เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบคืออะไร ? วิธีรักษาก่อนทำ IVF และ ICSI

เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis) คือภาวะที่มักเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด

อาการเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis) เป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ทั้งยังจะส่งผลต่อการทำ IVF หรือ ICSI ที่ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะนี้และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยฟื้นฟูให้โพรงมดลูกกลับมาแข็งแรงและพร้อมต่อการตั้งครรภ์ ทั้งยังเป็นการเตรียมตัวก่อนทำ IVF หรือ ICSI เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้ตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

1. สาเหตุของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis) คืออะไร?

เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ หรือที่เรียกว่า Endometritis คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบที่เยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมักจะเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอดหรือจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ยังอาจส่งผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก และทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้

ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายจากช่องคลอดหรือปากมดลูกขึ้นไปยังโพรงมดลูก โดยสาเหตุที่พบบ่อยได้แก่

  • การติดเชื้อหลังขั้นตอนทางการแพทย์ เช่น การคลอดบุตร การแท้ง การขูดมดลูก การใส่ห่วงอนามัย หรือการตรวจภายในมดลูก
  • การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น Chlamydia หรือ Gonorrhea จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
  • ปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล เช่น ผู้หญิงที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีประวัติการติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์มาก่อน ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะนี้

2. อาการเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ

อาการของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ

อาการของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยอาการที่ควรสังเกตมีดังนี้

  • อาการปวดท้องน้อย หรืออาการปวดบริเวณมดลูก ซึ่งอาจรุนแรงมากหรือมีอาการปวดเรื้อรัง
  • ภาวะตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน และอาจมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ร่วมด้วย
  • รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • มีไข้หรืออ่อนเพลีย โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปัญหาที่เกิดจากการตั้งครรภ์ หรือภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากการอักเสบจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในมดลูก ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีโอกาสแท้งลูกสูงหรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้

หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี โดยขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยจะมีทั้งการตรวจร่างกาย การเจาะเลือด และการตรวจเนื้อเยื่อจากเยื่อบุโพรงมดลูก

3. แนวทางการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ

การรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบมักจะเริ่มต้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดการติดเชื้อ โดยจะใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยขั้นตอนการรักษามีดังนี้

1. การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดเข้าเส้นเลือดหรือแบบรับประทาน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย สำหรับระยะเวลาในการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน และผู้ป่วยต้องรับประทานยาตามกำหนดอย่างเคร่งครัด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม

3. การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

นอกจากการใช้ยาปฏิชีวนะแล้ว การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อดูว่ามีความผิดปกติอื่น ๆ ในมดลูกหรือไม่ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยแพทย์อาจสั่งให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ การตรวจด้วยกล้องส่องมดลูก หรือการทำเอ็มอาร์ไอ เพื่อประเมินความเสียหายและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

3. การรักษาในกรณีมีภาวะแทรกซ้อน

ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีหนองในมดลูก หรือมีการติดเชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาแบบผ่าตัด เพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมหรือเนื้อเยื่อที่อักเสบออกไป

การเตรียมตัวก่อนทำ IVF และ ICSI เมื่อมีบุตรยากจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ

4. วิธีดูแลเยื่อบุโพรงมดลูก และการเตรียมตัวก่อนทำ IVF และ ICSI

หลังจากการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบแล้ว ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำ IVF หรือการทำ ICSI ยังจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับการตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น อีกทั้งการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งการเตรียมตัวก่อนทำ IVF และ ICSI สามารถทำได้ดังนี้

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร เพื่อช่วยให้คุณรู้แนวทางในการรักษา โดยแพทย์จะให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละบุคคล เกี่ยวกับการเตรียมตัวที่เหมาะสม รวมถึงวิธีการรักษาว่าควรใช้วิธีใด และกำหนดระยะเวลาในการเริ่มกระบวนการ 

การตรวจสุขภาพก่อนทำ IVF หรือ ICSI

การตรวจสุขภาพก่อนทำ IVF หรือ ICSI เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก โดยแพทย์จะทำการตรวจเพื่อประเมินว่าการอักเสบหายสนิทแล้ว และเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน อีกทั้งการตรวจยังรวมถึงการเจาะเลือดเพื่อดูค่าการอักเสบ การตรวจอัลตราซาวนด์ และการตรวจด้วยกล้องส่องมดลูกหากจำเป็น

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนช่วยในการเตรียมตัวก่อนทำ IVF อย่างมาก ผู้ป่วยควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีการรักษาหรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของมดลูก เช่น อาหารที่มีโฟเลต วิตามิน E และสารต้านอนุมูลอิสระ

การดูแลสุขภาพโดยรวม

ทั้งการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังจะต้องให้ความสำคัญกับการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการจัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือการทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบที่เป็นต้นเหตุของภาวะมีบุตรยาก VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) ยินดีให้คำปรึกษาการมีบุตรยาก และพร้อมดูแลในทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยสูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และห้องแล็บที่ได้มาตรฐาน

 

บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.