เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

รู้ชัด! ผลกระทบจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่อการตั้งครรภ์

ผลกระทบของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่อการตั้งครรภ์

Table of Contents

สุขภาพทางเพศเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่มักถูกมองข้ามไป คือการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์และอาจเป็นสาเหตุของภาวะมีบุตรยากที่หลายคนอาจไม่รู้ตัว

การได้รู้และทำความเข้าใจถึงภาวะของโรคและการรักษา นอกจากจะช่วยให้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อลูกน้อยที่เกิดมา ยังจะทำให้เข้าใจว่า หากเคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน จะยังสามารถมีบุตรได้หรือไม่ หรือควรต้องวางแผนอย่างไร เพื่อให้มีลูกได้สำเร็จ

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์กับภาวะมีบุตรยาก

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections – STIs) เป็นกลุ่มโรคที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่น การติดเชื้อจากแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา ซึ่งแม้ว่าบางโรคอาจไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน รวมถึงภาวะมีบุตรยาก ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง

ผลกระทบจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่อภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สามารถส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อความสามารถในการตั้งครรภ์ ดังนี้

1. ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease – PID)

ภาวะนี้เกิดจากการติดเชื้อที่มีการแพร่กระจายจากช่องคลอดถึงอวัยวะในอุ้งเชิงกราน เช่น มดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์โดยตรง เช่น ทำให้ท่อนำไข่อุดตัน ซึ่งอาจทำให้การเดินทางของไข่ไปถึงมดลูกไม่สมบูรณ์ หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก

2. ท่อนำไข่อุดตัน

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดการอักเสบในท่อนำไข่ ที่อาจส่งผลทำให้ท่อนำไข่เกิดการอุดตัน จนขัดขวางการเดินทางของไข่ไปยังมดลูก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโอกาสการตั้งครรภ์

3. ภาวะแท้งบุตร หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก

การติดเชื้อในผู้หญิงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตร หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก โดยเฉพาะเมื่อท่อนำไข่เกิดความเสียหายจากการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ

 

ผลกระทบจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่อภาวะมีบุตรยากในผู้ชาย

เช่นเดียวกับผู้หญิง การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ก็สามารถส่งผลต่อความสามารถในการมีบุตรในผู้ชายได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการติดเชื้อมีผลต่อคุณภาพของน้ำอสุจิ ซึ่งจะกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้อย่างมาก 

1. การอักเสบของท่ออสุจิ (Epididymitis)

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในผู้ชายอาจทำให้ท่ออสุจิอักเสบ ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของอสุจิและความสามารถในการผสมพันธุ์ การอักเสบในท่ออสุจิยังจะลดความสามารถในการขนส่งน้ำอสุจิจากอัณฑะไปยังท่อฉีดของอสุจิ

2. การอักเสบของต่อมลูกหมาก (Prostatitis)

การอักเสบในต่อมลูกหมากจากการติดเชื้ออาจทำให้น้ำอสุจิมีคุณภาพต่ำ หรือส่งผลต่อการผลิตน้ำอสุจิให้แข็งแรงและมีความสามารถในการปฏิสนธิ

3. ความผิดปกติของน้ำอสุจิ

นอกจากนี้ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ยังอาจส่งผลต่อการผลิตน้ำอสุจิโดยตรง เช่น การลดความหนืด ความเข้มข้นของอสุจิ หรือการเคลื่อนไหวของอสุจิที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้การตั้งครรภ์ยากขึ้น

 

โรคทางเพศสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม คู่รักที่กำลังวางแผนการมีบุตรจึงควรตระหนักถึงโรคทางเพศสัมพันธ์ที่อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งครรภ์เหล่านี้

1. HIV (Human Immunodeficiency Virus)

HIV เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมถึงอาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อ HIV ยังสามารถมีบุตรได้ หากได้รับการดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการใช้ยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยควบคุมปริมาณเชื้อในเลือดให้ต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่ทารกระหว่างการตั้งครรภ์ได้ 

2. (คลามีเดีย (Chlamydia)

คลามีเดียเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่อวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือท่อนำไข่อักเสบ ทำให้ท่อนำไข่อุดตันและส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ทารกที่คลอดผ่านช่องคลอดของมารดาที่ติดเชื้อคลามีเดียอาจมีการติดเชื้อที่ตา หรือเกิดภาวะปอดบวมหลังคลอด อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถหายจากโรคและลดความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ได้

3. โรคหนองใน (Gonorrhea)

โรคหนองในเป็นการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ที่อาจนำไปสู่การอักเสบและอุดตันของท่อนำไข่ รวมถึงทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อีกทั้งการติดเชื้อหนองในในระหว่างตั้งครรภ์ยังจะเพิ่มความเสี่ยงที่ทารกจะติดเชื้อที่ตาและระบบทางเดินหายใจหลังคลอด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตาอักเสบรุนแรง หรือปอดบวม การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในระหว่างตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงต่อทารก

4. โรคซิฟิลิส (Syphilis )

ซิฟิลิสเป็นการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ที่สามารถแพร่เชื้อสู่ทารกในครรภ์ได้ หากมารดาติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ ทารกอาจมีภาวะพิการแต่กำเนิด เช่น ปัญหาทางสมองและหัวใจ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตในครรภ์ การรักษาซิฟิลิสด้วยยาปฏิชีวนะก่อนคลอดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทารก

5. เริม (Herpes simplex)

โรคเริมเกิดจากการติดเชื้อ HSV ซึ่งจะทำให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ หากการติดเชื้อเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์และไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ ทำให้ทารกติดเชื้อในระบบประสาทและอวัยวะอื่น ๆ ได้

คู่รักเข้ารับคำปรึกษาภาวะมีบุตรยาก จากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

ทางเลือกในการรักษาภาวะมีบุตรยาก

แต่นอกจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างการตั้งครรภ์ จะต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและถูกวิธีแล้ว ในกรณีที่พบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อนจนส่งผลทำให้มีบุตรยาก การรักษาสามารถแบ่งออกได้หลายวิธี ได้แก่

  • การรักษาด้วยยา: สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหากับการตกไข่ สามารถใช้ยากระตุ้นไข่เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ 
  • การผ่าตัด: หากพบภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือท่อนำไข่อุดตัน อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะเหล่านี้ 
  • เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ซึ่งสามารถช่วยในการปฏิสนธิในกรณีที่มีปัญหาจากคุณภาพของอสุจิ หรือตัวอ่อนที่มีปัญหา

 

ICSI ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการมีบุตร

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการมีบุตรของคู่รัก ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะในกรณีของผู้ชายที่อาจทำให้อสุจิมีคุณภาพต่ำ หรืออาจมีความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคไปยังทารกในครรภ์หรือคู่สมรส ซึ่งการทำ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) หรือการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่ของผู้หญิงโดยตรง เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคทางเพศสัมพันธ์และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่มีความปลอดภัยสูง โดยกระบวนการทำ ICSI จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อได้ ดังนี้

  • การเลือกอสุจิที่ไม่มีเชื้อ : แพทย์จะทำการเลือกตัวอสุจิที่มีคุณภาพสูงและปราศจากเชื้อ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคจากอสุจิที่อาจมีเชื้อในระบบสืบพันธุ์ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไปยังทารกในครรภ์ 
  • การป้องกันการติดเชื้อระหว่างการปฏิสนธิ : การทำ ICSI จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อระหว่างการปฏิสนธิในกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่อาจมีในน้ำอสุจิ

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะมีบุตรยาก รวมถึงอาจส่งผลกับทารกในครรภ์ ซึ่งหากพบปัญหาควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม หากคุณกำลังมองหาทางเลือกในการรักษาภาวะมีบุตรยาก หรือต้องการวางแผนการมีบุตรอย่างเหมาะสม แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรทำ ICSI ที่ไหนดี ? สามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร VFC (V Fertility Center) เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ที่พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกกระบวนการในการมีบุตร จนถึงการดูแลระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อช่วยให้คุณสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ตั้งใจไว้ 

 

บทความโดย  แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ 

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.