เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

5 เช็กลิสต์เตรียมตัวมีลูก ให้พร้อมทั้งกาย ใจ และการเงิน

เช็กลิสต์การเตรียมตัวมีลูกสำหรับคู่แต่งงานใหม่

Table of Contents

สำหรับคู่รักที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตคู่ การวางแผนสร้างครอบครัวและการมีบุตรคือเป้าหมายที่สวยงามและสำคัญที่สุด แต่การมีลูกที่แข็งแรงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเท่านั้น การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีและรอบด้านเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ซึ่งการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและการเตรียมพร้อมล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับคู่แต่งงานใหม่ที่ยังสงสัยว่าอยากมีลูกต้องเตรียมตัวอย่างไร นี่คือคู่มือการวางแผนมีบุตรอย่างมีคุณภาพฉบับสมบูรณ์ เพื่อให้การเตรียมตัวมีลูกของคุณเป็นไปอย่างมั่นใจ 

นัดหมายปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อเตรียมตัวมีลูกอย่างมั่นใจที่ VFC Center

1. วัยที่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ ปัจจัยด้านอายุและความเสี่ยงที่ต้องรู้

การเลือกช่วงอายุที่เหมาะสมก่อนตั้งครรภ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มโอกาสมีลูก เพราะคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับอายุ โดยช่วงวัยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้หญิงจะอยู่ที่ช่วงอายุ 21-30 ปี เนื่องจากเป็นช่วงที่รังไข่ทำงานได้ดีที่สุด คุณภาพไข่สูงที่สุด และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ต่ำที่สุด

ความเสี่ยงเมื่อตั้งครรภ์ในช่วงอายุเกิน 35 ปี

หากผู้หญิงตั้งครรภ์ในช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป มักถูกจัดว่าอยู่ในช่วงการตั้งครรภ์ที่มีอายุมาก ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญในประเด็นเหล่านี้

  • ทารกอาจมีความผิดปกติทางโครโมโซม เช่น กลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome)
  • ภาวะแทรกซ้อนของแม่ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง และภาวะแท้งบุตร
  • ปัญหาสุขภาพทางสูตินรีเวช เช่น เนื้องอกมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งมักพบเมื่ออายุมากขึ้น

หากคู่สมรสมีอายุเกิน 35 ปี และกำลังวางแผนมีบุตร การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนและตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนสำหรับการทำ ICSI ถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง

2. ตรวจร่างกายและคัดกรองโรค ป้องกันความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์

การตรวจร่างกายก่อนตั้งครรภ์ เป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก เพราะช่วยให้ทราบถึงสุขภาพของคู่รักและลดความเสี่ยงต่อทารกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประเมินสุขภาพสำหรับคู่สมรสที่วางแผนมีบุตร จะประกอบด้วย

  • ตรวจสุขภาพทั่วไปและประเมินภาวะเจริญพันธุ์ : ตรวจวัดระดับฮอร์โมน การทำงานของรังไข่สำหรับฝ่ายหญิง และตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ (Semen Analysis) สำหรับฝ่ายชายเพื่อประเมินว่ามีภาวะมีบุตรยากหรือไม่
  • คัดกรองโรคทางพันธุกรรมและโรคติดต่อ : การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก หรือส่งผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น ธาลัสซีเมีย โรคเลือดผิดปกติ โรคหัดเยอรมัน (ต้องฉีดวัคซีนหากไม่มีภูมิ) รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงทารกคลอดออกมาผิดปกติแต่กำเนิด

สอบถามข้อมูลการตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนวางแผนตั้งครรภ์

3. การรับประทานกรดโฟลิกและดูแลโภชนาการให้เหมาะสม

การดูแลด้านโภชนาการและการเสริมด้วยกรดโฟลิก มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมตัวมีลูก เพราะการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจะช่วยลดความเสี่ยงทารกพิการแต่กำเนิด และยังเป็นการบำรุงคุณภาพของไข่และอสุจิ นำไปสู่โอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์

การเสริมกรดโฟลิกในปริมาณที่จำเป็น

ฝ่ายหญิงควรรับประทานกรดโฟลิก (Folic Acid หรือ Vitamin B9) 400 ไมโครกรัมต่อวัน ก่อนการตั้งครรภ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน และรับประทานทานต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรก เพราะสารอาหารชนิดนี้ช่วยในการสร้างและพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารกอย่างสมบูรณ์

