เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

เหตุผลที่ผู้หญิงควรทำ Egg Freezing และฝากไข่ตอนไหนถึงเหมาะสม

เหตุผลที่ผู้หญิงควรทำ Egg Freezing

ในปัจจุบัน ผู้หญิงหลายคนวางแผนมีลูกช้าลง เพราะต้องการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต จนเมื่อเวลาผ่านไป อายุก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ความสมบูรณ์ของไข่ลดลงและอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากตามมา การทำ Egg Freezing หรือ การฝากไข่ จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยเก็บรักษาคุณภาพไข่เพื่อใช้ในอนาคต ทั้งยังช่วยให้ผู้หญิงสามารถวางแผนมีลูกได้อย่างมั่นใจ ในช่วงเวลาที่มีความพร้อมที่สุด

ทำความรู้จักกับ Egg  Freezing

การแช่แข็งเซลล์ไข่ หรือที่เรียกว่า Oocyte Cryopreservation เป็นวิธีช่วยรักษาคุณภาพเซลล์ไข่ของผู้หญิง โดยการเก็บไข่จากรังไข่แล้วนำไปแช่แข็งไว้เพื่อใช้ในอนาคต ไข่ที่แช่แข็งนี้สามารถนำมาละลายและนำไปปฏิสนธิกับอสุจิในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) เมื่อพร้อมที่จะมีลูก

ทำไมผู้หญิงควรเลือกฝากไข่ หากวางแผนมีบุตรในอนาคต ?

การฝากไข่เป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ในขณะนี้ หรือในเร็ว ๆ นี้ แต่ต้องการมีลูกในอนาคต อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้หญิงที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ เช่น

  • มีโรคประจำตัวที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ เช่น มะเร็งหรือซีสต์
  • การฉายแสงหรือการทำเคมีบำบัด ซึ่งอาจทำลายเซลล์ไข่และลดโอกาสตั้งครรภ์

การฝากไข่ก่อนการรักษาเหล่านี้จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถตั้งครรภ์ด้วยเซลล์ไข่ของตัวเองได้ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการรักษาอย่างปลอดภัย

ฝากไข่ตอนไหนถึงเหมาะสม ?

ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์แนะนำให้พิจารณาฝากไข่ในช่วง อายุ 25-35 ปี ซึ่งเซลล์ไข่ยังมีคุณภาพและจำนวนสูงที่สุด ทำให้โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ในอนาคตมีสูงขึ้น

  • ได้ไข่ที่มีคุณภาพ : เซลล์ไข่ในช่วงอายุน้อยจะมีโครโมโซมที่สมบูรณ์และลดความเสี่ยงจากความผิดปกติของตัวอ่อน
  • จำนวนไข่ที่เพียงพอ : รังไข่สามารถผลิตไข่ได้หลายฟอง ซึ่งช่วยให้เก็บแช่แข็งได้ในปริมาณเพียงพอสำหรับใช้ในอนาคต
  • โอกาสตั้งครรภ์สูง : ไข่ที่เก็บในช่วงอายุน้อยมีโอกาสสำเร็จในการทำ IVF/ICSI สูงกว่าไข่ในช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป

สำหรับผู้หญิงที่อายุมากกว่า 35 ปี ยังสามารถฝากไข่ได้ แต่คุณภาพและจำนวนไข่จะลดลง จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์เพื่อวางแผนให้เหมาะในแต่ละบุคคล

นัดหมายเข้ามาตรวจคุณภาพรังไข่ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

ขั้นตอนการทำ Egg Freezing

การแช่แข็งเซลล์ไข่มี 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

การตรวจประเมินเบื้องต้น

  • ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความพร้อม
  • ตรวจระดับฮอร์โมน AMH และอัลตราซาวนด์ เพื่อประเมินจำนวนไข่เริ่มต้น

การกระตุ้นการตกไข่

  • ฉีดยาฮอร์โมน (ประมาณ 8-14 วัน) เพื่อกระตุ้นให้รังไข่สร้างไข่หลายฟอง
  • แพทย์นัดติดตามขนาดไข่ด้วยการทำอัลตราซาวนด์เป็นระยะ
  • ฉีดยาให้ไข่สุก (Trigger Shot) ก่อนการเก็บไข่ 34-36 ชั่วโมง

การเก็บเซลล์ไข่ (OPU)

  • ทำหัตถการภายใต้การให้ยาสลบอ่อน ๆ
  • แพทย์ใช้เข็มขนาดเล็กดูดเซลล์ไข่ออกจากรังไข่ โดยใช้เครื่องอัลตราซาวนด์นำทาง

การแช่แข็งเซลล์ไข่ (Vitrification)

  • นักวิทยาศาสตร์คัดเลือกเฉพาะไข่ที่สุก (Mature Oocytes)
  • นำไข่ไปแช่แข็งอย่างรวดเร็วด้วยวิธี Vitrification (การแช่แข็งแบบผลึกแก้ว) และเก็บไว้ในไนโตรเจนเหลวที่ -196 องศาเซลเซียส

ข้อดีของการทำ Egg Freezing

  • รักษาคุณภาพไข่ : ช่วยหยุดอายุของเซลล์ไข่ไว้ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์อ้างอิงจากอายุของไข่ในวันที่ฝาก ไม่ใช่อายุจริงของคุณในอนาคต
  • วางแผนชีวิตได้อิสระ : มอบความยืดหยุ่นในการสร้างอาชีพ การศึกษา หรือการรอคู่ครองที่เหมาะสม โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาที่จำกัด
  • ป้องกันทางการแพทย์ : เป็นการป้องกันทางการแพทย์ด้านภาวะการเจริญพันธุ์ สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาที่อาจทำลายรังไข่ เช่น การทำเคมีบำบัด หรือการฉายรังสี
  • ลดความเครียด : ช่วยลดความกังวลและความกดดันเกี่ยวกับการมีบุตรในอนาคต (Fertility Anxiety)

