อาการเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis) เป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ทั้งยังจะส่งผลต่อการทำ IVF หรือ ICSI ที่ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะนี้และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยฟื้นฟูให้โพรงมดลูกกลับมาแข็งแรงและพร้อมต่อการตั้งครรภ์ ทั้งยังเป็นการเตรียมตัวก่อนทำ IVF หรือ ICSI เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้ตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
1. สาเหตุของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis) คืออะไร?
เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ หรือที่เรียกว่า Endometritis คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบที่เยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมักจะเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอดหรือจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ยังอาจส่งผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก และทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายจากช่องคลอดหรือปากมดลูกขึ้นไปยังโพรงมดลูก โดยสาเหตุที่พบบ่อยได้แก่
- การติดเชื้อหลังขั้นตอนทางการแพทย์ เช่น การคลอดบุตร การแท้ง การขูดมดลูก การใส่ห่วงอนามัย หรือการตรวจภายในมดลูก
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น Chlamydia หรือ Gonorrhea จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
- ปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล เช่น ผู้หญิงที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีประวัติการติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์มาก่อน ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะนี้
2. อาการเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ

อาการของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยอาการที่ควรสังเกตมีดังนี้
- อาการปวดท้องน้อย หรืออาการปวดบริเวณมดลูก ซึ่งอาจรุนแรงมากหรือมีอาการปวดเรื้อรัง
- ภาวะตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน และอาจมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ร่วมด้วย
- รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
- มีไข้หรืออ่อนเพลีย โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปัญหาที่เกิดจากการตั้งครรภ์ หรือภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากการอักเสบจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในมดลูก ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีโอกาสแท้งลูกสูงหรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี โดยขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยจะมีทั้งการตรวจร่างกาย การเจาะเลือด และการตรวจเนื้อเยื่อจากเยื่อบุโพรงมดลูก
3. แนวทางการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ
การรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบมักจะเริ่มต้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดการติดเชื้อ โดยจะใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยขั้นตอนการรักษามีดังนี้
1. การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดเข้าเส้นเลือดหรือแบบรับประทาน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย สำหรับระยะเวลาในการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน และผู้ป่วยต้องรับประทานยาตามกำหนดอย่างเคร่งครัด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
3. การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
นอกจากการใช้ยาปฏิชีวนะแล้ว การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อดูว่ามีความผิดปกติอื่น ๆ ในมดลูกหรือไม่ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยแพทย์อาจสั่งให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ การตรวจด้วยกล้องส่องมดลูก หรือการทำเอ็มอาร์ไอ เพื่อประเมินความเสียหายและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
3. การรักษาในกรณีมีภาวะแทรกซ้อน
ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีหนองในมดลูก หรือมีการติดเชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาแบบผ่าตัด เพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมหรือเนื้อเยื่อที่อักเสบออกไป

4. วิธีดูแลเยื่อบุโพรงมดลูก และการเตรียมตัวก่อนทำ IVF และ ICSI
หลังจากการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบแล้ว ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำ IVF หรือการทำ ICSI ยังจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับการตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น อีกทั้งการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งการเตรียมตัวก่อนทำ IVF และ ICSI สามารถทำได้ดังนี้
การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร เพื่อช่วยให้คุณรู้แนวทางในการรักษา โดยแพทย์จะให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละบุคคล เกี่ยวกับการเตรียมตัวที่เหมาะสม รวมถึงวิธีการรักษาว่าควรใช้วิธีใด และกำหนดระยะเวลาในการเริ่มกระบวนการ
การตรวจสุขภาพก่อนทำ IVF หรือ ICSI
การตรวจสุขภาพก่อนทำ IVF หรือ ICSI เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก โดยแพทย์จะทำการตรวจเพื่อประเมินว่าการอักเสบหายสนิทแล้ว และเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน อีกทั้งการตรวจยังรวมถึงการเจาะเลือดเพื่อดูค่าการอักเสบ การตรวจอัลตราซาวนด์ และการตรวจด้วยกล้องส่องมดลูกหากจำเป็น
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนช่วยในการเตรียมตัวก่อนทำ IVF อย่างมาก ผู้ป่วยควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีการรักษาหรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของมดลูก เช่น อาหารที่มีโฟเลต วิตามิน E และสารต้านอนุมูลอิสระ
การดูแลสุขภาพโดยรวม
ทั้งการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังจะต้องให้ความสำคัญกับการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการจัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือการทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบที่เป็นต้นเหตุของภาวะมีบุตรยาก VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) ยินดีให้คำปรึกษาการมีบุตรยาก และพร้อมดูแลในทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยสูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และห้องแล็บที่ได้มาตรฐาน
บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.