ภาวะมีบุตรยาก อุปสรรคในการสร้างครอบครัวที่คู่สมรสจำนวนมากต้องเผชิญ ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้คู่รักที่มีบุตรยากสามารถมีบุตรได้อย่างที่ตั้งใจในหลากหลายวิธี แต่หนึ่งในวิธีที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ก็คือการทำอิ๊กซี่ (ICSI) ซึ่งเป็นการทำเด็กหลอดแก้วประเภทหนึ่ง แต่วิธีนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์สำเร็จได้มากขึ้นจริงหรือไม่ รวมถึงจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เราจะพาไปหาคำตอบพร้อมกันที่นี่
การทำอิ๊กซี่ (ICSI) คืออะไร?
สำหรับคู่สามีภรรยาที่ประสบปัญหามีบุตรยากและอยากรักษาด้วยการทำอิ๊กซี่ ก่อนตัดสินใจและวางแผนรักษา ต้องมาทำความเข้าใจถึงกระบวนการทำอิ๊กซี่หรือ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ให้รอบด้านเสียก่อน สำหรับวิธีนี้คือหนึ่งในวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว (In-vitro Fertilization: IVF) และเป็นวิธีทางการแพทย์ที่ช่วยให้คู่แต่งงานที่มีบุตรยากสามารถมีบุตรได้ โดยอาศัยกระบวนการเหล่านี้
- ฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นเซลล์ไข่ให้โตขึ้น โดยจะทำการฉีดในวันที่ 2 ของการมีประจำเดือน และฉีดต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลาประมาณ 10 วัน เพื่อให้มีไข่ตกจำนวนมากกว่ารอบธรรมชาติ
- แพทย์นัดหมายทำอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจขนาดของไข่ และเจาะเลือดเพื่อวัดระดับของฮอร์โมน
- หากไข่โตได้ตามขนาดที่เหมาะสม แพทย์จะฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการตกไข่ และนัดวันมาเก็บไข่
- ในวันที่แพทย์ทำการเก็บไข่ของฝ่ายหญิง จะทำการเก็บน้ำเชื้ออสุจิจากฝ่ายชายไปด้วยเช่นกัน
- แพทย์จะทำการคัดเอาตัวอสุจิที่มีความแข็งแรงที่สุด ฉีดเข้าไปยังไข่โดยตรงแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิกัน
- หลังจากนั้นจะทำการเลี้ยงตัวอ่อนต่ออย่างน้อยประมาณ 3-5 วัน
- เมื่อตัวอ่อนมีความแข็งแรงแล้ว แพทย์จะนัดฝ่ายหญิงมาตรวจความหนาของผนังมดลูก หากร่างกายของฝ่ายหญิงมีความพร้อมเพียงพอที่จะตั้งครรภ์ แพทย์จะทำการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูกและเติบโตตามธรรมชาติต่อไป
ปรึกษาและวางแผนทำ ICSI กับสูตินรีแพทย์
ข้อดี-ข้อเสียของการทำอิ๊กซี่
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ในแต่ละวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำ IUI, IVF หรือการทำกิฟต์ ก็มีข้อดี–ข้อเสียแตกต่างกันไป การทำอิ๊กซี่ก็เช่นกัน สำหรับคู่รักที่สนใจรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีนี้ คงอยากรู้ว่าการทำอิ๊กซี่มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง รวมถึงจะมีเปอร์เซนต์ในการตั้งครรภ์อยู่ที่เท่าไหร่ เรารวบรวมข้อควรรู้มาไว้ให้แล้ว
ข้อดีของการทำอิ๊กซี่
เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
ช่วยให้ไข่และอสุจิมีโอกาสปฏิสนธิกันง่ายขึ้น ด้วยการคัดเลือกไข่ที่สมบูรณ์จากฝ่ายหญิง และอสุจิที่แข็งแรงจากฝ่ายชาย จึงเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากถึง 90% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพของคู่สมรสและคุณภาพตัวอ่อนที่ได้ด้วย
ลดความเสี่ยงทารกผิดปกติ
การทำ ICSI มีขั้นตอนการคัดเลือกไข่ของฝ่ายหญิงและอสุจิของฝ่ายชายที่มีความสมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ รวมถึงมีการตรวจโครโมโซมก่อนย้ายตัวอ่อน จึงช่วยลดความเสี่ยงที่ทารกจะมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคฮีโมฟีเลีย กลุ่มอาการดาวน์
เก็บตัวอ่อนได้ตามความพร้อมของคู่สมรส นานสูงสุด 10 ปี
สามารถแช่แข็งตัวอ่อนไว้ได้เป็นเวลานานสูงสุดถึง 10 ปี เหมาะสำหรับคู่สมรสที่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ หรือกรณีที่ฝ่ายหญิงมีสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกบางหรือหนาเกินไป หรือปัญหาฮอร์โมนและสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งตัวอ่อนแช่แข็งสามารถนำไปฝังในภายหลังได้อย่างปลอดภัยและก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ตามปกติ
คู่สมรสที่ทำหมันสามารถทำได้
