 
    สำหรับคู่รักที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตคู่ การวางแผนสร้างครอบครัวและการมีบุตรคือเป้าหมายที่สวยงามและสำคัญที่สุด แต่การมีลูกที่แข็งแรงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเท่านั้น การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีและรอบด้านเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ซึ่งการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและการเตรียมพร้อมล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับคู่แต่งงานใหม่ที่ยังสงสัยว่าอยากมีลูกต้องเตรียมตัวอย่างไร นี่คือคู่มือการวางแผนมีบุตรอย่างมีคุณภาพฉบับสมบูรณ์ เพื่อให้การเตรียมตัวมีลูกของคุณเป็นไปอย่างมั่นใจ
นัดหมายปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อเตรียมตัวมีลูกอย่างมั่นใจที่ VFC Center
1. วัยที่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ ปัจจัยด้านอายุและความเสี่ยงที่ต้องรู้
การเลือกช่วงอายุที่เหมาะสมก่อนตั้งครรภ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มโอกาสมีลูก เพราะคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับอายุ โดยช่วงวัยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้หญิงจะอยู่ที่ช่วงอายุ 21-30 ปี เนื่องจากเป็นช่วงที่รังไข่ทำงานได้ดีที่สุด คุณภาพไข่สูงที่สุด และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ต่ำที่สุด
ความเสี่ยงเมื่อตั้งครรภ์ในช่วงอายุเกิน 35 ปี
หากผู้หญิงตั้งครรภ์ในช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป มักถูกจัดว่าอยู่ในช่วงการตั้งครรภ์ที่มีอายุมาก ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญในประเด็นเหล่านี้
- ทารกอาจมีความผิดปกติทางโครโมโซม เช่น กลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome)
- ภาวะแทรกซ้อนของแม่ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง และภาวะแท้งบุตร
- ปัญหาสุขภาพทางสูตินรีเวช เช่น เนื้องอกมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งมักพบเมื่ออายุมากขึ้น
หากคู่สมรสมีอายุเกิน 35 ปี และกำลังวางแผนมีบุตร การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนและตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนสำหรับการทำ ICSI ถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
2. ตรวจร่างกายและคัดกรองโรค ป้องกันความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
การตรวจร่างกายก่อนตั้งครรภ์ เป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก เพราะช่วยให้ทราบถึงสุขภาพของคู่รักและลดความเสี่ยงต่อทารกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประเมินสุขภาพสำหรับคู่สมรสที่วางแผนมีบุตร จะประกอบด้วย
- ตรวจสุขภาพทั่วไปและประเมินภาวะเจริญพันธุ์ : ตรวจวัดระดับฮอร์โมน การทำงานของรังไข่สำหรับฝ่ายหญิง และตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ (Semen Analysis) สำหรับฝ่ายชายเพื่อประเมินว่ามีภาวะมีบุตรยากหรือไม่
- คัดกรองโรคทางพันธุกรรมและโรคติดต่อ : การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก หรือส่งผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น ธาลัสซีเมีย โรคเลือดผิดปกติ โรคหัดเยอรมัน (ต้องฉีดวัคซีนหากไม่มีภูมิ) รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงทารกคลอดออกมาผิดปกติแต่กำเนิด
สอบถามข้อมูลการตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนวางแผนตั้งครรภ์
3. การรับประทานกรดโฟลิกและดูแลโภชนาการให้เหมาะสม
การดูแลด้านโภชนาการและการเสริมด้วยกรดโฟลิก มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมตัวมีลูก เพราะการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจะช่วยลดความเสี่ยงทารกพิการแต่กำเนิด และยังเป็นการบำรุงคุณภาพของไข่และอสุจิ นำไปสู่โอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์
การเสริมกรดโฟลิกในปริมาณที่จำเป็น
ฝ่ายหญิงควรรับประทานกรดโฟลิก (Folic Acid หรือ Vitamin B9) 400 ไมโครกรัมต่อวัน ก่อนการตั้งครรภ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน และรับประทานทานต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรก เพราะสารอาหารชนิดนี้ช่วยในการสร้างและพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารกอย่างสมบูรณ์
การปรับโภชนาการเพื่อบำรุงเซลล์สืบพันธุ์
- อาหารหลัก : รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้น ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โปรตีนไม่ติดมัน (Lean Protein) และธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อบำรุงคุณภาพของเซลล์ไข่และอสุจิ
- สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : ลดอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะอักเสบในร่างกายและส่งผลเสียต่อความสมดุลของฮอร์โมน
4. งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมทำลายภาวะเจริญพันธุ์
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสามารถในการตั้งครรภ์และสุขภาพของทารก จึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อต้องการเตรียมตัวมีลูก
- บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า : สารนิโคตินในบุหรี่จะไปลดจำนวนและความเร็วในการเคลื่อนไหวของอสุจิ รวมทั้งเพิ่มความเสียหายต่อ DNA ในอสุจิ ส่วนในฝ่ายหญิง บุหรี่ทำให้รังไข่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้คุณภาพไข่ลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร
- แอลกอฮอล์ : การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเพศของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดภาวะไข่ไม่ตก และทำให้การสร้างอสุจิลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแท้ง และทำให้ทารกเกิดความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด (Fetal Alcohol Syndrome)
รับคำแนะนำในการปรับพฤติกรรมและโภชนาการเพื่อเตรียมตัวมีลูกจากสูตินรีแพทย์
5. การวางแผนการเงินและค่าใช้จ่าย เตรียมความพร้อมสู่ความมั่นคงของครอบครัว
การมีลูกต้องเตรียมค่าใช้จ่ายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของครอบครัว การพูดคุยและวางแผนการเงินร่วมกันจึงเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพ โดยมีแนวทางในการประเมินและจัดสรรค่าใช้จ่ายระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
- ค่าใช้จ่ายระยะสั้น : ประเมินค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ คลอดบุตร ทั้งค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจคัดกรอง รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการเตรียมอุปกรณ์แรกคลอด
- ค่าใช้จ่ายระยะยาว : จัดสรรเงินสำหรับการตรวจสุขภาพ การฉีดวัคซีน โภชนาการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา
การวางแผนและเตรียมตัวมีลูกล่วงหน้า เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์และลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของทารก สำหรับคู่แต่งงานใหม่ที่อยากรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการมีบุตร หรือต้องการประเมินภาวะเจริญพันธุ์อย่างละเอียด สามารถเข้ารับคำปรึกษากับทีมแพทย์เฉพาะทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยา และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ได้ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เพื่อวางแผนก่อนตั้งครรภ์อย่างครบถ้วนและปลอดภัยตั้งแต่วันแรก เรายินดีให้คำแนะนำและอยู่เคียงข้างคุณในทุกขั้นตอนการรักษา
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ผู้หญิงควรตั้งครรภ์ตอนอายุเท่าไหร่ ?
A: ช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์คือระหว่าง 21-30 ปี เพราะเป็นช่วงที่คุณภาพไข่สูงที่สุด และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่ำ หากอายุ 35 ปีขึ้นไป ถือว่ามีความเสี่ยงสูง และควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนอย่างใกล้ชิด
Q: คู่แต่งงานใหม่ควรเตรียมตัวมีลูกล่วงหน้านานแค่ไหน ?
A: ควรเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือนก่อนตั้งครรภ์ โดยเน้นการตรวจสุขภาพ ปรับโภชนาการ และเริ่มรับประทานกรดโฟลิก การเตรียมตัวที่นานพอจะช่วยเพิ่มคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ และสร้างความพร้อมของร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์
Q: ควรรับประทานกรดโฟลิกเมื่อไหร่และปริมาณเท่าไรต่อวัน ?
A: ฝ่ายหญิงควรรับประทานกรดโฟลิก (Folic Acid) ในปริมาณ 400 ไมโครกรัมต่อวัน โดยเริ่มรับประทานก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน และต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรก เพื่อช่วยในการพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารก และป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิด
Q: การสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อภาวะเจริญพันธุ์อย่างไร ?
A: สารในบุหรี่และแอลกอฮอล์ส่งผลเสียโดยตรงต่อคุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ทั้งยังทำให้คุณภาพของอสุจิและไข่ลดลง ฮอร์โมนไม่สมดุล และเพิ่มความเสี่ยงภาวะแท้งบุตร คู่สมรสที่เตรียมตัวมีลูกจึงควรงดโดยเด็ดขาด
บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
 
							




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.