในการตั้งครรภ์ หรือทำให้เสี่ยงแท้งในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ได้

สำหรับผู้ชาย การมีระดับโปรแลคตินสูงอาจทำให้คุณภาพของอสุจิลดลง และส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งล้วนมีผลต่อโอกาสในการมีบุตรเช่นกัน

คู่รักสอบถามแพทย์ว่า โปรแลคตินสูง มีลูกได้ไหม พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเอง

แนวทางการรักษาและดูแลเมื่อโปรแลคตินสูง

การรักษาภาวะโปรแลคตินสูงขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ โดยสามารถแบ่งเป็นแนวทางหลัก ๆ ดังนี้

1. รักษาตามสาเหตุที่ตรวจพบ

  • เนื้องอกต่อมใต้สมอง (Prolactinoma) : ใช้ยากลุ่มโดปามีนอะโกนิสต์ (Dopamine Agonists) เช่น Bromocriptine หรือ Cabergoline ซึ่งช่วยลดระดับโปรแลคตินและขนาดเนื้องอกได้ดี กรณีที่ยาไม่ได้ผลหรือเนื้องอกมีขนาดใหญ่ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือฉายแสง
  • โรคไทรอยด์ : หากเกิดจากภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ ควรรักษาด้วยฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน
  • ผลข้างเคียงจากยา : หากโปรแลคตินสูงจากการใช้ยา แพทย์จะพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือหยุดยาที่เป็นสาเหตุ
  • ภาวะไตวายเรื้อรัง : รักษาตามอาการของโรคไตที่เป็นอยู่

2. การดูแลตัวเองและติดตามอาการ

    • ลดความเครียด : ความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้นให้โปรแลคตินสูง ควรหาวิธีผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ
    • นอนหลับให้เพียงพอ : การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ควรพักผ่อนให้เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงการกระตุ้นเต้านมโดยไม่จำเป็น
  • สังเกตอาการผิดปกติ : เช่น ประจำเดือนผิดปกติ น้ำนมไหลโดยไม่ได้ตั้งครรภ์ หรืออาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

3. การติดตามผลและการวางแผนมีบุตร

  • ตรวจวัดระดับโปรแลคตินซ้ำ : เพื่อติดตามผลการรักษาและปรับแผนหากจำเป็น
  • ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการมีบุตร : เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
  • วางแผนการตั้งครรภ์ : เมื่อระดับโปรแลคตินกลับสู่ปกติ โอกาสตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้น ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงเตรียมตัวมีบุตร

แม้ฮอร์โมนโปรแลคตินจะเป็นหนึ่งในหลายฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับภาวะเจริญพันธุ์ แต่หากมีระดับสูงผิดปกติ ก็อาจกลายเป็นอุปสรรคในการตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การตรวจระดับฮอร์โมนจึงเป็นขั้นตอนสำคัญของการวางแผนมีบุตร หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล การปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการกับศูนย์ผู้มีบุตรยากคือทางเลือกที่ดีที่สุด

VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) พร้อมดูแลและให้คำแนะนำในการรักษาภาวะมีบุตรยากอย่างใกล้ชิด ช่วยให้คุณวางแผนมีบุตรได้อย่างอุ่นใจ ด้วยทีมแพทย์ที่สามารถวินิจฉัยภาวะต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด และวางแผนการรักษาให้เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ เพื่อให้คุณเข้าใกล้ความฝันของการมีลูกอย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกขั้นตอน

 

บทความโดย นายแพทย์วรวัฒน์ ศิริปุณย์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

Book a consultation with Dr. Worawat Siripoon at our infertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.