การปรับโภชนาการเพื่อบำรุงเซลล์สืบพันธุ์

  • อาหารหลัก : รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้น ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โปรตีนไม่ติดมัน (Lean Protein) และธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อบำรุงคุณภาพของเซลล์ไข่และอสุจิ
  • สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : ลดอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะอักเสบในร่างกายและส่งผลเสียต่อความสมดุลของฮอร์โมน

4. งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมทำลายภาวะเจริญพันธุ์

การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสามารถในการตั้งครรภ์และสุขภาพของทารก จึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อต้องการเตรียมตัวมีลูก

  • บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า : สารนิโคตินในบุหรี่จะไปลดจำนวนและความเร็วในการเคลื่อนไหวของอสุจิ รวมทั้งเพิ่มความเสียหายต่อ DNA ในอสุจิ ส่วนในฝ่ายหญิง บุหรี่ทำให้รังไข่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้คุณภาพไข่ลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร 
  • แอลกอฮอล์ : การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดภาวะไข่ไม่ตก และทำให้การสร้างอสุจิลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแท้ง และทำให้ทารกเกิดความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด (Fetal Alcohol Syndrome)

รับคำแนะนำในการปรับพฤติกรรมและโภชนาการเพื่อเตรียมตัวมีลูกจากสูตินรีแพทย์

5. การวางแผนการเงินและค่าใช้จ่าย เตรียมความพร้อมสู่ความมั่นคงของครอบครัว

การมีลูกต้องเตรียมค่าใช้จ่ายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของครอบครัว การพูดคุยและวางแผนการเงินร่วมกันจึงเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพ โดยมีแนวทางในการประเมินและจัดสรรค่าใช้จ่ายระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้

  • ค่าใช้จ่ายระยะสั้น : ประเมินค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ คลอดบุตร ทั้งค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจคัดกรอง รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการเตรียมอุปกรณ์แรกคลอด
  • ค่าใช้จ่ายระยะยาว : จัดสรรเงินสำหรับการตรวจสุขภาพ การฉีดวัคซีน โภชนาการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา

การวางแผนและเตรียมตัวมีลูกล่วงหน้า เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์และลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของทารก สำหรับคู่แต่งงานใหม่ที่อยากรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการมีบุตร หรือต้องการประเมินภาวะเจริญพันธุ์อย่างละเอียด สามารถเข้ารับคำปรึกษากับทีมแพทย์เฉพาะทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยา และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ได้ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เพื่อวางแผนก่อนตั้งครรภ์อย่างครบถ้วนและปลอดภัยตั้งแต่วันแรก เรายินดีให้คำแนะนำและอยู่เคียงข้างคุณในทุกขั้นตอนการรักษา 

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ผู้หญิงควรตั้งครรภ์ตอนอายุเท่าไหร่ ?

A: ช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์คือระหว่าง 21-30 ปี เพราะเป็นช่วงที่คุณภาพไข่สูงที่สุด และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่ำ หากอายุ 35 ปีขึ้นไป ถือว่ามีความเสี่ยงสูง และควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนอย่างใกล้ชิด

Q: คู่แต่งงานใหม่ควรเตรียมตัวมีลูกล่วงหน้านานแค่ไหน ?

A: ควรเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือนก่อนตั้งครรภ์ โดยเน้นการตรวจสุขภาพ ปรับโภชนาการ และเริ่มรับประทานกรดโฟลิก การเตรียมตัวที่นานพอจะช่วยเพิ่มคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ และสร้างความพร้อมของร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์

Q: ควรรับประทานกรดโฟลิกเมื่อไหร่และปริมาณเท่าไรต่อวัน ?

A: ฝ่ายหญิงควรรับประทานกรดโฟลิก (Folic Acid) ในปริมาณ 400 ไมโครกรัมต่อวัน โดยเริ่มรับประทานก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน และต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรก เพื่อช่วยในการพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารก และป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิด

Q: การสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อภาวะเจริญพันธุ์อย่างไร ?

A: สารในบุหรี่และแอลกอฮอล์ส่งผลเสียโดยตรงต่อคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ทั้งยังทำให้คุณภาพของอสุจิและไข่ลดลง ฮอร์โมนไม่สมดุล และเพิ่มความเสี่ยงภาวะแท้งบุตร คู่สมรสที่เตรียมตัวมีลูกจึงควรงดโดยเด็ดขาด

 

บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม

ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่

VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 

Hotline: 082-903-2035 

LINE Official: @vfccenter

Consult with Dr. Sorramon Songveeratham at our leading fertility clinic

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.