การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF / ICSI) เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ใช้ “การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย” จนกลายเป็นตัวอ่อน จากนั้นจึงนำตัวอ่อนที่แข็งแรงสมบูรณ์กลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ โดยตัวอ่อนในระยะนี้จะถูกเรียกว่า บลาสโตซิสต์ (Blastocyst embryo) ซึ่งอยู่ในระยะพัฒนาเต็มที่ก่อนฝังตัวในมดลูก นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยาก มีโอกาสประสบความสำเร็จด้านการตั้งครรภ์ได้มากยิ่งขึ้น
การเลี้ยงตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ คือเทคนิคช่วยให้การประเมินทำได้ละเอียดยิ่งขึ้น
ในอดีตการทำเด็กหลอดแก้วมักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนภายนอกร่างกายเพียง 2-3 วัน ซึ่งเป็นระยะ Cleavage ที่มีเพียง 6-8 เซลล์เท่านั้น แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีห้องแล็บช่วยให้สามารถเพาะเลี้ยงตัวอ่อนต่อไปจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ ซึ่งเป็นช่วงที่ตัวอ่อนมีการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเซลล์และแยกชั้นเซลล์อย่างชัดเจน จึงถือได้ว่าตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์คือระยะสุดท้ายที่มีพัฒนาการสูงสุด ก่อนจะย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ทำให้มีโอกาสฝังตัวและส่งผลดีต่อการตั้งครรภ์
การย้ายตัวอ่อนบลาสโตซิสต์ มีผลต่อการรักษาภาวะมีบุตรยากอย่างไร ?
- ตัวอ่อนโตเต็มที่ถึงระยะบลาสโตซิสต์ก่อนการย้าย จะช่วยเพิ่มอัตราการฝังตัวในมดลูก เพราะตัวอ่อนมีการพัฒนาและความสมบูรณ์ที่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์
- สามารถตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อน ด้วยการทำ PGT-A เพื่อคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพสูง ลดโอกาสแท้งและเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้สำเร็จ
นัดหมายปรึกษาแพทย์ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center)
ขั้นตอนการรักษาภาวะมีบุตรยาก และคัดเลือกตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์
- ตรวจร่างกายทั้งฝ่ายชายและหญิง ได้แก่ ตรวจคุณภาพไข่ โพรงมดลูก ท่อนำไข่ และคุณภาพอสุจิ
- ฉีดยากระตุ้นไข่สำหรับฝ่ายหญิง วันละเข็ม ประมาณ 10-12 วัน
- เจาะเก็บไข่ หลังจากที่ฉีดยาให้ไข่สุกภายใน 36 ชั่วโมง
- การเตรียมอสุจิ ในวันเดียวกับที่เจาะเก็บไข่ แพทย์จะเก็บอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุด และนำมาผสมกับไข่ในหลอดทดลอง จากนั้นจึงรอการปฏิสนธิ
หลังจากที่ตัวอ่อนโตจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ แพทย์จะย้ายตัวอ่อนกลับสู่โพรงมดลูก โดยใช้อุปกรณ์ลักษณะท่อพลาสติกขนาดเล็กและมีความนิ่ม สอดผ่านช่องคลอดและผ่านปากมดลูกเข้าไปยังโพรงมดลูก หลังจากใส่ตัวอ่อนแล้วคุณผู้หญิงจะต้องนอนนอนพัก เป็นเวลา 2 ชั่วโมงจึงสามารถกลับไปพักที่บ้านได้
ทำไมต้องเลือกย้ายตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์ ?
อย่างที่บอกไปว่า ระยะบลาสโตซิสต์คือระยะที่ตัวอ่อนมีความพร้อมสูงสุดต่อการฝังตัว ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแพทย์จะทำการคัดเลือกตัวอ่อนคุณภาพดีที่สุดเพียงหนึ่งหรือสองตัวในการย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อเพิ่มโอกาสการฝังตัวและการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ การเพาะเลี้ยงตัวอ่อนไปจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ ยังจะช่วยให้สามารถตรวจคัดกรองโครโมโซม (PGT-A) ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ทำให้ลดความเสี่ยงของการแท้ง ทั้งยังช่วยให้ลูกน้อยที่เกิดมามีสุขภาพที่แข็งแรง
นัดหมายปรึกษาแพทย์ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center)
เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ด้วยการย้ายตัวอ่อนที่สมบูรณ์กับ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center)
หากคุณกำลังวางแผนตั้งครรภ์ และต้องการเพิ่มความสำเร็จในการมีบุตร สามารถนัดหมายเพื่อวางแผนการรักษากับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ได้ที่ VFC Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร (V-Fertility Center) เราดูแลครอบคลุมตั้งแต่การตรวจเริ่มต้น การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการย้ายตัวอ่อน ตลอดจนสิ้นสุดกระบวนการทำ ICSI ภายใต้อัตราการตั้งครรภ์สำเร็จสูงถึง 88.61%* ช่วยให้คู่สมรสมีโอกาสต้อนรับสมาชิกใหม่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Q: ระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst stage) คืออะไร ?
A: ระยะบลาสโตซิสต์ คือระยะการเจริญเติบโตขั้นสูงของตัวอ่อน ซึ่งเกิดขึ้นประมาณวันที่ 5–6 หลังปฏิสนธิ โดยตัวอ่อนในระยะนี้ จะมีเซลล์จำนวนมากและเริ่มแยกชั้นเซลล์ชัดเจน พร้อมสำหรับการฝังตัวในโพรงมดลูก บลาสโตซิสต์จึงเป็นระยะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการย้ายตัวอ่อนในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF / ICSI)
Q: ทำไมการย้ายตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ จึงเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่า ?
A: เพราะตัวอ่อนที่สามารถเติบโตไปจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ มักเป็นตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีและแข็งแรง สามารถฝังตัวได้ทันทีเมื่อย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ทำให้อัตราความสำเร็จสูงกว่าการย้ายตัวอ่อนในระยะ 2-3 วันแรก (Cleavage stage) ที่มีเซลล์เพียง 6-8 เซลล์
Q: การเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ต้องทำอย่างไร ?
A: ทีมแพทย์และนักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจะนำไข่และอสุจิมาผสมในห้องแล็บ จากนั้นเลี้ยงตัวอ่อนในตู้อบที่ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับโพรงมดลูก ตัวอ่อนจะถูกติดตามการเจริญเติบโตทุกวัน หากพัฒนาได้ดีจนถึงวันที่ 5-6 ก็จะเข้าสู่ระยะบลาสโตซิสต์และพร้อมสำหรับการย้ายกลับเข้าโพรงมดลูก
Q: ขั้นตอนการย้ายตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ทำอย่างไร ?
A: เมื่อได้ตัวอ่อนที่แข็งแรงในระยะบลาสโตซิสต์ แพทย์จะใช้ท่อพลาสติกขนาดเล็กและนิ่มสอดผ่านช่องคลอดและปากมดลูก เพื่อนำตัวอ่อนเข้าไปวางในโพรงมดลูก ขั้นตอนนี้ไม่เจ็บและใช้เวลาไม่นาน หลังย้ายตัวอ่อน ผู้หญิงควรนอนพักประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนกลับบ้านได้
Q: อัตราความสำเร็จของการย้ายตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์สูงแค่ไหน ?
A: การย้ายตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์มีอัตราความสำเร็จสูงกว่าวิธีเดิม โดยมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 88.61% จากข้อมูลผลการรักษาตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 – ธันวาคม 2021 เนื่องจากตัวอ่อนที่ถึงระยะนี้มีความพร้อมสูงและมีศักยภาพในการฝังตัวมากที่สุด

ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ




No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.