สำหรับคู่สมรสที่ทำหมันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหญิงที่ผูกหรือตัดท่อนำไข่ หรือฝ่ายชายที่ผูกท่อนำอสุจิ ก็สามารถมีบุตรด้วยการทำอิ๊กซี่ได้ เพราะตัวอ่อนเกิดจากการปฏิสนธิจากไข่และอสุจิโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านท่อนำไข่หรือท่ออสุจิ
นัดหมายตรวจสุขภาพกับสูตินรีแพทย์ก่อนทำ ICSI

ข้อเสียของการทำอิ๊กซี่
อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
การทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธีอิ๊กซี่มีข้อเสียอยู่ที่กระบวนการที่ละเอียดและซับซ้อน หากดำเนินการโดยผู้ที่ขาดความชำนาญการ อาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลายด้าน เช่น ไข่และอสุจิไม่ปฏิสนธิ การติดเชื้อระหว่างการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ไข่หรืออสุจิได้รับความเสียหายจากเทคนิคการฉีด
ค่าใช้จ่ายสูง
เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ซับซ้อน ต้องอาศัยอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ รวมถึงทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถ ทำให้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิธีการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติหรือวิธีช่วยเจริญพันธุ์อื่น ๆ
ความเสี่ยงการตั้งครรภ์แฝดและการแท้ง
ครรภ์แฝดจากการทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธีอิ๊กซี่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งการตั้งครรภ์แฝดเกิดขึ้นได้ในอัตรา 15-20% และอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การแท้ง ภาวะครรภ์เป็นพิษ และการคลอดก่อนกำหนด แพทย์จึงต้องควบคุมจำนวนตัวอ่อนที่ย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการตั้งครรภ์
เข้าใจความหมายของการทำ ICSI รวมทั้งข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการแล้ว หากสนใจวางแผนตั้งครรภ์กับศูนย์รักษาการมีบุตรยากที่ได้มาตรฐาน สามารถมาวางแผนการทำอิ๊กซี่ เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์กับสูตินรีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ได้ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V Fertility Center) เรายินดีให้คำปรึกษาครบทุกขั้นตอนของการทำ ICSI และอีกหลากหลายบริการเพื่อรักษาภาวะมีบุตรยาก เช่น การทำ IUI, การทำ IVF และการแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
การทำอิ๊กซี่ (ICSI) คืออะไร ?
ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) คือการทำเด็กหลอดแก้วประเภทหนึ่ง โดยจะฉีดอสุจิที่มีคุณภาพเพียงหนึ่งตัวเข้าไปในไข่โดยตรงเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับคู่สมรสที่มีบุตรยากทั้งแบบธรรมชาติและผ่านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
ข้อดีหลักของการทำ ICSI มีอะไรบ้าง ?
การทำอิ๊กซี่มีข้อดีหลายประการ ได้แก่
- คัดเลือกไข่และอสุจิที่สมบูรณ์มาปฏิสนธิแบบเฉพาะเจาะจงในห้องปฏิบัติการ จึงเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้
- ลดความเสี่ยงทารกผิดปกติด้วยการตรวจโครโมโซมตัวอ่อน
- สามารถเก็บตัวอ่อนไว้ในภาวะแช่แข็งเพื่อรอให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ได้นานสูงสุด 10 ปี
- เพิ่มโอกาสให้คู่สมรสที่เป็นหมันหรือเคยทำหมันสามารถมีบุตรได้
การทำ ICSI มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ?
มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน หากดำเนินการโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ เช่น ไข่และอสุจิไม่ปฏิสนธิ หรือเกิดการติดเชื้อในขั้นตอนเพาะเลี้ยงตัวอ่อน
หลังทำ ICSI สามารถเก็บตัวอ่อนไว้ได้นานแค่ไหน ?
ตัวอ่อนที่ได้จากการทำ ICSI สามารถเก็บแช่แข็งได้เป็นเวลานานสูงสุด 10 ปี เหมาะสำหรับคู่สมรสที่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ หรือฝ่ายหญิงที่มีร่างกายไม่พร้อม เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกบางหรือหนาเกินไป
การทำ ICSI เหมาะกับใคร ?
- คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยาก
- คู่สมรสที่ฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายมีปัญหาทางการสืบพันธุ์ เช่น อสุจิน้อย หรือไข่คุณภาพต่ำ
- คู่สมรสที่เคยทำหมัน
- ผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี หรือผู้ที่ต้องการวางแผนตั้งครรภ์อย่างแม่นยำ
บทความโดย แพทย์หญิงศรมน ทรงวีรธรรม
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.