เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก ทางออกสำหรับคนมีบุตรยาก

การทำ IUI ฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก ทางออกสำหรับคนมีบุตรยาก

 

รักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI)

 

การฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกหรือ IUI คืออะไร?

การฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูกหรือการทำ IUI (Intrauterine Insemination) นับว่าเป็นการทำผสมเทียมที่มีข้อได้เปรียบกว่าวิธีอื่น ๆ เช่น การฉีดอสุจิเข้าที่ปากมดลูก (ICI; intracervical insemination) เพราะในการเตรียมอสุจิซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการทำ IUI จะมีการปั่นเลือกเฉพาะตัวอสุจิที่แข็งแรง มีการเคลื่อนไหวดีมาอยู่ในน้ำยาเพาะเลี้ยง (culture medium) ในปริมาตรน้อย (ประมาณ 0.4 – 0.5 มิลลิลิตร) จึงช่วยแก้ปัญหาความผิดปกติของฝ่ายชายที่ไม่รุนแรงได้ กับปัญหาอย่างมีตัวอสุจิน้อยหรือมีตัวที่เคลื่อนไหวน้อยได้ และการที่แยกตัวอสุจิออกจากน้ำอสุจิที่เหลืออยู่จะทำให้สามารถฉีดอสุจิที่ผ่านการเตรียมพร้อมมาแล้วเข้าสู่โพรงมดลูกได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากสารอื่น ๆ ที่มีในน้ำอสุจิ เช่น โปรตีน prostaglandins หรือแม้กระทั่งแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่

 

ทำไมต้องทำ IUI?

ในปัจจุบันการทำ IUI เป็นการรักษาเบื้องต้นของภาวะมีบุตรยากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของทางฝ่ายชายที่ไม่รุนแรง, ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกระยะที่ 1-2, ภาวะมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ (unexplained infertility) ซึ่งการทำ IUI สามารถช่วยลดโอกาสได้รับเชื้อ HIV ในรายที่สามีมีการติดเชื้อ (serodiscordant couple) หรือแม้กระทั่งในรายที่กระตุ้นไข่เพื่อที่จะทำการรักษาด้วยเทคโนโลยีวิธีอื่นแล้วเกิดการตอบสนองที่ไม่ปกติ (poor responder) ก็สามารถเปลี่ยนเป็น IUI ได้ถ้าท่อนำไข่ยังดีอยู่
 

ขั้นตอนการทำ IUI

 

1. การกระตุ้นไข่

การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถทำได้ทั้งในรอบเดือนธรรมชาติที่ไม่มีการกระตุ้นไข่ และรอบเดือนที่ทำการกระตุ้นไข่เพื่อให้มีไข่ตกหลายใบขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
ก่อนทำ IUI แพทย์จะทำการกระตุ้นการตกไข่ของฝ่ายหญิง ด้วยการให้รับประทานยาหรือฉีดยาเพื่อให้เกิดการตกไข่ โดยจะใช้ยากระตุ้นไข่ในวันที่ 3 หลังจากประจำเดือนมา จากนั้นแพทย์จะอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจดูขนาดของไข่ ก่อนทำ IUI หากมีขนาดที่พอเหมาะและพร้อมผสมกับอสุจิแล้ว จึงจะนัดวันฉีดยากระตุ้นเพื่อให้ไข่ตก
 

2. การเตรียมอสุจิ

นอกจากปริมาตรของน้ำอสุจิที่มีมากเกินกว่าจะทำการฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกได้แล้ว น้ำอสุจิยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ได้ด้วย ดังนั้นจึงต้องมีกระบวนการเตรียมเชื้ออสุจิ เพื่อให้ได้อสุจิที่มีคุณภาพสำหรับฉีดเข้าโพรงมดลูก โดยการปั่นเลือกเฉพาะตัวอสุจิที่มีคุณภาพดี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง
 

3. การฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

เมื่อไข่ตกภายใน 24 – 40 ชั่วโมงหลังฉีดยา แพทย์จะฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้อสุจิที่แข็งแรงว่ายเข้าไปผสมกับไข่ ซึ่งในขั้นตอนการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกจะต้องทำให้เกิดการกระทบกระเทือนน้อยที่สุดเพื่อลดการกระตุ้นให้มดลูกเกิดการหดรัดตัว โดยหลังฉีดแพทย์จะให้ฝ่ายหญิงนอนพักประมาณ 15 – 30 นาที แล้วให้กลับไปพักที่บ้าน ซึ่งหลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ไม่ควรยกของหนักหรือออกกำลังกายหนักเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
 