คำแนะนำสำหรับผู้หญิงที่สนใจฝากไข่

การฝากไข่เป็นการวางแผนสำหรับอนาคตทางการเจริญพันธุ์ ดังนั้นผู้หญิงที่สนใจควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : พบแพทย์ด้านภาวะเจริญพันธุ์เพื่อตรวจประเมินสุขภาพ ระบบฮอร์โมน และจำนวนไข่ เพื่อให้ได้ข้อมูลตรงตามสภาพร่างกายของแต่ละคน
  • วางแผนช่วงอายุที่เหมาะสม : ช่วงอายุ 25–35 ปี เป็นช่วงที่เซลล์ไข่มีคุณภาพดีที่สุด การฝากไข่ในวัยนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ในอนาคต
  • เตรียมตัวทางร่างกายและจิตใจ : ปรับพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การพักผ่อนเพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อคุณภาพไข่
  • ทำความเข้าใจขั้นตอนและค่าใช้จ่าย : เรียนรู้กระบวนการฝากไข่ตั้งแต่การกระตุ้นรังไข่ การเก็บไข่ และการแช่แข็ง รวมถึงค่าใช้จ่ายระยะสั้นและการจัดเก็บระยะยาว
  • วางแผนอนาคตอย่างรอบคอบ : พิจารณาเรื่องการใช้ไข่ในอนาคตและแผนชีวิตส่วนตัว เพื่อให้การฝากไข่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับเป้าหมายการมีบุตรของคุณ

วางแผนตั้งครรภ์กับแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

วางแผนฝากไข่ตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อการมีบุตรในอนาคต ยิ่งฝากเร็ว ยิ่งได้เซลล์ไข่คุณภาพดี ทั้งยังช่วยให้คุณผู้หญิงรู้สึกอุ่นใจในวันที่พร้อมมีบุตร เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้สำเร็จ

บทความโดย : นพ.วรวัฒน์ ศิริปุณย์

สูติ-นรีเวชวิทยา – เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Hotline: 082-903-2035

LINE Official: @vfccenter

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Q: ควรฝากไข่ตอนไหนดีที่สุด ?

A: ช่วงอายุที่เหมาะที่สุดคือ 25-35 ปี เพราะเซลล์ไข่ยังมีจำนวนและคุณภาพสูง ยิ่งฝากเร็ว โอกาสสำเร็จในอนาคตยิ่งมาก นอกจากนี้ ควรพิจารณาฝากไข่ก่อนเข้ารักษาตัวที่อาจไปกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ เช่น เคมีบำบัด/ฉายแสง, ก่อนผ่าตัดรังไข่ หรือเมื่อมีสัญญาณสำรองรังไข่ลดลง (AMH ต่ำ)

Q: Egg Freezing คืออะไร มีขั้นตอนทำอย่างไร ?

A: คือการเก็บไข่ของตนเองแล้วแช่แข็งเพื่อใช้ในอนาคต โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

  • กระตุ้นรังไข่ 8-14 วัน พร้อมอัลตราซาวนด์ติดตามฟองไข่
  • เก็บไข่ผ่านช่องคลอดภายใต้ยาระงับความรู้สึก (ใช้เวลาไม่นาน)
  • คัดเลือกไข่ที่สุก (MII) แล้วแช่แข็งแบบ Vitrification ในไนโตรเจนเหลว
  • เมื่อพร้อมมีบุตร จะละลายไข่เพื่อนำไปปฏิสนธิ (มักใช้กับการทำ ICSI) จากนั้นย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก

Q: ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนฝากไข่ ?

A: ตรวจประเมินภาวะเจริญพันธุ์ (AMH, นับฟองไข่ด้วยอัลตราซาวนด์) ตรวจเลือดพื้นฐาน/โรคติดเชื้อ ทบทวนการใช้ยาและโรคประจำตัวกับแพทย์ พักผ่อนเพียงพอ งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ และฉีดยาตามเวลาในช่วงกระตุ้นรังไข่

Q: ควรเก็บไข่กี่ฟอง และแช่แข็งได้นานแค่ไหน ?

A: จำนวนที่แนะนำขึ้นกับอายุและคุณภาพไข่ แต่โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 10-20 ฟองสำหรับโอกาสมีบุตรในอนาคตหนึ่งครั้ง (หากมีอายุมากอาจต้องเก็บไข่มากกว่านี้) ส่วนการเก็บรักษา สามารถทำได้นานหลายปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพไข่ขณะฝากและมาตรฐานห้องแล็บ

Q: มีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงไหม ต้องพักฟื้นนานหรือไม่ ?

A: อาจมีอาการท้องอืด คัดตึงเต้านม ช้ำบริเวณฉีดยา และอาจเสี่ยงกับภาวะ OHSS (รังไข่ตอบสนองเกิน) แต่จะพบไม่บ่อยนัก โดยทั่วไปพักฟื้น 1-2 วันก็สามารถใช้ชีวิตปกติได้ แต่ทั้งนี้ หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ทันที

Book a consultation with Dr. Worawat Siripoon at our infertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.