การเตรียมตัวก่อนทำ IUI

  1. ตรวจร่างกายและสุขภาพโดยรวม ว่ามีปัญหาสุขภาพใดที่อาจส่งผลต่อการทำ IUI หรือไม่ เช่น โรคประจำตัว หรือโรคติดเชื้อ
  2. ตรวจว่ามีไข่ตกตามปกติหรือไม่ โดยอาจใช้วิธีตรวจอัลตราซาวนด์หรือตรวจเลือด
  3. ตรวจเยื่อบุโพรงมดลูกหนาพอหรือไม่ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวอ่อน
  4. หยุดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดทุกชนิด
  5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  6. ฝ่ายชายควรงดการหลั่งอสุจิเป็นเวลา 2 – 3 วัน ก่อนการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก

 

อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ด้วยวิธี IUI

อัตราการตั้งครรภ์ของการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูกนั้นมีความแตกต่างกันไปตามสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก และวิธีการกระตุ้นไข่ จึงทำให้ตัวเลขอัตราความสำเร็จของแต่ละสถาบันแตกต่างกันไป ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบต่อโอกาสสำเร็จจากการทำ IUI นั้นมีดังนี้

  1. อายุของคู่สมรสทั้งฝ่ายหญิง

เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นของคู่สมรสฝ่ายหญิงจะสัมพันธ์กับคุณภาพของไข่และคุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกให้ต่ำลง

  1. จำนวนครั้งในการทำ IUI

อัตราการตั้งครรภ์จะค่อนข้างดีใน 3 รอบแรกของการรักษา จึงแนะนำให้ทำ IUI ไม่เกิน 4-6 รอบ โดยหากยังไม่มีการตั้งครรภ์ ควรลองรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีเด็กหลอดแก้วต่อไป

  1. ความสมบูรณ์ของอสุจิ

ความสมบูรณ์ของอสุจิเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี IUI เพราะต้องอาศัยความสมบูรณ์แข็งแรงของอสุจิในการผสมกับไข่ของฝ่ายหญิงหลังจากฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกเรียบร้อยแล้ว
โอกาสการตั้งครรภ์จากการทำ IUI มีประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ และถ้าฝ่ายหญิงใช้ยากระตุ้นเพื่อให้ไข่ตกมากกว่า 1 ใบในรอบเดือนนั้น ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการได้ลูกแฝดด้วย
 

ภาวะแทรกซ้อนของการรักษา

ภาวะแทรกซ้อนที่พบจากการทำ IUI นั้นอาจเกิดได้จากหลายขั้นตอน เช่น
ความเสี่ยงในขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะกรณีที่มีทารกมากกว่า 2 คนในครรภ์ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการที่มีการเจริญของไข่จำนวนหลายใบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งมารดาและทารกได้
ความเสี่ยงที่เกิดในช่วงของการเตรียมอสุจิ เช่น การสลับอสุจิของคู่สมรสคนละคู่ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยระบบควบคุมที่มีคุณภาพ หรือโอกาสถ่ายทอดโรคติดเชื้อจากสามีไปยังภรรยาโดยเฉพาะโรคเอดส์
ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นผลมาจากกระบวนการฉีดอสุจิ เป็นการติดเชื้ออักเสบในโพรงมดลูก ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกที่ถูกนำเข้าสู่โพรงมดลูกในขั้นตอนการฉีดอสุจิและภาวะอื่น ๆ เช่น การหดรัดตัวของมดลูกซึ่งอาจเป็นผลมาจากการกระทบกระเทือนจากการใส่สาย
 

สนใจทำ IUI ฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์

หากต้องการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำ IUI กับการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง VFC Center มีแพ็กเกจทำ IUI ราคาพิเศษ เพียง 12,500 บาท อย่าง “IUI PREMIUM PACKAGE แพ็กเกจสุดพรีเมียม ฉีดน้ำเชื้อผสมเทียม”
โดยในแพ็กเกจจะครอบคลุมทุกขั้นตอนในการฉีด IUI รวมถึงการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและนัดตรวจติดตาม พร้อมด้วยบริการเหล่านี้

  • การให้ยากระตุ้นไข่
  • การทำอัลตราซาวนด์ตรวจการเจริญเติบโตของไข่
  • การฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก
  • การคัดคุณภาพน้ำเชื้ออสุจิทางห้องปฏิบัติการ
  • การฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก

 
หากกำลังตัดสินใจว่าจะทำ IUI ที่ไหนดี เลือกศูนย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากที่มีบริการ IUI ที่ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีเวชแห่งประเทศไทย อย่าง VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร จากโรงพยาบาลเวชธานีที่พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อหาวิธีที่เหมาะสม ด้วยบริการที่ครบทุกขั้นตอนการรักษา